๏ มองเมฆลอยห่มฟ้ายังพาหวน หน่วงนึกถึงเคยครวญให้ป่วนปั่น เย็นลมดึกโชยผ่านทุกวารวัน ยังคงฝันถึงชายที่หมายมอง ๏ ฟังเสียงหรีดหริ่งโหยที่โชยแว่ว ยะเยือกแผ่วลมพัดยิ่งกลัดหนอง ระทวยทุกข์ถมถั่งเมื่อหวังปอง มาลอยล่องเลือนหายมลายไป ๏ คงเป็นเพลงหรีดกระหน่ำมาสำทับ แว่วเสียงจับดวงจิตเหมือนพิษใส่ หยดลงผ่านจากตัวถึงขั้วใจ กัดกร่อนไปเกินทั่วทั้งตัวตน ๏ เถิดจงมาความเศร้ามาเผาข้า คือการท้าทายแกร่งทุกแห่งหน ขอต้อนรับความแพ้แม้มืดมน จะร้อยหนหมื่นครั้งก็ยังรอ ๏คงไม่เหลือสักครั้งความหวังนี้ ให้เรามีรักมั่นที่ฝันต่อ เติมเต็มเปี่ยมใจป่นให้ล้นพอ จะไม่ขอเกินนี้หากมีจริง ๏ มองเมฆลอยหม่นเคลื่อนจนเลือนลับ ยินแต่ศัพท์สำเนียงของเสียงหริ่ง ยามลมดึกยังหวั่นพรั่นประวิง ถึงทุกสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว ๚ะ๛
2 พฤษภาคม 2553 21:57 น. - comment id 1125038
โห....โดนมากเลย เศร้ามากครับ อ่านแล้วอินเลยครับ
4 พฤษภาคม 2553 09:50 น. - comment id 1125395
๐ ฝันสลายสายลาล่วงลับหรือ ยังไม่ถือมือไถ่จักไขว่ถึง ในนิมิตรสนิทมีสิรำพึง ยังตราตรึงตรึงตรา..ติดตามตรอง ๐ ฝันยังคงโยงค้างบนทางสาน อิ่มฉ่ำหวานซ่านวามความสนอง โสตเสนาะเซาะนานับเนืองนอง แสงสีทองส่องถี่มิหรี่ลา... อิอิ..มาแจมด้วยจ้า
5 พฤษภาคม 2553 14:15 น. - comment id 1125616
เก่งมากๆ ครับ แต่งกลอนได้ไพเราะ แสนเศร้า ขอให้ฝันนั้น ไม่สลายไปไหน นะครับ ชอบมาก ครับ กลอนนี้