สิ้นฤดูคืนคราวหนาวจรผ่าน แดงดอกจานตูมเต้ายามเช้าใหม่ ลมหนาวเอยโบกพลัดไปแหล่งใด จึงทิ้งใจลอมฟางไว้กลางลาน เหลืองระยับรวงทองต้องคมเคียว หอมข้าวเหนียวนึ่งใหม่ไอหอมหวาน จิตวิญญาณบ้านทุ่งจรุงบาน ต่อตำนานมนต์เพลงบรรเลงแล้ว ที่ราบสูงยูงยางสล้างใบ แล้งลมแล้งโบกไกวบ่วงใบแผ่ว หล่นลาร่วงถมกว้างเต็มทางแนว รอพลัดแคล้วอัตคัตมิหยัดยืน ร่วมรับขวัญท้องทุ่งข้าวหุงใหม่ ก่อฟืนไฟควันล่องท่องนาผืน โห่ลมว่าวหนาวเอยเชยกลับคืน มาพัดครืนเกลียวฟางอย่าร้างลับ เก็บเกี่ยวฝันต้นฤดูสู่ทุ่งท้อง ยามดุเหว่าเร่าร้องพร้องเดือนดับ ปลุกวิถีนานเนิ่นเกินนึกนับ อยู่คว้าจับมีดเคียวเกี่ยวลูกรวง มนต์พนาคืนค่ำยังล้ำลึก หว่านผลึกจรดแหล่งสะแบงหลวง เกลี่ยเกลียวอาบโนนเนินดั่งเงินยวง เขียวสุดท้ายรอร่วงอยู่ลิบทิศ เพลงสงฟางลับลานซ่านหัวอก นานเสียงนกร้องครวญรัญจวนจิต รวงข้าวหักหลงยุ้งทุ่งชีวิต ว่ายวิกฤตทนสู้อยู่เดียวดาย ลมว่าวเอยอย่าช้าพามนต์ทุ่ง ไปจรุงร่ำรินกลิ่นความหมาย ผู้อกสั่นพรั่นพรึงถึงความตาย จงโอบกายผ่อนหนักอย่าชักช้า สิ้นฤดูอีกคราวเหน็บหนาวผ่าน คูนตระการม่อนมอรอเรียกหา สาวดอกเสี้ยวดอกจานจะบานมา ประดับค่าครองคู่อยู่อาจิณ แดดแสงสวยสะท้อนอ้อนซังข้าว เถิดหนุ่มสาวที่ราบสูงมุ่งคืนถิ่น ฝากเสียงครวญมนตราพนาดิน ว่าหนาวสิ้นฤดูลับ...ให้กลับมา! ------------------------------ หยิบหนังสือเล่มงามของนักเขียนในดวงใจ นาม *ไพทูรย์ ธัญญา* เจ้าของรางวัลซีไรท์ บรรยายฉากภาพแห่งท้องทุ่งนา ในห้วงเวลาหลังฤดูเก็บเกี่ยวไว้ฉากหนึ่ง งดงามจับหัวใจว่า... ลมหนาวเริ่มจะจรจางแล้ว ฟ้าต้นเดือนสามผ่องแผ้วเขยิบสูงเป็นสีคราม ทุกสิ่งทุกอย่าง ช่างสวยงามและดูดีไปหมด ไม่ว่ายุคใด มนต์เสน่ห์ท้องทุ่งไม่เคยจรจางไปจากใจ งามเสน่ห์ที่ใช้จิตวิญญาณเพ่งมองจึงจะเห็นงามนั้น คราวได้นั่งรถไฟไปอุลบราชธานี ในยามที่เห็นตอซังดั่งคนรออยู่รายริมทาง เมื่ออรุณแรกสาดส่องมา นำความบรรเจิดใจและแรงบันดาลใจกลับมาสู่ แม้นในบางงามนั้นมีกองฟืนและลอมฟางเดียวดาย หากแต่ราวแฝงฝังความหมายอันยิ่งใหญ่ ในชีวิต และจิตวิญญาณของผู้คนบนผืนแผ่นดิน ที่ราบสูง ด้วยศรัทธาและเห็นคุณค่าแห่งวิถีชีวิตอันงดงามนี้ รังสรรค์งานหวังเกิดแรงใจให้ผู้คนบนถิ่นที่ราบสูง ไม่สละที่ทาง หันมาพลิกผืนแผ่นดินให้งดงาม ด้วยรวงทองอีกครั้งและอีกครั้ง สะแบงหลวงต้นใหญ่ทิ้งใบหล่นลาแล้งอยู่กราวเกรียว ต้านลมต้านฝน บ่งถึงจิตวิญญาณเข้มแข็งของผู้คนที่นี้ รอเวลาผลิใบเขียวระยับ ในยามที่เย็นฝนมาเยือนฤดูหน้า... เสียงกระซิบจากริ้วลมหนาวสุดท้ายบอกข่าว... คูนอีสานที่ใจดวงนี้รอคอยนั้นบานสะพรั่งพรึบแล้ว ดอกจาน ดอกไม้ในอุดมคติก็พากันผลิบาน ประดับทุ่งตามวิถี นาทีนี้จึงทำให้แสนจะคิดถึง ..... ตราบใดที่ดอกคูนยังตระการ และดอกจานพากันบานออนซอนรับทุกแล้งฤดู ตราบนั้นจงเชื่อมั่นว่า *ทุกชีวิตจะไม่อับจนหนทาง* ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ บ้านดอกฝ้าย เชียงคาน เมืองเลย
12 กุมภาพันธ์ 2553 06:21 น. - comment id 1098600
12 กุมภาพันธ์ 2553 07:16 น. - comment id 1098609
หายไปนาน คิดถึงมากรู้ไหม กลอนไพเราะเหมือนเดิม สุขใจกะกลิ่นไอท้องทุ่ง
12 กุมภาพันธ์ 2553 07:50 น. - comment id 1098622
ไพเราะ งดงาม เช่นเดิมค่ะ ในเดือนแห่งความรักนี้ ขอให้มีความรักสดชื่นนะค่ะ เสียงนก ทำให้เช้านี้สดใสจังค่ะ
12 กุมภาพันธ์ 2553 08:06 น. - comment id 1098630
เข้ามาแล้วสบายใจจัง
12 กุมภาพันธ์ 2553 08:30 น. - comment id 1098644
เพราะมากค่ะ อ่านแล้วคิดถึงบ้าน
12 กุมภาพันธ์ 2553 09:11 น. - comment id 1098659
12 กุมภาพันธ์ 2553 09:21 น. - comment id 1098663
บทกวี..ที่หยิบสภาพท้องทุ่ง ป่าเขาลำเนาไพร ให้ทัศนา ได้อย่างกลมกลืน ก็ คุณลำน้ำน่านนี่แหละ.. ชอบบทนี้ครับ.. ......................................... มนต์พนาคืนค่ำยังล้ำลึก หว่านผลึกจรดแหล่งสะแบงหลวง เกลี่ยเกลียวอาบโนนเนินดั่งเงินยวง เขียวสุดท้ายรอร่วงอยู่ลิบทิศ .............................................
12 กุมภาพันธ์ 2553 12:08 น. - comment id 1098742
บทกวีเพราะพริ้ง อ่านแล้วไม่มีเบื่อเลยค่ะ ธรรมชาติ สดใส หลังจากที่ต้องทน หนาวเย็นมายาวนาน
12 กุมภาพันธ์ 2553 18:50 น. - comment id 1098803
เข้าบ้านนี้ทีไร รู้สึกนอนหลับสบายใจจริงๆ
12 กุมภาพันธ์ 2553 13:50 น. - comment id 1098808
นานๆมาที มาพร้อมความงดงามของธรรมชาติเช่นเคยนะคะ
12 กุมภาพันธ์ 2553 14:05 น. - comment id 1098821
ไพเราะมากค่ะ
14 กุมภาพันธ์ 2553 18:05 น. - comment id 1099700
คนบ้านเดียวกัน แวะมาเยี่ยมเยือน ก้าวต่อไป...