เบิ่งฟ้าบ่เห็นน้ำ เบิ่งลุ่มซ้ำบ่เห็นทราย คอนกรีตปิดดินตาย ย่อมปิดเสียงอีสานเฮา ปิดเสียงแห่งแผ่นดิน จนเหมิดสิ้นถิ่นลำเนา ถ้อยคำจากปากเขา คือดูถูกดูหมิ่นจริง ลำโขงก็เหือดแห้ง ลำมูลแฮงบ่ไหวติง ลำชีผีซ้ำสิง แสนลำบากฮากแตกแตน อีสานบ่มีเสียง เหมิดสิทธิ์ฮ้องบอกผู้แทน อุกอั่งมันคั่งแค้น คุในเอิกกระอักเอา น้ำตาไหลเหี่ยฮด คอนกรีตซดตะเว็นเผา อ้ายน้องผองหมู่เฮา สิเว้าหยังเว้าจังใด๋ หนึ่งคำก็ว่าโง่ เขาก็โห่ก็ฮาให้ เป็นคนคือกันไย มาดูถูกว่าเป็นควาย เสียงสิทธิ์ที่เลือกตั้ง คือพลังหวังเลือกนาย ทุกเกิดแก่เจ็บตาย พร้อมฮับผิดชอบคิดตาม ไยปล้นศัพท์เสียงเฮา มาดูเบาดูถูกความ ชีวิตสิทธิตาม ก็ถืกต้องครรลองควร แฮงคึดแฮงเคียดแค้น หมึนหวื่อแสนสะท้านครวญ เสียงเฮาที่ไห้หวน บ่มีค่าพาไผฟัง เบิ่งฟ้าบ่เห็นน้ำ เบิ่งลุ่มซ้ำแฮงอุกอั่ง คอนกรีตปิดดินพัง บ่เปิดทางสร้างชีวา สองมือและสองตีน สิปายปีนปลุกราคา แผ่นดินอีสานพา พวกเฮาปลุกขึ้นลุกยืน ตะเว็นยิ่งแผดแสง เฮาต้องแข่งต้องขัดขืน ทวงสิทธิ์ทวงเสียงคืน ลุกขึ้นสู้เพื่อชิงชัย
5 กรกฎาคม 2553 12:05 น. - comment id 1143398
5 กรกฎาคม 2553 12:40 น. - comment id 1143403
5 กรกฎาคม 2553 20:32 น. - comment id 1143480
สวัสดีมิสเตอร์ซีเรียส สบายดีนะ
5 กรกฎาคม 2553 21:04 น. - comment id 1143487
ปิดเสียงแห่งแผ่นดิน จนเหมิดสิ้นถิ่นลำเนา แดดเปรียงตะเว็นเผา คือพร้าสับเข้าใส่คิง ............................................. คือพร้าสับเข้าใส่คิง สงสัยกับกลอนบทนี้
6 กรกฎาคม 2553 00:03 น. - comment id 1143515
กราบสวัสดีทุกท่าน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน อ่านกลอนกันขอรับ คิงแปลว่า ตัว เช่นเวลา คนไม่สบายตัวร้อน นอกจากจะบอกว่า "โตฮ้อน" แล้วยังบอกว่า "คิงฮ้อน" ได้ด้วย ครับ เช่น ศิริพร อำไพพงษ์ มีเพลง "สาวคิงฮ้อน" ตัวอย่างที่จะพอหาทางเน็ตได้ก็คือ "หล้าคิงฮ้อนติ มื้อนี้บ่ต๊องไปเฮียนเด๋อ" คำแปล หนูตัวร้อนเหรอ วันนี้ไม่ต้องไปเรียนหนังสือนะ http://www.isan.clubs.chula.ac.th/lang/?transaction=search_word.php&Word_example=%CE%E9%CD%B9 แต่ปัญหาของคำนี้ คือ เท่าที่ฟังผู้เฒ่าพูด มันออกเสียงเป็น "คีง" ออกเสียงยาว พอควร แต่ ผมเดาว่า เพราะภาษาอีสาน ไม่ได้เน้นหนักให้คนที่พูด ใช้เป็นภาษาเขียน ทำให้ เสียลสระ "เพี้ยน" จากสระเสียงยาว ทุกวันนี้ ลองฟัง เสียงวัยรุ่น บางจังหวัด พูด ออกเป็นเสียงสั้น จาก อี เป็น อิ คีง เลย กลายเป็น คิง ไปเสียหลายพื้นที่แล้วครับ
6 กรกฎาคม 2553 15:39 น. - comment id 1143637
ไม่ได้ทักทายกันซะนาน..สบายดีนะครับ..
6 กรกฎาคม 2553 15:58 น. - comment id 1143646
สวัสดีทุกท่านครับ สวัสดี
9 กรกฎาคม 2553 06:46 น. - comment id 1144316
หวัดดีครับ เป็นการกล้าหาญมากที่เอาภาษาถิ่นมาลงในกาพย์ มันมีเสน่ห์อีกแบบครับ น่าสนใจมาก ...อุอั่ง ผมว่าน่าจะเป็นอุกอั่งมากกว่า นะ... ผมจะลองแนวนี้ดูบ้างครับ... นับถือครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ....
9 กรกฎาคม 2553 07:42 น. - comment id 1144326
ขอบพระคุณครับ ผมลองแก้ตามที่แนะนำแล้วครับ
10 กรกฎาคม 2553 11:30 น. - comment id 1144735
.......อิศาน........ ในฟ้าบ่มีน้ำ..................ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย...............ก็รีบซาบบ่รอซึม แดดเปรี้ยงปานหัวแตก.....แผ่นดินแยกอยู่ทึบทึม แผ่นอกที่ครางครึม..........ขยับแยกอยู่ตาปี มหาห้วยคือหนองหาน......ลำมูลผ่านเหมือนลำผี ย้อมชีพคือลำชี...............อันชำแรกอยู่รีรอ แลไปสดุ้งปราณ..............โอ! อิศาน, ฉะนี้หนอ... คิดไปในใจคอ.................บ่คอยดีนี้ดังฤา? พี่น้องผู้น่ารัก,..................น้ำใจจักไฉนหือ? ยืนนิ่งบ่ติงคือ...................จะใครได้อันใดมา? เขาหาว่าโง่เง่า..................แต่เพื่อนเฮานี่แหละหนา รักเจ้าบ่จาง ฮา!................แลเหตุใดมาดูแคลน... เขาซื่อสิว่าเซ่อ.................ผู้ใดเน้อจะดีแสน ฉลาดทานเทียมผู้แทน........ก็เห็นท่าที่กล้าโกง กดขี่บีฑาเฮา....................ใครนะเจ้า? จงเปิดโปง เที่ยววิ่งอยู่โทงโทง.............เที่ยวมาแทะให้ทรมาน รื้อคิดยิ่งรื้อแค้น.................ละม้ายแม้นห่าสังหาร เสียตนสิทนทาน................ก็บ่ได้สะดวกดาย ในฟ้าบ่มีน้ำ...................... ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย....................คือเลือดหลั่ง! ลงโลมดิน สองมือเฮามีแฮง...............เสียงเฮาแย้งมีคนยิน สงสารอิศานสิ้น................อย่าซุด, สู้ด้วยสองแขน! พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ? บทกวีบทนี้แต่งโดย นายผี หรือ อัศนี พลจันทร์ ผู้ล่วงลับไป.... ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่เห็นว่ามุมมองและเนื้อหาคล้ายกันมาก เลยเอามาลงเปรียบเทียบดู....
10 กรกฎาคม 2553 11:38 น. - comment id 1144738
นักกลอนที่ดี ควรมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ผลงานที่ลอกเลียนแบบยังไงก็ไม่วันดีไปกว่าตัวต้นแบบได้ ถึงคุณจะไม่ได้ลอกมาทั้งหมดแต่เมื่อดัดแปลงมาก็ควรจะกล่าวถึงและให้เครดิตแก่นักเขียนผู้เป็นต้นแบบที่ล่วงลับด้วย เพราะ นายผี ท่านคือตำนานของนักสู้เพื่ออิสระของเสรีชนนะครับ ด้วยมิตร
10 กรกฎาคม 2553 17:33 น. - comment id 1144776
สวัสดีครับ คุณกระบี่ใบ้ไม้ ถ้าหากว่าท่านสังเกตตรงมุมแหล่งที่มา ผมได้ ระบุไว้แล้วครับว่าได้รับแรงบันดาลใจ จาก ท่าน อัศนี พลจันทร์ ขอบพระคุณมิตรภาพที่ตักเตือนครับ
11 กรกฎาคม 2553 12:30 น. - comment id 1144912
ผมก็หน่อแนวอีสานคนนึงครับ อ่านกลอนนี้แล้ว บอกได้คำเดียวครับโดนมากๆ สุดยอดเลยครับพี่เชษฐภัทร วิสัยจร
11 กรกฎาคม 2553 13:09 น. - comment id 1144917
เข้ามาอ่านงานงามอีกครั้ง พร้อมกับอ่านข้อความในการแสดงความคิดเห็นด้วย ก็เลยทำให้นึกถึงเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คราวที่เขียน "๏ ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต" ซึ่งก็เกิดจากแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง และนำมาบวกกับบทกลอน"เส้นทางทระนง" แต่ท้ายสุดความเข้าใจผิดก็กลายเป็นเข้าใจถูก เพราะได้รับการคลี่คลาย การเลียนครูเป็นเรื่องที่กวีโบราณทำกันโดยถือว่า เมื่อเลียนครู ก็แปลว่า เคารพครู เวทย์ 22 มี.ค. 50 - 08:08 IP 124.157.189.123 ................................... อัลมิตรา เขียน"ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต" เพราะได้แรงบันดาลใจจากหนังสือไล่ตงจิ้น + บทกลอนเส้นทางทระนง เชษฐภัทร เขียน "อีสาน" เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากนายผี + ความเป็นอีสานในตัวตนของเขาเอง กระบี่ใบไม้ เขียน "ลีลาวดี" เพราะได้แรงบันดาลใจจากสหายคนสำคัญที่รักยิ่ง อาคาเซีย ...................... สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของอัลมิตรา งานเขียนที่ลอกเลียน แต่ไม่ได้ลอกคำเสียทั้งหมด นั่นก็หมายถึง ความคืบหน้าในการคิดสร้างสรรค์ เมื่อเทียบเคียงแล้ว เราสามคนก็ไม่ได้แตกต่างกันนะ :)
12 กรกฎาคม 2553 02:38 น. - comment id 1144993
สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขออภัย คุณ เชษฐภัทร วิสัยจร ด้วยครับที่มองไม่เห็นคำอ้างอิงแหล่งที่มาของท่าน(ยอมรับว่าตำแหน่งที่อยู่และตัวอักษรค่อนข้างเล็ก )เพราะโดยปกติการอ้างอิงแหล่งที่มาหรือให้เครดิตของผมมักเขียนเป็นตัวโตๆ แนบท้ายบทกลอนไปเลย แต่ยังไงก็ต้องขออภัยท่านอยู่ดี ประเด็นต่อมาขออนุญาตชี้แจงคุณอัลมิตรา ที่ว่า กระบี่ใบไม้ เขียน "ลีลาวดี"เพราะได้แรงบันดาลใจจากสหายคนสำคัญที่รักยิ่ง อาคาเซียและ งานเขียนที่ลอกเลียน แต่ไม่ได้ลอกคำเสียทั้งหมด นั่นก็หมายถึง ความคืบหน้าในการคิดสร้างสรรค์ จริงๆแล้วคำว่า ลอกเลียน และ แรงบันดาลใจนั้นมีความหมายที่ต่างกัน ลอกเลียนคือการทำให้คล้าย ต่างจาก แรงบันดาลใจคือการจุดประกายความคิดจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กับบทกลอน ลีลาวดีนั้นข้าพเจ้าได้รับแรงบันดาลใจจากการไปอ่านบทกลอนของ สหายคนสำคัญที่รักยิ่ง อาคาเซีย ที่มีเนื้อหาว่า ผ่านทางมา เห็นดอกลีลาฯกลีบช้ำ ปลิดขั้วทิ้งตัวลอยต่ำ โศกนาฏกรรมดอกไม้ ณ ร่มเงา... มีดอกลีลาฯเฉาไหม้ ทอดตามองสนใจ นี่ไง วัฏจักรชีวิต ลมโหมผ่าน... เย็นซ่านระรื่นจิต ธรรมะ-ดา มาเนรมิต พบปริศนาดอกไม้ ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนบทกลอนตอบไปว่า คล้ายลีลาวดีคือลีลา สะท้อนภาพที่ผ่านมาว่าหลากหลาย เริ่มต้น-คงอยู่-และล้มตาย งดงามแห่งต้นไม้ไม่ยั่งยืน ทายทักแสงแดดอ่อนเมื่อยามเช้า กลีบขาวพร่างพรายและสดชื่น เมื่อเย็นย่ำถึงห้วงร่วงสู่พื้น งดงามก็กลับคืนสู่ผืนดิน ................................................ คล้ายลีลาวดีคือลีลา สะท้อนภาพที่ผ่านมาไม่จบสิ้น งามใดจักอยู่เป็นอาจินต์ เคียงคู่กับธรณินทร์ไม่เปลี่ยนแปลง ................................................ ลีลาวดีดอกหนึ่งวาง-ข้างพระประธานใหญ่ บอกเวลาผันผ่านไปไม่อับแสง คือลีลาแห่งความดีที่สำแดง เติมและแต่งแต้มโลกนี้ด้วยดีงาม ซึ่งถ้าอ่านอย่างพินิจดีๆแล้ว จะเห็นว่าบทกลอนทั้งสองบทนี้เขียนขึ้นจากการตีความที่แตกต่างกัน ในสำนวนที่แตกต่างกัน ไม่มีส่วนที่คล้ายกันไปได้เลย เพียงแต่ ท่านหญิงอาคาเซีย เป็นคนแต่งบทกลอนลีลาวดี ในสำนวนของท่านหญิงขึ้นก่อน แล้วจึงจุดประกายให้กระบี่ใบไม้ เขียนบทกลอน ลีลาวดี ในแง่มุมของกระบี่ใบไม้ขึ้น ไม่ได้หมายถึง งานเขียนที่ลอกเลียน แต่ไม่ได้ลอกคำเสียทั้งหมด นั่นก็หมายถึง ความคืบหน้าในการคิดสร้างสรรค์ ตามความหมายของคุณอัลมิตราแต่อย่างใด ขอบคุณครับ
12 กรกฎาคม 2553 07:22 น. - comment id 1145006
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณกระบี่ใบไม้ .. ที่บอกว่า งานเขียนที่ลอกเลียน แต่ไม่ได้ลอกคำเสียทั้งหมด นั่นก็หมายถึง ความคืบหน้าในการคิดสร้างสรรค์ เป็นข้อความที่ต่อเนื่องจาก ประโยคที่ลุงเวทย์เขียนไว้ การเลียนครูเป็นเรื่องที่กวีโบราณทำกันโดยถือว่า เมื่อเลียนครู ก็แปลว่า เคารพครู เวทย์ 22 มี.ค. 50 - 08:08 IP 124.157.189.123 ค่ะ สำหรับคุณกระบี่ใบไม้ หรือ เชษฐภัทร อัลมิตราคงไม่กล้ากล่าวว่าลอกเลียน เพราะอัลมิตราไม่สามารถก้าวล่วงละเมิดจินตนาการแห่งการเขียนได้ ดังนั้น หากสื่อที่อัลมิตราเขียน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในทำนองนั้น ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
12 กรกฎาคม 2553 09:24 น. - comment id 1145039
สวัสดีครับ จริงๆแล้วหลังจากที่โพสข้อความตอบคุณอัลมิตราและคุณเชษภัทรไปเมื่อวาน ผมยังกลับมาคิดเลยว่าผมใช้คำพูดแรงไปหรือเปล่าหนอ? แต่โดยสัตย์จริงผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย เพียงแต่ผมเห็นว่าทั้งผมและทุกท่านต่างมีจุดร่วมอยู่คล้าย ๆ กัน นั่นก็คือชอบแต่งบทประพันธ์ประเภทร้อยกรองเหมือนๆกัน อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นพี่น้องวงศ์วานว่านเครือในสวนอักษรแห่งเดียวกันทั้งหมดทั้งสิ้น ในบางครั้งผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับท่านในบางประการ ผมก็อาจแวะเข้ามาเตือนท่านบ้างในบางครั้ง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสียทั้งหมดก็ได้แต่ก็เป็นคำเตือนด้วยเจตนาที่ดีโดยแท้จริง มิได้มีความเห็นเป็นอื่นแต่ประการใด ซึ่งถ้าเกิดมีถ้อยคำใดๆก็ตามที่ผมใช้ อาจทำให้ท่านผิดผ้องหมองใจไปบ้างผมก็ต้องขออภัยมาในที่นี้ และในทางกลับกันถ้ามีผลงานใดๆของผมที่ไม่ถูกต้อง หรือผิดพลาดซึ่งท่านพบเห็นก็ยังหวังในความกรุณาจากทุกท่านให้ช่วยเข้ามาตักเตือนให้ผมด้วย ถึงแม้ในขณะนี้ผมก็ยังรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้รู้จัก เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องๆ ในสวนอักษรน้อย ๆ แห่งนี้ทุกท่าน เอาเป็นว่า ผมเองก็ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ด้วยมิตร
12 กรกฎาคม 2553 12:44 น. - comment id 1145062
อัลมิตราคิดว่า ทุกคนที่อยู่ในแวดวงงานประพันธ์ ย่อมมีความรู้สึกหวังดีซึ่งกันและกัน ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นก็เป็นไปในทัศนคติที่ดี เจตนาดี การเสวนาโดยใช้สื่อทางอักษรจึงเป็นการแสดงออกซึ่งไมตรีจิตอย่างหนึ่ง คุณกระบี่ใบไม้อย่าได้กังวลเลยค่ะว่าเชษฐภัทณจะรู้สึกคิดลบ และยิ่งไม่ต้องกังวลเลยว่า อัลมิตราจะรู้สึกเช่นนั้นด้วย เพราะอัลมิตราทราบว่า คุณมีเจตนาที่ดี ที่ได้ฝากความคิดเห็น ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เป็นกระบวนการหนึ่งในความเป็นมิตรนั่นเอง เรายังคงเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่เช่นเดิมค่ะ :)
13 กรกฎาคม 2553 14:26 น. - comment id 1145369
กวีบ้านไร่ ขอบกว่า กลอนเพื่อชีวิต คนอีสาน มากครับ ----------- พี่น้องเอ้ย........เสียงฟ้าฮ้องก้องถิ่นดินสยาม ฮ้องคำราม อสุราบนท้องฟ้า แต่ว่านาเฮาแล้ง แห้งกิ่น ดินทราย น้ำบ่หลายลงมา ฮดสวน ตายแล่ว แน่ว ทรายแกมแก้ว ดินดอน น้ำผ่าน นี่แล่ว แน่วว่านา น้ำท่วม อวมดินน้ำหลาก....พี่น้องเอ๋ยยย ตกว่าซาตานี้ แห้งกิ่น ดินอีสาน.............
13 กรกฎาคม 2553 14:27 น. - comment id 1145370
เห็นด้วยกับทุกท่านครับ