เสียงลมหวนรวนเรระเห่จิต ในใจคิดวาบหวิวละลิ่วหา อยากชื่นอยู่ในความรักทุกเวลา รักไม่มาแม้นาทีให้ดีใจ ฉันยังอยู่ในวัยที่ใสสด ยังจำจดอยู่ในความสดใส และไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป แม้ภายในยังรู้ไว้ไม่มีวัน ฉันอยากใช้ความเป็นไปในวัยรุ่น ที่คุกรุ่นเต็มไปด้วยสีสัน อยากให้สีไม่จางไปแม้นนานวัน ว่าไปครันไม่ต้องบอกหลอกตัวเอง ฉันต้องการความรักที่ยิ่งใหญ่ มาจากความจริงใจใช่ข่มเหง อยากจะมีเพื่อนใจเพื่อบรรเลง ดนตรีเพลงแห่งความรักที่ปักใจ ฉันอยากมีอำนาจราชศักดิ์ คนคำนับกราบกรานทั้งน้อยใหญ่ แต่มันก็เป็นได้แค่ฝันไป ไม่อยากให้ตื่นกลางครันฉันอยากนอน ฉันจะมีเพื่อนฝูงสักแสนคน เอาไว้บ่นให้เขาฟังตอนนั่งหมอง แม้นชีวิตจะเดินไปตามครรลอง แต่ความฝันไม่อาจต้องด้วยเวลา ฉันตื่นขึ้นงัวเงียแสนเพลียนัก เพราะเมื่อคืนงานแสนหนักเป็นนักหนา แต่หันหลังฉันยังนอนอยู่นี่นา โอ้ไม่น่าตัวฉันชาเหมือนแช่เย็น นี่ฉันตายไปแล้วจริงหรือนี่ แล้วฝันที่ฉันนึกและตรึกเห็น ไม่มีทางเป็นได้อย่างที่อยากเป็น โธ่ลำเค็ญอุตส่าคิดจนจิตมัว ถ้ารู้งี๊เมื่อวานนี้จะทำบุณ จะไม่ขุนนั่งคิดจนเวียนหัว ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปไม่รู้ตัว แล้วจะมัวยึดติดคิดทำไม
9 เมษายน 2545 00:08 น. - comment id 44927
สื่อความหมายได้ดีจัง ทีแรกอ่านไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้ หักมุมน่าดูเลย ชีวิตคนเราก็มีอยู่แค่นี้ จะมัวแต่นั่งคิดมากทำไม สู้เอาเวลาที่คิดมาทำสิ่งที่เราอยากทำจะดีกว่าเนอะ
9 เมษายน 2545 15:48 น. - comment id 45010
ยาวดีนะ เพราะดีด้วย แล้วก็เลี้ยวโค้ง ไม่บอกกันเลย เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็ได้ใช่เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
20 เมษายน 2545 16:29 น. - comment id 46466
เพราะดีค่ะ อ่านแล้วก็ปลงตก .....