เจ็บจนน้ำตาไหลใจสะท้าน ยังจำคำสาบานในวารก่อน ว่ารักเราจะมั่นนิรันดร มิคลายคลอนเปลี่ยนแปรแม้สักวัน ผู้ใดผิดวาจาที่ว่าไว้ จงมีอันเป็นไปให้แม่นมั่น พี่จำผิดสัญญาแสนจาบัลย์ เขากีดกั้นรักเราเศร้าอาลัย เห็นเจ้ายืนสะอื้นฝืนรันทด ยิ่งสลดหม่นหมองจนร้องไห้ น้องมาถอนคำสาบานพี่รานใจ โอ้กรรมใดใยวิบากมาพรากกัน ถอดฝากแหวนแทนใจให้นงนุช ว่ามิสุดแคลนคลายรักหมายมั่น แม้นวนเวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์ ขอร่วมเรียงเคียงฝันทุกชาติไป ชาตินี้มีการเมืองเข้าเคืองขุ่น เขาวายวุ่นยากนักจักแก้ไข พี่ได้แต่กลืนกล้ำสุดช้ำใจ รันทดในชะตากรรมสุดช้ำทรวง พี่จำต้องครองคู่กับผู้อื่น ด้วยมิอาจขัดขืนโองการหลวง แต่ใจยังเฝ้าฝันถึงจันทร์จวง นางใดไม่อาจล่วงสู่ห้วงใจ มาดว่าน้ำตาไหลเป็นสายเลือด ใช่จะแล้งแห้งเหือดรักเจ้าได้ แม้นจำห่างร้างลาลับคลาไคล เวลาไป่เลือนรักเลยสักวัน ลมหายใจของพี่ที่เหลืออยู่ มอบแด่ยอดพธูแล้วแก้วขวัญ แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์ ขอพบกันทุกชาติมิคลาดคลา ******************************************** อนุสรณ์แด่.....เจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่และมะเมี๊ยะผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่ง เดียวของท่าน โศกนาฏกรรมตำนานรักเจ้าฟ้าเชียงใหม่ ตอนนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยาม ทางเชียงใหม่ส่งเจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นเจ้าอาของเจ้าน้อย ไปอภิเษกกับ ร. 5 เป็นการผูกสัมพันธ์ เจ้าน้อยถูกส่งไปเรียนที่ รร.เซนต์แพทริก เป็น รร.แคธอลิกของฝรั่งที่พม่า โดย แอบส่งไป ขี่ช้างไป เพราะตอนนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษซึ่งมีเรื่องกับ ไทยอยู่ เจ้าน้อยไปตอนอายุ 15 เพราะทางบ้านต้องการให้ได้ภาษาอังกฤษกับพม่า เพราะค้าขายกับพม่า เจ้าน้อยเรียนอยู่หลายปี วันหนึ่งไปเดินเล่นที่ตลาด ได้พบมะเมี้ยะแม่ค้าสาวสวยซึ่งเพิ่งมาจากตองอูเจ้าน้อยอายุ 19 มะเมี๊ยะอายุ 15 ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน จนอายุ 20 เรียนจบถูกเรียกกลับเชียงใหม่เจ้าน้อยเลยเอาเมียกลับมาด้วย โดย ให้ปลอมเป็น เด็กรับใช้ชาย เอาเมียไปแอบในเรือนเล็กโดยไม่รู้เลยว่าเจ้าพ่อ เจ้าแม่ได้หมั้นเจ้าบัวนวลเอาไว้ให้ เจ้าน้อยไม่ยอมแต่งงานเลยเปิดเผยว่ามี เมียแล้วคือมะเมี้ยะ เอามะเมี้ยะมากราบเจ้าพ่อเจ้าแม่แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เรื่องนี้ไปถึงสยาม ร. 5 กะเจ้าดารารัศมีเห็นว่าไม่ควรเลยส่งผู้สำเร็จราชการ มาเจรจา บอกว่าเจ้าน้อยจะมีเมีย กี่คนไม่ใช่ปัญหาแต่ต้องไม่ใช่สาวพม่า เพราะ ว่าคนพม่า ถือสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษจะถือโอกาสแทรกแซง ว่าแต่งกะพม่า ก็ต้องถือว่าเป็นพม่าด้วยไปอยู่กับเมียที่ พม่าก็ไม่ได้ที่สำคัญเจ้าน้อย เป็นเจ้าชาย ของล้านนาถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาทล้านนา เท่ากับว่าสยามอาจต้องเสีย เชียงใหม่ให้อังกฤษ เลยบังคับส่งมะเมี้ยะกลับพม่าเจ้าน้อยสัญญาว่าอีก 3 เดือน จะไปรับมะเมี้ยะกลับ ทั้งคู่สาบานกันไว้ว่าจะไม่รักใครอื่น หากใครผิดคำสาบาน ขอให้อายุสั้น ตอนที่จะส่งมะเมี้ยะกลับพม่านั้นตรงนี้เป็นส่วนของตำนานเลย " ตอนนั้นมะเมี้ยะโพกผมไว้พอจะไปก็ก้มลงกราบเท้า เจ้าน้อยที่ประตูเมือง ชาวบ้านออกมามุงกันทั้งเมืองเพราะได้ยินว่ามะเมี้ยะงาม ขนาด พอกราบเสร็จ ก็เอาผ้าโพกผมออกแล้วสยายผมเอามาเช็ดเท้าเจ้าน้อย จงรักภักดีบูชาสามีสุดชีวิต แล้วก็กอดขาร้องไห้ เจ้าน้อยเองก็ร้องทำเอาคนที่มามุง ร้องไห้ไปทั้งเมืองด้วยความสงสารความรักของทั้งคู่" ต่อมาเจ้าน้อยโดนเรียกไปสยาม พอเข้าไปก็โดนจับแต่งงานเลย เจ้าดาราฯ จัดเจ้าบัวชุม ซึ่งเป็นพระญาติ และเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนักเจ้าดารารัศมี ร่ำ ลือกันว่าเล่นดนตรีไทยเก่ง ด้วยเหตุนี้เจ้าน้อยก็เลยต้องแต่งแล้วถูกกักอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเจ้าพ่อของเจ้า ดาราฯ สิ้นพระชนม์ พระญาติทางสยาม ไม่อนุญาตให้เจ้าล้านนาพระองค์ใดในวัง ขึ้นไปประกอบพิธีปลงพระศพ เป็นเรื่องการเมืองเตะถ่วงการแต่งตั้งเจ้าครอง แคว้นคนใหม่เอาไว้ระยะหนึ่ง เจ้าอาของเจ้าน้อยได้ขึ้นเป็น เจ้าองค์ใหม่ เจ้าพ่อ ได้เป็นเจ้าราชบุตร(อุปราช)เท่ากับว่าเจ้าน้อยเป็นรัชทายาทอันดับ 3 ถ้าสิ้นเจ้า สองพระองค์นี้เจ้าน้อยจะครองเชียงใหม่ ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับมะเมี้ยะกลับมา มะเมี้ยะรอเกิน 3 เดือนแล้วเจ้าน้อยไม่มาตามสัญญาเลยไปบวชชี เพื่อพิสูจน์รัก แท้ว่าจะไม่มีคนใหม่ ต่อมา...เมื่อได้ยินว่าเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่แล้วเลยมาดักที่คุ้มแต่เจ้าน้อยไม่ ยอมออกมาพบ รอนานเท่าไรก็ไม่ยอมออกมา จริงๆ แล้วเจ้าน้อยแอบดูอยู่ข้าง หน้าต่างได้แต่ร้องไห้ไม่กล้าสู้หน้าที่ผิดสัญญาก็เลยฝากให้ท้าวบุญสูงพี่เลี้ยง เอา แหวนทับทิม กับเงินอีก 1 กำปั่น( 800 บาท) ไปให้แม่ชีมะเมี้ยะ ทางด้านแม่ชีบอกว่าไม่มาขอรักคืน เพียงแต่มาถอนคำสาบานให้ เจ้าน้อยฝากมาบอกแม่ชีว่า เงินนี่ทำบุญตามแต่แม่ชีจะใช้สอยเรียกว่าบริจาคใน ฐานะโยมอุปฐาก ส่วนแหวนให้แทนใจว่าหัวใจอยู่กับมะเมี้ยะเสมอ แม่ชีเสียใจมาก รับไปแต่แหวนไม่รับ(เงินสมัยก่อน 800 คงเยอะมาก 100 ปี ก่อนคง 8 แสนล่ะมั้ง เงินเดือนคนสมัยนั้น 4 บาทเอง) เจ้าน้อยหลังจากกันกับแม่ชีคราวนั้น......ก็เอาแต่กินเหล้าไม่มีใจรักเจ้าบัว ชุม ในที่สุดก็ตรอมใจตายหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปีในขณะที่อายุแค่ 30 ปีเท่า นั้นเอง ในบันทึกบอกว่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพิษสุรา อีก 6 ปีต่อมาหลังจากพบแม่ชีมะ เมี้ยครั้งสุดท้าย ส่วนแม่ชีมะเมี้ยะ... บวชจนสิ้นอายุขัยเมื่อ 73 ปี ผู้บันทึกเรื่องนี้คือ เจ้าบัวนวล คู่หมั้นคนแรกที่ถอนหมั้นไปหลังจากรู้ว่าเจ้า น้อยมีมะเมี้ยะ... ส่วนเจ้าบัวชุมไม่ผิดอะไรเลย แต่สามีไม่รักก็อยู่เป็นข้าบาทจา ริกาจนอายุ 81 ปี เจ้าบัวนวลว่าตลอดชีวิตเจ้าน้อยรักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นลม คือ มะเมี๊ยะหลัง จากนั้นเรื่องของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ก็ถูกสั่งห้ามพูดถึงไปหลายปีเพราะเป็นเรื่อง ทางการเมือง ต้องปิดบังรายละเอียดเลยหายไปเหลือแต่ตำนาน อุปสรรคความรักของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ไม่ใช่ฐานันดร ไม่ใช่เชื้อชาติ แต่เป็น การเมืองแท้ๆ ทางฝ่ายเจ้าอาเจ้าดารารัศมี มีบันทึกไว้แค่ว่าทรงไม่คิดว่าเจ้าน้อยจะปักใจ มั่นกับมะเมี้ยะขนาดนี้ เจ้าดารารัศมีทรงคิดว่าหลายปีผ่านไป และได้ภรรยาที่ดี พร้อมก็คงลืม ความรักครั้งแรกได้ แต่เจ้าน้อยไม่ลืมจนสิ้นชีวิต เจ้าบัวนวล คู่หมั้น เมื่อแรกรู้สึกเสียหน้าแต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเห็นใจและ
2 กุมภาพันธ์ 2553 22:18 น. - comment id 1095106
มาให้กำลังใจเจ้าคะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 22:32 น. - comment id 1095116
ไพเราะจัง เขียนกลอนให้อ่านเยอะๆน่ะ เป็นกำลังจัยให้นะค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 22:33 น. - comment id 1095118
ขอบคุณสำหรับกลอนที่ไพเราะเสนาะหูมากเลย
2 กุมภาพันธ์ 2553 22:39 น. - comment id 1095119
คนเราถ้ารักใครซักคนถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันใจก็ยังรักอยู่นี้แหละตำนานรักแท้ของจริง
2 กุมภาพันธ์ 2553 23:48 น. - comment id 1095189
ได้ทั้งกลอน ได้ทั้งประวัติศาสตร์ คุ้มจริงๆ แต่เศร้าอ่ะ เรื่องจริงมักจบเศร้าเสมอเลยนะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 23:56 น. - comment id 1095193
ผมเคยดูละครเรื่องนี้นานมาแล้ว..และจำไม่ ได้แล้วว่าใครแสดง..ตอนนั้นผมทำงานเป็น.. กะก็เลยไม่ได้ติดตาม..พอมาสัมผัสบทกลอน.. ของคุณและได้อ่านประวัติศาสตร์แบบย่อๆๆ.. ข้างล่างนี้..จึงรู้ว่ารักหวานซึ้งจริงๆครับ..จน.. อยากดูอีกครับ... แวะมาอ่านครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 00:27 น. - comment id 1095199
ขอบคุณที่นำประวัติศาสตร์มาเล่าสู่กันฟังครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 07:05 น. - comment id 1095238
เคยฟังเพลงมะเมี๊ยะ เป็นสาวพม่าเมืองมะละแหม่ง ไม่ทราบว่สของจรัล มโนเพชรหรือไม่ เป็นชีวืตที่น่าเศร้าที่สุด เพราะชีวิตเรา ใจเราไม่สามารถเลือกได้เอง
3 กุมภาพันธ์ 2553 07:21 น. - comment id 1095242
มาชมผลงานครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 08:04 น. - comment id 1095256
อื้อฮือ... รัก..เศร้า..เคล้าน้ำตา อาถรรพณ์...อาฆาต....อารมณ์..พยาบาท รักซ้อน..ซ่อนเงื่อน..เพื่อนทรยศ รัก...โกรธ...หลง... ............ สุดจะหาคำมาจำกัดความ...คือมันประมาณนั้น ดูน้องจะแม่นยำเรื่องข้อมูลนะ...เยี่ยมเลย พี่เองถ้าไม่มีอารมณ์ร่วมแบบนั้นแล้ว คงแต่งได้ไม่ดีหรอกแต่นี่เธอดูเหมือนจะเป็นทหารองค์รักษ์แล้วก็เลย..บรรยายซะสุดซึ้ง.. ........... ในส่วนเนื้อหาอัดแน่น...ส่วนคำ..สุดยอดไร้ตำหนิ.....เอาไปสิบคะแนน เอบวกประมาณนั้น.... .......... หายไปไหนมาพี่คอยแล้วคอยเล่ากวีแสนกลกลับบ้านแล้วก็ไม่เห็นหน้า...คิดถึงจังเลย .....ในบางวันที่เรามองหาใครไม่เจอเขาคนนั้นจะเป็นนางเอกพระเอกของเราในห้วงคำนึง..... ...เอ..ไม่รู้ใครเปิดเพลงสากลจากหอกระจายข่าวในโรงเรียนเศร้าจังเลย เพราะด้วย .....เออเดี๋ยวเจอกันนะ รักน้องเสมอ พี่ศรี
3 กุมภาพันธ์ 2553 09:06 น. - comment id 1095279
คงไม่มีใครทราบซึ้งถึงความเจ็บปวดได้ดี... ถ้าเหตุการณ์นั้นไม่ ได้เกิดขึ้นกับพวกเราเอง ..เมื่อความรักสวนทางกับหน้าที่.. ความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึง... เคยดูเรื่องนี้ตอนศรรามเล่นค่ะ.. ร้องไห้ซะ... ลืมตัว..นึกว่าเป็นนางเอกซะเอง.. อิอิ
3 กุมภาพันธ์ 2553 09:28 น. - comment id 1095287
อย่างนี้ใช่ไหมคะที่เรียกว่ารักออกแบบไม่ได้ อย่าแล้วเศร้าจัง...
3 กุมภาพันธ์ 2553 10:56 น. - comment id 1095327
อ่านและเศร้าจัง
3 กุมภาพันธ์ 2553 13:52 น. - comment id 1095385
3 กุมภาพันธ์ 2553 17:03 น. - comment id 1095443
แต่งได้เศร้า ประทับใจมากค่ะ อ่านเรื่องราวแล้วซึ้งจริงๆนะคะ เวลาพี่รักใคร ก็รักหมดใจ แต่ถ้าเขา ไม่รักเรา ทำให้เราเจ็บซ้ำซาก พี่เป็นคนที่ตัดใจได้และลืมได้หมดใจเหมือนกัน รักคนที่เขารักเราดีกว่า ไม่ต้องรักใครมาก เดินสายกลางดีที่สุดค่ะ
3 กุมภาพันธ์ 2553 19:07 น. - comment id 1095536
หวัดดีครับน้องกี้ ขอบคุณที่เข้ามให้กำลังใจนะครับ ได้เป็นที่ 1 ด้วยนิ หวัดดีนะโอ๋ ขอบใจมากมายเลยที่เข้ามาเม้นท์กลอนให้นะ ว่าง ๆ อย่าลืมเข้ามาเม้นท์ให้อีกนะ หวัดดีจ้ะพี่เอ๋ แหมพี่น้องคู่นี้เล่นเน็ตด้วยกันเลยนะเนี่ย ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมเยือนกัน ดีจ้าคุณหลี่เหม่ยจิน เห็นด้วยครับ ผมประทับใจเรื่องนี้มากเลยนะ เจ้าน้อยความจริงจะภรรยากี่คนก็ได้ แต่เค้ารักเดียวใจเดียว แถมยังต้องเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองอีก.....นี่แหละคือตำนานของจริง ดีจ้าคุณยาแก้ปวด ขอบคุณที่เข้ามาชื่นชมและชื่นชอบผลงานนะครับ เรื่องนี้ผมตั้งใจเขียนอย่างมากครับ หวังว่าจะอกให้มาดีที่สุด ขอบคุณที่เข้ามาเม้นท์ให้นะครับ ดีครับพี่ประทาน เรื่องนี้ช่อง 7 เคยเอามาทำเป็นละครครับ มีศรรามกับสุวนันท์แสดง ซึ้งมาก ๆ แต่พอดีว่าเพิ่งได้รับ forward เมลล์มาน่ะครับ อ่านแล้วซึ้งกว่าในละครอีก ผมเลยจับมาเขียน ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจนะครับ ดีครับคุณหมอธันฯ หายไปนานเลยนะครับ งานคงจะยุ่งเนอะ ขอบคุณที่เข้ามาร่วมแบ่งปันความรักและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครับ ดีจ้าคุณครูฯ ใช่แล้วล่ะครับ แต่ผมเคยฟังแค่ไม่กี่ครั้งเลยจำไม่ได้ พอดีได้อ่านเมลล์เลยจับมาเขียนน่ะครับ ผมประทับใจมากในความรักอันงดงามและแสนเศร้าของคนทั้งสอง ที่สำคัญเจ้าน้อยเป็นเจ้าชายที่หล่อมาก ๆ ด้วย แต่ท่านกลับรักเดียวใจเดียว ผิดกับชายไทยสมัยก่อน ๆ ในเวลาเดียวกันลิบลับเลยครับ น่านับถือมาก ๆ ดีจ้าพี่ป๋อง ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาชื่นชมผลงานผมนะครับ หวัดดีจ้าพี่ศรี ช่วงนี้งานยุ่งน่ะครับ แถมหัวคิดไม่ค่อยจะแล่นเท่าไหร่เลยไม่แต่งกลอนครับ แต่พอได้อ่านเรื่องนี้ก็เลยเค้นอารมณ์ขม ๆ ออกมาเขียนได้ ดีใจครับที่พี่ชอบ ขอบคุณมากครับ ดีจ้าคุณใบตอง ผมก็เคยได้ดูครับ ศรราม-สุวนันท์ เป็นคู่ขวัญมาก ๆ เลย พอผมได้มาเสพเรื่องนี้อีกทีนึง ผมก็เลยเผลอคิดว่าตัวเองเป้นพระเอกเหมือนกันนิ....พล็อตว่าเกิดขึ้นกับเรา จะได้เข้าถึงอารมณ์ได้ง่ายกว่าครับ ดีจ้าน้องนางฟ้า อย่างที่น้องพูดแหละครับ รักออกแบบไม่ได้ ตรงที่สุดเลยจริง ๆครับ ดีจ้าคุณแกงเขียวหวาน ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ ดีครับคุณน้ำตาลหวาน ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ ดีครับพี่อนงค์ฯ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชมผลงานครับ เวลาที่เรามีความรักก็มักจะเป็นทุกข์อย่างนี้แหละครับ มิเช่นนั้นคงไม่มีสุภาษิตบทที่ว่า....ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์ครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 19:28 น. - comment id 1095551
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบค่ะ................... เป็นอุปสรรคที่ไม่มีทางแก้ไขเลยจริง ๆ นะคะ...
3 กุมภาพันธ์ 2553 21:27 น. - comment id 1095601
“หมะเมี๊ยะเป๋นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแหม่ง งามล้ำดั่งเดือนส่องแสง คนมาแย่ง หลงฮักสาว หม่าเมี๊ยะบ่อยอมฮักไผ๋ มอบใจ๋ หื้อหนุ่มเจื้อเจ้า.. ร่วมรำลึกถึงด้วยครับ
4 กุมภาพันธ์ 2553 08:00 น. - comment id 1095714
สวัสดีครับคุณสุริยันต์..... เห็นชื่อกระทู้แล้วนึกถึงกลอนบทนี้ของเจ้าฟ้ากุ้ง....กวีเอกสมัยปลายอยุธยา... ...แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา ขอร่วมชีวาร่วมชีวาวาย ...เกิดไหนขอให้ได้ถนอมภักตร ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน ...อันสาราบำราศบำรุงคิด จาฤกไว้โดยสุจริตสาร พยายามตามสัตย์ปัติญาณ ภอแจ้งการที่กำม์ในกายเอย... http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=12-08-2006&group=1&gblog=43
4 กุมภาพันธ์ 2553 09:15 น. - comment id 1095745
แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางก่อน ขอไหว้วอน เธอกับฉัน พบกันใหม่ ทุกทุกชาติ ทุกภพ บรรจบใจ ทั้งสองได้ ครองคู่ อยู่ร่วมกัน เคียงข้างกาย ข้างใจ ไปทุกที่ คู่ชีวี คู่ชิด สนิทขวัญ เป็นคู่เวร คู่กรรม คู่สัมพันธ์ ชั่วนิรันดร์ มั่นรัก...สลักทรวง
4 กุมภาพันธ์ 2553 10:09 น. - comment id 1095782
4 กุมภาพันธ์ 2553 22:33 น. - comment id 1096187
สวัสดีครับคุณคมดาบฯ ขอบคุณที่ชอบบทกลอนของผมนะครับ ดีใจจังหายเหนื่อยเลยครับ หวัดดีครับพี่ก่องกิก ขอบคุณที่เข้ามร่วมรำลึกถึงความรักของคนทั้งสองนะครับ หวัดดีครับพี่สดายุ
4 กุมภาพันธ์ 2553 22:38 น. - comment id 1096191
หวัดดีครับพี่สดายุ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมและนำเสนอบทกลอนดี ๆ ของเจ้าฟ้ากุ้งให้ได้อ่านกันนะครับ หวัดดีครับคุณกวี ซีม่า ขอบคุณมาก ๆ ครับที่ร่วมแต่งกลอนกับผมด้วยครับ เพราะมาก ๆ ครับ หวัดดีจ้าคุณเพียงพลิ้ว ขอบคุณจริง ๆ เลยครับที่เข้ามาแวะทักทายนะครับ
5 กุมภาพันธ์ 2553 10:17 น. - comment id 1096347
หวัดดีขอรับ...คุณท่าน สุริยันต์... ผลงานท่านกว่าจะได้อ่าน...นานเน๊าะ... ก็มันต้องใช้เวลาอ่านนะท่าน...อิอิ... วันนี้...ว่างได้อ่านแระ...ขอรับ...ฮาๆ ป่านนี้...เจ้าน้อย...กับ มะเมี๊ยะ...จะได้เจอกันรึยังไม่รู้.... คำผูกมัด...สัตย์นั้น...จะเป็นไปตามวาจา... เคยเขียนไว้เหมือนกันขอรับ... ชื่อกลอน บ่วงรัดมัดคนโสด... ขานรับรอ ต่อฟ้า หาเพียรสุด มิเคยหยุด ควานหา ชะตาเอย เพราะหัวใจ ใคร่รัก สมัครเชย ไม่พบเลย ความรัก มาปักใจ รั้งเรื้อรอ ต่อรัก ตระหนักจิต ว่าตรมติด คิดพา ว่าไฉน วันเวลา ล้าลอย คล้อยคืบไป สืบหทัย ไห้โหย โรยรักลา จนพบคำ นำจิต จึงคิดเบิก ให้ก้องเกริก เลิกครวญ ชวนจิตหา ชาติภพก่อน ย้อนกาล ผ่านเรื่อยมา มั่นสัญญา สัจจะ ว่าจะครอง ยังมิพาน ควานพบ ซบเนื้ออุ่น เพราะหมั้นคุณ บุญเก่า ด้วยเราสอง ยังไม่พบ นบเนื้อ นวลละออง จึงคงครอง เป็นโสด โดดเดี่ยวรอ ในราตรี ชี้กรรม ด้วยคำสัตย์ มิอาจตัด มัดจิต คิดคำขอ จงโมฆะ ละไป ไม่ต้องรอ เพราะจิตท้อ พ้อเพ้อ จะเจอกัน อยู่ไหนเล่า เฝ้าคิด จนจิตเจ็บ มันหนาวเหน็บ เนื้อใจ ให้โศกศัลย์ เธออยู่ไหน ใคร่รู้ จงกู่พลัน คงเช่นกัน รัญจวน ครวญหาใจ รึวงเวร เป็นกรรม ด้วยนำขับ ให้สลับ กลับกัน ฉันเธอหมาย เกิดไม่พร้อม ย่อมคิด ผิดเลื่อนลาย จึงเคลื่อนคล้าย คลาดแคล้ว จากแก้วใจ ว่าใครโสด โปรดฟัง ดั่งคำกล่าว จิตร้อนผ่าว หนาวรอ ท้อไฉน เพราะผูกกรรม คำสัตย์ มัดแน่นไป อาจเป็นได้ เพราะคำมั่น ในสัญญา ยังดีที่เจ้าน้อย...กับ...มะเมี๊ยะ...ได้มีการแก้คำ ผูกมัดแล้ว.... ไปแระขอรับ...ท่าน สุริยันต์....
10 กุมภาพันธ์ 2553 20:17 น. - comment id 1098090
เศร้าใจจริงๆ นะครับ รักกันแต่ไม่อาจอยุ่ร่วมกัน นี่เขาก็เรียกว่า เนื้อคู่ เนื้อคู่...คู่ที่ไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกัน ตราบสิ้นวันตาย ขออย่าได้เป็นแบบนี้อีก คงทรมาน เกินไป