ขอบฟ้าแดงแสงสุรีย์หรี่ลงลับ ทิศพายัพก็ดับแสงแห่งรังสี สิ้นแสงสูรย์สั่งฟ้าทิวานี้ เงาราตรีก็คลี่ห่มพรมพื้นพราว เห็นแสงเดือนเยือนฟ้าเวหาหน นภดลล้นดาวดาษกลาดเวหาว แสงกระพริบระยิบยับสลับพราว พร้อมลมหนาวคราวสงัดพัดผ่านมา มารุตพัดสะบัดโบกเลาะโตรกตึก กำดัดดึกตรึกไปให้กังขา ยามหนาวเหน็บเจ็บแปลบแสบอุรา ทุกโลมาก็ชาเฉียบเย็นเยียบกาย หลบซ่อนกายใต้ผ้าห่มข่มความหนาว ยามฟ้าพราวดาวเกลื่อนเดือนเด่นฉาย ให้หนาวเหน็บเจ็บชาไม่คลาคลาย แรงพระพายชายพัดสงัดใจ ให้ทนท้อรอเวลาอุษาโยค เพื่อชุ่มโชกทุกโตรกตรวยช่วยขับไส ให้ลมหนาวร้าวฤดีจงหนีไป คงเหลือไว้แต่ไออุ่นกรุ่นตะวัน เมื่อพลังอังศุธรสะท้อนฟ้า แสงอุษาทิวายามงามเฉิดฉัน แสงชำแรกแทรกขอบฟ้าเจิดจ้าพลัน สุริยันอันแจ่มใสไล่ความเย็น หากไม่หนาวจะรู้ค่าคราอุ่นไหม อุ่นเท่าไรใจซึมซับสดับเห็น หากเพราะหนาวร้าวสรรพางค์อย่างที่เป็น เราจึงเห็นค่าความอุ่นอันคุ้นเคย แม้กายหนาวฤาจะร้าวเท่าหนาวจิต เพียงสะกิดสะเก็ดใจใช่เศษหิน ให้เหน็บร้าวหนาวลึกผนึกจินต์ บาดชีวินกินลึกรู้อณูใจ ให้รู้จักรักความหนาวเมื่อคราวท้อ รู้จักรอละอองอุ่นปานมุ่นไหม ให้ไออุ่นที่คุณรอหล่อเลี้ยงใจ เมื่อนั้นไซร้หนาวแค่ไหนใจอุ่นพอ "ถ้าไม่มีความหนาว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความอบอุ่นมีค่าแค่ไหน"
8 มกราคม 2553 19:47 น. - comment id 1083377
พี่อยากมีรักหนาวในคราวท้อ มาเลี้ยงหล่อหัวใจในคืนหมอง พี่ไร้ซึ่งคนรักประคับประคอง ใจหมายปองรักสาวชื่อวาวเดือน
8 มกราคม 2553 21:29 น. - comment id 1083425
นั่นสินะ ถ้าไม่รู้จักหนาวจะรู้ถึงความอบอุ่นได้ไง
9 มกราคม 2553 20:16 น. - comment id 1083651
กลอน นี้ แต่งได้ดีมากๆ ครับ แต่การใช้คำ ซ้ำๆ กัน ผมว่า ทำให้อรรถรส เสียไป นิดนึง แต่แนวนี้ ผมก็ยังแต่ไม่ค่อยเป็นเท่าไร เก่งๆ ครับ
10 มกราคม 2553 06:41 น. - comment id 1083705
กอ กา ขอบคุณนะคะที่แวะมาชมบทกลอน
10 มกราคม 2553 06:42 น. - comment id 1083706
พิมญดา ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นค่ะ
10 มกราคม 2553 07:57 น. - comment id 1083724
กวีน้อยเจ้าสำราญ ขอบคุณสำหรับคำชมและคำแนะนำดีๆ นะคะ ยินดีรับมาปรับปรุงแก้ไขค่ะ
10 มกราคม 2553 09:09 น. - comment id 1083743
สวัสดีน้องเก๋ ว่างแล้วหรือนี่ ....ตาคำกะลังหนาวใจอยู่ตอนนี้ อิอิอิอ
10 มกราคม 2553 23:05 น. - comment id 1084047
กิ่งโศก ขอบคุณนะตาที่มาเยี่ยม หวัดดีปีใหม่ค่ะ กำลังหนาวใจก็ห่มด้วยใจสิ แล้วจะอุ่นขึ้น อิอิ