ฝนดาวตกร่วงพราวจากราวฟ้า ดวงดาราถึงคราวเจ้าร่วงหล่น ไกลสุดเอื้อมสายตาฟ้าเบื้องบน หาหลุดพ้นสัจธรรมที่นำทาง ถิ่นไกลโพ้นจักรวาลผ่านปีแสง มิรู้แหล่งก่อเกิดกำเนิดร่าง วงโคจรผ่านวิถีที่จัดวาง ความเวิ้งว้างมืดมิดนิจนิรันดร์ ความเปลี่ยนแปลงกาลเวลาพาทุกสิ่ง สู่ความจริงเป็นไปใช่เพ้อฝัน แม้ดวงดาวพราวแสงแข่งตะวัน ก็มีอันหล่นร่วง ณ ห้วงกาล แสงวาบวาวพราวพรายก่อนหายวับ แล้วมืดดับดวงไปไร้สัณฐาน เสียงชื่นชมงามนักจักใดปาน คำกล่าวขานลืมเลือนวันเคลื่อนลา หมู่ดวงดาวมิแตกต่างทางชีวิต มิอาจติดเด่นดังอยู่ค้างฟ้า วันนี้อาจสาดแสงแข่งจันทรา วันข้างหน้าต้องดับแน่แท้ทุกดวง ก่อนสูญดับลับไปใต้โลกหล้า มีแสงจ้าแสงใดให้คนห่วง คุณความดีคือแสงงามอร่ามทรวง จักโชติช่วงประดับไว้ในใจคน.
18 พฤศจิกายน 2552 20:05 น. - comment id 1044412
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน มาชื่นชมกลอนเพราะๆ และให้คติสอนใจค่ะ
18 พฤศจิกายน 2552 20:14 น. - comment id 1044418
วัฏจักร..ชีวิต...การเวียนว่ายตายเกิด เป็นเรื่องธรรมดา ชื่นชมผลงานนะคะ..เป็นกำลังใจให้ค่ะ
18 พฤศจิกายน 2552 22:22 น. - comment id 1044478
"จักโชติช่วงประดับไว้ในใจคน." คล้ายๆกับกาพย์ยานี 11 เลยนะคะ (บทที่ว่า "ประดับไว้ในโลกา" คำสวยมากคะ
18 พฤศจิกายน 2552 23:17 น. - comment id 1044494
18 พฤศจิกายน 2552 23:24 น. - comment id 1044495
ยอดเยี่ยมเปี่ยมสุทรีย์มากครับ ขอคำนับด้วยใจ
19 พฤศจิกายน 2552 12:37 น. - comment id 1044657