ทิวทัศน์ที่มองไปจากดอยกิ่วลม ~ โคลงบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว ~ นนท์ - เหนือ ~ ๔๑. ยามสายอิ่มแล้วมุ่ง ...... แม่ริม ออกนอกเมืองแลหงิม ......... เงียบบ้าง มาเที่ยวชื่นเชยชิม ............. ธรรมชาติ ซึมซับรู้สึกสร้าง ................ สุขแต้มแต่งฝัน ๔๒. "พิพิธพัณฑ์ผีเสื้อ" ..... ฝรั่งรุม ชมแล ตาข่ายแยกส่วนคลุม ......... ครอบไว้ ทางเดินท่ามสุมทุม ........... ธรรมชาติ หมื่นดอกฟาร์มกล้วยไม้ ...... มื่นแม้นสวนสรวง ๔๓. จนล่วงผ่านแยกซ้าย .....ไปสะเมิง น้ำตกแม่สาเชิง .................. แปดชั้น ทางราบเรียบระเริง .............. เรื่อยแล่น สองฝั่งทางหว่างนั้น ............ รถน้อยเกินคะนึง ๔๔. สิบโมงถึงแยกแหม้* ..... มาลัย ปายแยกซ้ายเลี้ยวไป ........... ป่ายขึ้น- ปีนลงหว่างพงไพร .............. พฤกษ์แนบ บางช่วงเร่งบรึ้นบรึ้นส์ .......... บุกขึ้นทางชัน ๔๕. หว่างไพรสัณฑ์คดเคี้ยว ..... คลานวน บางจุดอับตาจน ..................... จรดโค้ง น้ำตกหมอกฟ้าหน .................. ทางผ่าน ไปเอย บางจุดแสนโล่งโจ้ง ................ จรดซ้ายสิเหว ๔๖. เอวเอียงเบี่ยงเบียดเลี้ยว ..... เลาะเขา ไม้ป่านานาเนา ...................... แน่นฟ้า เพียงรู้ผ่อนหนักเบา ................. บางช่วง นับเช่นวิถีกล้า ........................ ก่อนนั้นมิเคย ๔๗. กลัวเลยทางแยกห้วย ..... น้ำดัง แวะจุดวิวรักจัง .................... จักรู้ ร้านค้าที่ถามยัง .................. ประโยชน์สุ ขาแล พักยืดเส้นสายสู้ .................. สิใกล้แล้วหนอ ๔๘. หก ก.ม. ขึ้นที่ ........ ทำการ เขตวนอุทยาน ............... หยั่งฟ้า ทางคับแคบค่อยคลาน ..... ขึ้นระดับ พันหกร้อยสิบห้า ............. เมตรล้ำทะเลลอย บ้านพักบนดอยกิ่วลม ๔๙. ดอยกิ่วลมบ้านพัก ..... พอใจ ลดโหลดกระเป๋าไป ..........ปล่อยห้อง จนแล้วเสร็จมิไถล ........... ถลันออก เที่ยงสิบบันทึกจ้อง .......... จดไว้ไปปาย ๕๐. รายทางบ้างกลิ่นคลุ้ง ..... ขี้วัว คงนับสิบสิบงัว ................... ปล่อยเลี้ยง รีสอร์ทเริ่มเรียงตัว ............... ตามหว่าง วิถีแฮ เห็นสะพานเหล็กเพี้ยง .......... ผ่านข้ามลำปาย ๕๑. ตลาดปายสองฝั่งร้าน ..... พะรุงพะรัง ถึงบ่ายโมงประดัง ................ แดดจ้า ยามบ่ายทั่วปายยัง ............... สงบเงียบ อยู่นา เย็นค่ำคนมากหน้า ............... จึ่งเข้าชิมเมือง ๕๒. เรื่องอาหารปากท้อง ..... ถึงคราว ตรงสี่แยกปายหนาว ............ หนึ่งร้าน อาหารมากอย่างราว ............ ร้านเก่า แก่เอย ดูสะอาดสะอ้าน .................. อิ่มแล้วออกเดิน ๕๓. เพลินเพลินชมเผื่อซื้อ ..... สิ่งของ นุชหนึ่งน่าเมียงมอง .............. ละเมียดเนื้อ เม็ดเหงื่อหยาดเนืองนอง ........ เนินอุ ราเอย ขาวสุดขาวเอื้อเฟื้อ ............... ฝากฟื้นใจชาย ๕๔. บ่ายสามขับเที่ยวข้าม ..... ลำปาย วนทั่วเมืองจนหลาย .............. รอบแล้ว จะลาจากใจหาย .................. ให้ห่วง นุชเฮย ร้อนแดดคงมิแคล้ว ............... คราสเนื้อนวลหมอง ๕๕. อยากลองสักน้อยรส ..... กาแฟ "คอฟฟี่เลิฟ"เล็งแล ............. เลียบข้าง สาวหนุ่มไม่จอแจ ............... นั่งจิบ กันแฮ ถ่ายรูปกันอยู่บ้าง ................ กับบ้านยุโรปเหลือง ๕๖. เนื่องประวัติศาสตร์อ้าง ..... เอ่ยขาน ญี่ปุ่นสร้างสะพาน .................. ผ่านไว้ เพื่อขนส่งอาหาร ................... จากพม่า ยุทธลำเลียงใช้ ..................... ช่วงครั้งสงคราม ๕๗. ตามทางกลับนับโค้ง ..... คณามี โค้งแคบโค้งกว้างลี- ............ ลาศโค้ง โค้งหักศอกโค้งดี ................ โค้งเด่น ร้อยเกือบห้าสิบโค้ง ............. เบื่อโค้งจริงจริง ๕๘. ออกวิ่งยามอยู่เบื้อง ..... บนดอย แลปล่อยใจล่องลอย ........... ลึกค้น ความรู้สึกที่คอย ................. ครวญใคร่ ความหนึ่งตรึงแต่ต้น ............ ตรึกต้องใจคอย ทิวทัศน์บนดอยกิ่วลม ยามเย็น ทิวทัศน์ที่มองไปจากดอยกิ่วลม ยามโพล้เพล้ ๕๙. ดอยกิ่วลมพิศฟ้า ..... ยามเย็น ปุยเมฆเป็นสายเห็น ......... แห่ห้อม ทิวเขาทอดแนวเป็น ......... ปอยยอด แสงสาดทาบเงาย้อม ....... หยาดแต้มสีสัน ๖๐. ราวสวรรค์สรรค์ภาพฟ้า ..... เพียงทะเล ลมเยือกเย็นถ่ายเท ................. กระทบหน้า กิ่งสนแกว่งไกวเห .................. หันโยก โยนเอย ยามเมื่อสนธยาล้า ................. เลื่อมรุ้งหลากสี ๖๑. นาทีสุริยะคล้อย ..... คลายดวง คราเมฆมองล่องลวง ..... ล่วงพลิ้ว สีแสงฉากภาคปวง ........ แปรภาพ พลันเอย เงาทาบทึมทอริ้ว ........... ราศร้างลานัยน์ ๖๒. ใจพลอยลอยเลื่อนคล้าย ..... ความฝัน อันว่ายเวียนวารวัน ................... วาดรุ้ง ด้วยรักแอบอิงอัน ..................... อิงแอบ ไว้เอย จมจ่อมจนฟายฟุ้ง .................... ฟ่องเร้ารัญจวน ๖๓. หวนคำนึงย่างย้อน ..... เยื่อใย ความห่วงหาคราไกล ......... ก่อแล้ว เกาะกุมอยู่ภายใจ ............. จรัสดั่ง ดาวเอย ดารดาษราตรีแพร้ว ........... กะพริบพร้อยแพรววาว ๖๔. แสงดาวสุดฟากฟ้า ..... พราวงาม ดูดั่งตาเธอวาม ................ วาบจ้อง สะกดอยู่ทุกยาม ............... ยลยิ่ง มนตร์เอย เกินกว่าห้ามใจพร้อง ......... พร่ำเพ้อรำพึง ๖๕. ถึงเธอเพียงภาพแม้น ..... มีเรา คืนค่ำบนดอยเขา ................ เขตฟ้า เพียงสองสอดซบเนา ........... แนบสนิท ปลดปล่อยใจไขว่คว้า ........... ไขว่ข้ามเขตสรวง ๖๖. อย่าหวงอย่าปิดป้อง ..... ปรางหอม ขอชื่นเชยชมดอม .............. ด่ำซึ้ง เกินนิดกว่าหน่อยยอม ......... อย่าหลบ เลี่ยงรา เถิดอย่าอายอกอึ้ง .............. อุ่นแก้มนาสา ๖๗. ปรารถนาอันนุ่มน้อม ..... แนมนวล โสมส่องแสงสบยวน ........... ยิ่งแล้ว ยิ่งเชยยิ่งชายชวน .............. ชมพลอด พร่ำเฮย ปองปลดปมปลายแพร้ว ....... พร่ำย้ำเยินยอม ๖๘. อ้อมโอบอิ่มอุ่นเอื้อ ..... เอนโอน เพราพุ่มพรางไพรโพลน ..... พร่างพลิ้ว ยอยวงยะยวบโยน ............. ยังยอด เรือนทอดระทวยริ้ว ............ เท่ารู้เทียวราย ๖๙. ดาวพราวพรายพร่างฟ้า ..... ฟายเดือน พลันเมฆมาบังเหมือน ............. ม่านกั้น ลมบนชื่นเชยเยือน ................. ยอนแยบ ยลเอย ลามเลื่อนเดือนเด่นครั้น ........... ขับพื้นภูลอย ๗๐. ดอยกิ่วลมกิ่วงุ้ม ..... งามไฉน หนอสุดหักห้ามใจ .......... จิ่มพื้น หนาวสั่นสะท้านใด ........ ฤดีสบ สมเอย ยามหยาดน้ำค้างชื้น ....... ฉ่ำพริ้มพนาดอน ๗๑. อ่อนอ่อนลมโบกพลิ้ว ..... พรายพรม สนกวัดไกวกิ่งกลม ............... แกว่งก้าน เนิบเนิบไป่ปรารมภ์ .............. ริ้วระลอก คราครั่นครืนสะท้าน ............. ท่วงครั้นกระพือโหม ๗๒. โคมดาวดารดาษเวิ้ง ..... เวหน วิบวับวูบวาบยล .................. แยบเย้า เงาทอท่ามทีกล .................. กาเมศ เลศเล่ห์เสน่ห์เร้า ................. ร่ำรู้แรงแสง ๗๓. แห่งหนอันอาจเอื้อม ..... อัมพร คว้าไขว่ดาววาววอน ........... ว่อนฟ้า โลดลอยเลื่อนลามจร .......... โจมจุด สูงสุดสอยฤๅล้า ................. หลั่นไว้ในที ๗๔. ราตรีอันยืดเยื้อ ....... ยั่วยวน ใจจ่อใจรัญจวน ............. จรดก้อย อิ่มอาบอบไออวล ......... เอมโอช สองดั่งหนึ่งสอดสร้อย ..... สุขซ้อนเกินประทัง ๗๕. ห้วยน้ำดังดั่งน้ำ ..... แนวพนางค์ ระเรื่อยรินธารทาง .......... ทาบห้วย แผ่วแผ่วแว่ววนคราง ...... เครียวคร่ำ ดูดดื่มฤดีด้วย ............... ด่ำเพ้อละเมอละไม ๗๖.เผลอไผลในโอบอ้อม ..... อารมณ์ รู้สึกสู่รู้สม ......................... เสพรู้ อิ่มหวานอยู่กลางขม ............ ขื่นอก ชายนอ สาแก่ใจเจ้าชู้ ..................... ชื่นเพ้อรำพัน ๗๗. คืนฝันพันลึกล้า ...... หลับตา ปลดปล่อยใจโหยหา ....... หื่นห้อม คะนึงล่วงเลยครา ........... เคียงแนบ สองสู่สานสบพร้อม ........ พร่ำร้อยรวงใจ ๗๘. ใกล้รุ่งฟ้าพร่างด้วย ..... ดารา ดังเพชรพรรณรายดา .......... ดาดรุ้ง ทะเลหมอกสุดตา .............. เต็มหาด ดอยเอย แพรคลื่นพลิ้วพาดคุ้ง ......... แข่งฟ้าท้าดาว ๗๙. หนาวสิบลิบลิบโพ้น ..... พืดเขา ทิวเหยียดยาวทึมเทา ........... ทอดกั้น เกาะกลางหว่างแพรเพรา ...... เพียงหย่อม ยอดแล ไอหมอกเนียนนุ่มนั้น ........... แน่นฟุ้งชลาธาร ๘๐. แสงหวานสาดส่องฟ้า ..... ฟอกสี ใสสว่างสวยสดที ................. ละน้อย ตรึงตายิ่งเหมือนมี ................ มนตร์สะกด ทิวทัศน์แปรเปลี่ยนคล้อย ....... เคลื่อนเคลิ้มในภวังค์ .
16 มีนาคม 2553 22:02 น. - comment id 1111674
มาประเดิมจั๊กน่อยเด้อค่า เห็นภาพทะเลหมอกทีเดียวเจียว
17 มีนาคม 2553 01:36 น. - comment id 1111718
ก่านำผูสาวทางเทิงมาเนาะครับ ภาพสวยงาม โคลงก็ไพเราะมากครับ เป็นครั้ง แรกที่ได้อ่านโคลงหลายๆบทแบบนี้ครับ แจ็คกี้
17 มีนาคม 2553 08:28 น. - comment id 1111760
ไปแอ่วมาแล้วค่ะ สวยงามอย่างที่เห็นในรูป บรรยากาศยามเย็นดีมาก ลมแรงค่ะ สามารถจริงๆคุณพจน์รำพัน โคลงคุณสวยมากๆ
17 มีนาคม 2553 10:24 น. - comment id 1111794
เห็นภาพแล้วอยากไปเที่ยวจังเลย..น่าจะมีความสุข น่ะหนีความวุ่นวายในบ้านเมืองไปสักพักคงจะดีน่ะ
17 มีนาคม 2553 11:31 น. - comment id 1111815
สวัสดีค่ะ ...น่าไปเที่ยวจังค่ะ
17 มีนาคม 2553 12:01 น. - comment id 1111829
โอ ท่านพจน์ สวยทั้งโคลงและภาพจริงๆค่ะ ชอบภาพที่มีหมอกขาวๆ คล้ายปุยฝ้าย และพระอาทิตย์ตก กระทบกับกิ่งสนนะค่ะ ยามเย็นยลย่ำเยื้อง แนวไพร แสงแดดจับรำไร ส่องต้อง ปุยเมฆกลืนอำไพ โอ้สุข จริงเลย เหมือนหยอกเย้าอยากข้อง ชิดเนื้อนวงปรางค์ฯ ด้นเจ้าค่ะ
17 มีนาคม 2553 23:50 น. - comment id 1111953
1 คุณvirismara ขอบคุณหลายครับน้องจิ้น ทีแรกลืมลงภาพ มาใส่ทีหลังน่ะ ทะเลหมอกเหมือนที่นึกไหม 2 คุณvictoriasecret "ก่านำผูสาวทางเทิงมาเนาะครับ" ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ ด้วยฟังภาษาเหนือไม่รู้ ขอบคุณครับที่คุณแจ็คกี้มาให้กำลังใจในการเขียนโคลง 3 คุณ(น้ำตาลหวาน) อ้อ ไปเที่ยวมาแล้วด้วยเหมือนกัน ชอบครับคุณพิม ขอบคุณครับ ว่าแต่โคลงจะสวยไม่เท่าคนชมนา เมื่อไรจะเขียนโคลงต่อหละครับ
18 มีนาคม 2553 00:08 น. - comment id 1111957
4 คุณประทาน กว่าจะไปถึงตรงนั้นเหนื่อยนะครับ ทำใจให้สบายได้ ก็จะสบายกว่าเยอะเลยครับ 5 คุณแกงเขียวหวาน สวัสดีครับ คุณฝันชวนคนพิเศษไปด้วยจะดียิ่ง รับความสดชื่นจากธรรมชาติ 6 คุณแก้วประภัสสร คุณแบมเนี่ยครับ มองอะไรก็สวยงามไปหมด คนใกล้ชิดคงมีแต่ความสดชื่นเป็นแน่แท้ ว่าแต่เดี๋ยวนี้คุณแบมด้นโคลงได้น่าอ่านจริงๆครับ
18 มีนาคม 2553 01:53 น. - comment id 1111962
เพิ่งมีเวลาแวะเข้ามาในบ้านกลอนค่ะ ภาคเหนือเนี่ย ฝากไว้ก่อนนะคะ โดย เฉพาะปาย...สักวันจะไปให้ได้เลยค่ะ ได้อ่านโคลงยาว คล้าย ๆ นิราศแสดง ให้เห็นถึงฝีมือของผู้เขียนนะคะ ชื่นชมค่ะ
18 มีนาคม 2553 11:57 น. - comment id 1112054
ยอดเยี่ยมยอดเยี่ยม....คารวะ 3 จอกครับ
18 มีนาคม 2553 16:35 น. - comment id 1112112
เพลินจริงๆ เที่ยงด้วย ด้นโคลงไปด้วย
19 มีนาคม 2553 08:11 น. - comment id 1112253
9 คุณปรางทิพย์ เห็นห่างหายไปหลายเพลาเชียวครับ ขอบคุณครับ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่เสมอ ถ้าคุณปรางกลับมา ทางเหนือน่าเที่ยวทีเดียวครับ 10 คุณสุริยันต์ จันทราทิตย์ ขอบคุณเป็นยิ่งนัก มาดื่มด้วยกันเลยครับ . . . . . . 11 คุณยาแก้ปวด เสียอย่างเดียวครับคุณยา มิอาจกรึ๊บไปในระหว่างนั้นด้วย
22 มีนาคม 2553 08:49 น. - comment id 1113179
มะกล้าเขียนโคลงต่อค่ะ เกรงว่าจะทำให้คุณพจน์รำพันเป็นที่หนักใจ ในฐานะแรงบรรดาลใจให้พิมคิดเขียนโคลง
22 มีนาคม 2553 21:08 น. - comment id 1113363
ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับคุณพิม และอย่าเกรงว่าผมจะหนักใจด้วย มีแต่ความดีใจและเต็มใจครับ หรือรอว่างอีกหน่อยอาจเขียนเมล์ เรื่องการเขียนโคลงส่งให้ครับ