. ~ โคลงกลบท นาคราชแผลงฤทธิ์ ~ ง้อรัก ~ ( โคลงกลบท ๔ ) นาคราชแผลงฤทธิ์ ต้นกำเนิดเป็นกลบทกลอนแปด นับเป็นกลบทที่บังคับสัมผัสอย่างสุดฤทธิ์สมชื่อ ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร คือบังคับสัมผัสสระในวรรค ๒ แห่ง ตรงคำที่ ๓-๔ ๕-๗ และสัมผัสสระเชื่อมท้ายวรรคไปต้นวรรคถัดไปด้วย ส่วนสัมผัสอักษรบังคับไว้ ๓ แห่งติดกัน คือซำเสียงพยัญชนะ ๓ คำท้ายวรรคไปต้นวรรคถัดไป เมื่อเขียนโคลงตามกลบท นาคราชแผลงฤทธิ์ สัมผัสสระในบาท ๒ แห่งตรงคำที่ ๓-๔ คงไว้ ส่วนคำที่ ๕-๗ จำต้องปรับเป็น ๕-๖ และอย่าลืมเชื่อมสัมผัสสระจากท้ายบาท ไปต้นบาทถัดไปด้วย ส่วนสัมผัสอักษรท้ายบาท ๓ คำที่โยงไปต้นบาทใหม่ ตามตัวอย่างจะเห็นว่าบาทแรก สามคำท้าย... ร้อย คอย วอน... เสียงอักษร ร - ค - ว ดังนั้นเมื่อขึ้นบาทสอง ต้องซ้ำเสียง ร - ค(ข) - ว ตรงต้นบาทด้วย จึงออกมาเป็น... ร้อน คิด หวั่น... ซึ่งคำ ร้อน ต้องรับสัมผัสสระจาก วอน ในท้ายบาทแรกด้วย สำหรับผู้ที่ชอบเขียนให้มีคำสัมผัสในเป็นนิจ ก็คงเขียนกลบทนี้ได้ไม่ยากเย็นเลย จุดท้าทายอยู่ตรงที่สัมผัสอักษรท้ายบาทไปต้นบาท ว่าจะได้ความอย่างไร ลองดูกันครับ ~ ขอครวญคำร่ำร้อย คอยวอน ร้อนคิดหวั่นบั่นทอน ก่อนง้อ ท้อการแง่แม่งอน อ่อนอก หงกเอ่ยอ้างว้างพ้อ ต่อน้องคนงาม ~ หนามคมงอนอ่อนช้อย ทอยตำ ช้ำเทียบตรมคมคำ ย่ำท้อ ขออย่าเท่าเนาลำ- นำพราก หลากนึกพร่ำกรำง้อ ย่อแย้มยอมเธอ คุณก้าวที่...กล้า : มาฝากย้ำร่ำร้อย ............. ถ้อยถัก รักถี่ถ้วนล้วนจัก ............ สลักไว้ ใจเสลาวาดอาจปัก ......... หลักแน่น แป้นหลุดนำทำได้ ......... ไถ่ย้อนกลับคืน ยืนกรานคิดจิตค้น .......... หม่นหมอง ครองหมกมุ่นครุ่นนอง .... ก่องใกล้ ในกานท์กลั่นครรลอง ...... ตรองตรึก ลึกตราบเตรียมเรียมไซร้ .. ไป่ท้อง้องอน คุณเพียงพลิ้ว : ลมหนาวจูบลูบไล้ ใจนาง ลางจ่อหนึ่งพึงจาง ห่างแล้ว แจวห่วงล่วงกลวงบาง สร่างเยื่อ เบื่อสืบใยให้แก้ว แผ่วคล้ายหลงพรหม ความหลังพริ้มอิ่มเนื้อ เจือจุน หนุนจากเจ็บเก็บตุน อุ่นบ้าง ต่างไอบาดขาดทุน หมุนไม่ ขึ้นเอย ทนมุ่นหมกอกคว้าง ย่างก้าวเดียวดาย คุณโอเลี้ยง(ญามี่) โอนเอนไหวใคร่ง้อ........รอคลอ งอเร่าคิดพิษกรอ............หล่อรั้ง กรังรันหล่นปนทอ..........ออข่ม ถมอาบครวญผวนพลั้ง....หลั่งไห้ครวญหา หาควรหันพรั่นเพ้อ..........เผลอวาง พรางพร่ำวอนตอนทาง.....ห่างง้อ ทอหักเงียบเลียบขวาง.......ผางเร่า เขลาผลักลักทักล้อ............ก่อล้อมงอนเหงา คุณจอมปราชญ์แดนอาคเนย์ เดายากนักรักนี้ ที่หวาน นานถ่ายวันผันกาล ผ่านพ้น กลผิดผ่อนอ่อนหวาน พาลขุ่น จินต์เฮย วุ่นพิษข้ามหลามล้น ป่นปี้หัวใจ .
21 ตุลาคม 2552 02:07 น. - comment id 1054226
สวัสดีค่ะคุณพจน์รำพัน โอเลี้ยงไม่เคยเขียนโคลงนาคราชแผลงฤทธิ์เลยค่ะ ขอแจมดูนะคะ ...................... โอนเอนไหวใคร่ง้อ.....รอคลอ พอหนักจิตพิษกรอ.....หล่อรั้ง หวังพลันหล่นปนทอ...ออขื่น กลืนแต่ตรมอมยั้ง...หลั่งไห้ครวญหา พาหนาวฝันพรั่นเพ้อ...เผลอวาง ครางร่ำหลอนตอนทาง...ห่างง้อ ขอวอนเจ็บเก็บขวาง...พลางช่วย รวยแต่รักทักล้อ...ก่อล้อมงอนเหงา
21 ตุลาคม 2552 06:37 น. - comment id 1054249
สวัสดีครับ คุณโอเลี้ยงลืมสัมผัสอักษร ๓ คำท้ายบาทมาต้นบาท เขียนเข้ามาใหม่นะครับ
21 ตุลาคม 2552 09:32 น. - comment id 1054324
มาศึกษาไว้ก่อนนะคะ ต้องแต่งโคลงสี่สุภาพให้คล่องก่อนฝนถึงจะกล้าเล่นกลบท อิอิ
21 ตุลาคม 2552 09:50 น. - comment id 1054341
มาฝากย้ำร่ำร้อย ............. ถ้อยถัก รักถี่ถ้วนล้วนจัก ............ สลักไว้ ใจเสลาวาดอาจปัก ......... หลักแน่น แป้นหลุดนำทำได้ ......... ไถ่ย้อนกลับคืน ยืนกรานคิดจิตค้น .......... หม่นหมอง ครองหมกมุ่นครุ่นนอง ... ก่องใกล้ ในกานท์กลั่นครรลอง ..... ตรองตรึก ลึกตราบเตรียมเรียมไซร้ . ไป่ท้อง้องอน แจมค่ะ แบบมึนๆ งงๆ
21 ตุลาคม 2552 10:04 น. - comment id 1054359
พยายามอยู่ค่ะ ตอนนี้ขอเมียงๆมองๆ ชะเง้อ.. และชื่นชม ก่อนนะค่ะ
21 ตุลาคม 2552 10:21 น. - comment id 1054364
มายืนมองๆๆจ้องตาเบิ่ง เขียนโคลงยังไม่เป็นโคลงเลยคะ ขออ่านและซึมซับก่อนเด้อ...
21 ตุลาคม 2552 11:01 น. - comment id 1054382
ธรรมดาโคลงสี่พ้อ พอทน พอเพิ่มทุกข์กลอนกล หม่นซ้ำ กรรมมาแสร้งแผลงผล จนแย่ แผลเจ็บอยู่หยุดย้ำ พร่ำพ้อ พจน์เอย อิอิ มาแก้ตัว ท้าทายนะเนี่ย ผิดเป็นครูเนาะ
21 ตุลาคม 2552 14:27 น. - comment id 1054428
.รนรานรักร่วงพลิ้ว ปลิวลา ร้อนหนาวร่ำน้ำตา ท่วมท้น แท้งอนแง่หวั่นตา นิ่งเฉย รอเอ่ยย้ำอ้างค้น พร่ำพริ้มรอยคำ งำงอนครวญคำร่ำง้อ คอยที ชี้ชวนรอวจี อ่อนอ้าง ขอแค่อุ่นอ้อมพลี ฝากฝัน หมางเมินล่วงเลยร้าง แน่แท้เอียงอาย สวัสดีค่ะ คุณพจน์รำพัน ดอกบัวเขียนแบบว่าตามประสาที่เขียนได้ค่ะ ขอบคุณค่ะที่คอยแนะนำ และมีโคลงมาให้ฝึกหัดเสมอมา มีแต่ความสุขในทุกๆวันพร้อมครอบครัวค่ะ
21 ตุลาคม 2552 13:19 น. - comment id 1054454
ความคิดเห็นที่ 12 : หมายเลข 1070332 ลมหนาวจูบลูบไล้ ใจนาง ลางจ่อหนึ่งพึงจาง ห่างแล้ว แจวห่วงล่วงกลวงบาง สร่างเยื่อ เบื่อสืบใยให้แก้ว แผ่วคล้ายหลงพรหม ความหลังพริ้มอิ่มเนื้อ เจือจุน หนุนจากเจ็บเก็บตุน อุ่นบ้าง ต่างไอบาดขาดทุน หมุนไม่ ขึ้นเอย ทนมุ่นหมกอกคว้าง ย่างก้าวเดียวดาย แก้ไขครั้งที่2 ค่ะ อิอิ พิมพ์ผิดค่ะ
21 ตุลาคม 2552 16:36 น. - comment id 1054537
5555 ไม่แก้ตัวว่ามะคืนง่วงค่ะคุณพจน์ฯ มี่เอามาส่งการบ้านใหม่ค่ะ เอาบทเดิมก่อนนา แม้ว่าความเปลี่ยน เดี๋ยวไปหาข้าวกินแล้วมาเขียนบทใหม่ค่ะ ........................... โอนเอนไหวใคร่ง้อ.....รอคลอ งอเร่าคิดพิษกรอ.....หล่อรั้ง กรังรันหล่นปนทอ....ออข่ม ถมอาบครวญผวนพลั้ง...หลั่งไห้ครวญหา หาควรหันพรั่นเพ้อ...เผลอวาง พรางพร่ำวอนตอนทาง...ห่างง้อ ทอหักเงียบเลียบขวาง...ผางเร่า เขลาผลักลักทักล้อ...ก่อล้อมงอนเหงา
21 ตุลาคม 2552 16:39 น. - comment id 1054540
เมื่อคืนมี่ก็ยังงงๆนิดๆว่า ทำไมพอเป็นโคลงนาคราชจึงหดกฎลงไปเยอะ ที่แท้ง่วงตาตี่ดูไม่ครบเอง อิอิ
21 ตุลาคม 2552 16:59 น. - comment id 1054545
เดายากนักรักนี้ ที่หวาน นานถ่ายวันผันกาล ผ่านพ้น กลผิดผ่อนอ่อนหวาน พาลขุ่น ข้องจินต์ วุ่นพิษข้ามหลามล้น ป่นปี้ หัวใจ ไปให้เจ็บเหน็บร้าว เราสอง รองรับสิทธิ์จิตต้อง ย่องช้ำ ตามยอดชู้สู่ห้อง มองผ่าน ม่านแพร หาญมุดพบสบย้ำ พร่ำง้อ งามงอน ...แบบว่า...หลัง ๆ เริ่มไปไม่เป็นแล้วครับ..ช่วยชี้แนะด้วยครับ
21 ตุลาคม 2552 19:41 น. - comment id 1054643
เขียนไม่เป็น เขียนไม่ได้ เงื้อออออออออออ รอให้จับมือสอน อ่ะ
21 ตุลาคม 2552 20:43 น. - comment id 1054700
วันนี้ขออ่านศึกษาก่อนนะคะ ไม่ว่าง อิอิ
21 ตุลาคม 2552 23:36 น. - comment id 1054787
ไม่ถนัดโคลงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ยากขึ้น อิอิ คำในคลังน้อยเกิน ท่านชายพจน์เก่งจังค่ะ
22 ตุลาคม 2552 14:16 น. - comment id 1055006
1 คุณโอเลี้ยง สวัสดีครับ... นั่นสิครับฝีมือโคลงขนาดคุณโอเลี้ยงใช่ว่าจะเขียนไม่ได้ นอกจากลืมหรือเข้าใจผิด .... แต่ก็เป็นการดีครับ ... ขอเป็นตัวอย่าง ผมเองก็ลองมองๆอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไร เมื่อคุณโอเลี้ยงเขียนแก้ไขมาจึงขออนุญาติยกไว้ให้ศึกษากัน.. นะครับ ขอบคุณครับ โอนเอนไหวใคร่ง้อ......รอคลอ / โอนเอนไหวใคร่ง้อ.....รอคลอ พอหนักจิตพิษกรอ......หล่อรั้ง / งอเร่าคิดพิษกรอ.....หล่อรั้ง หวังพลันหล่นปนทอ......ออขื่น / กรังรันหล่นปนทอ....ออข่ม กลืนแต่ตรมอมยั้ง...หลั่งไห้ครวญหา / ถมอาบครวญผวนพลั้ง...หลั่งไห้ครวญหา พาหนาวฝันพรั่นเพ้อ....เผลอวาง / หาควรหันพรั่นเพ้อ...เผลอวาง ครางร่ำหลอนตอนทาง...ห่างง้อ / พรางพร่ำวอนตอนทาง...ห่างง้อ ขอวอนเจ็บเก็บขวาง....พลางช่วย / ทอหักเงียบเลียบขวาง...ผางเร่า รวยแต่รักทักล้อ...ก่อล้อมงอนเหงา / เขลาผลักลักทักล้อ...ก่อล้อมงอนเหงา
22 ตุลาคม 2552 14:47 น. - comment id 1055013
3 คุณโคลอน รอได้ครับคุณฝน คนคุยเก่งๆคงเขียนโคลงได้น่าอ่าน
22 ตุลาคม 2552 15:26 น. - comment id 1055020
4 คุณก้าวที่...กล้า มาฝากย้ำร่ำร้อย ............. ถ้อยถัก รักถี่ถ้วนล้วนจัก ............ สลักไว้ ใจเสลาวาดอาจปัก ......... หลักแน่น แป้นหลุดนำทำได้ ......... ไถ่ย้อนกลับคืน ยืนกรานคิดจิตค้น ............ หม่นหมอง ครองหมกมุ่นครุ่นนอง ...... ก่องใกล้ ในกานท์กลั่นครรลอง ....... ตรองตรึก ลึกตราบเตรียมเรียมไซร้ .... ไป่ท้อง้องอน บทแรกบาทสี่... แป้นหลุดนำ... เหมือนว่าถูกโคลงพาโดดมา ก็คุณก้าวฯ... ปักหลักแน่น นิครับ เลยต้องตามมาเป็น แป้น ยอมรับว่าขำครับ อ่านไล่เรียงมาเพลินๆ อ้าว.. แป้นหลุด ว่าไปแล้วกลบทนี้บังคับให้เราเขียนอะไรออกมาแปลกๆดีครับ ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 15:44 น. - comment id 1055030
5 คุณ(น้ำตาลหวาน) ลองเขียนดูเถอะครับ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว ว่าเขียนไม่เป็น เขียนไปเขียนมาแทบพูดเป็นโคลงเลยครับ... ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 15:54 น. - comment id 1055033
6 คุณครูพิม อ่านกระทู้โคลงที่คุณครูเขียน ก็ดีนะครับ คุณครูถ่อมตัวจังเลยเด้อครับ
22 ตุลาคม 2552 16:19 น. - comment id 1055052
7 คุณนิลวรรณ ธรรมดาโคลงสี่พ้อ พอทน พอเพิ่มทุกข์กลอนกล หม่นซ้ำ กรรมมาแสร้งแผลงผล จนแย่ แผลเจ็บอยู่หยุดย้ำ พร่ำพ้อพจน์เอย วรรคจบในบาทสี่ต้องเขียนชิดกันตามฉันทลักษณ์ครับ ที่คุณนิลวรรณแก้ไขมายังไม่สมบูรณ์ตามกล จะแก้ไขกี่ครั้งก็ได้ครับ ผมจะคอยลบของเก่าออก บทนี้อีกนิดหน่อย ผมขออนุญาตแก้ให้ถูกกลแล้วกันนะครับ... ขอบคุณครับ ธรรมดาโคลงโล่งพ้อ พอทน พลเพิ่มทุกข์ขลุกกล หม่นซ้ำ กรรมมาแสร้งแผลงผล จนแย่ แผลเจ็บอยู่ยู่ย้ำ พร่ำพ้อพจน์เอย
23 ตุลาคม 2552 00:22 น. - comment id 1055056
13 คุณอัลมิตรา 555+ ผมอ่านโคลงที่คุณอัลฯ เขียนไว้มากมาย ทำไมจะไม่รู้ ใครสอนใครกันแน่ 14 คุณยาแก้ปวด ครับ รอได้ครับ ยังมีกลบท ตามมาเรื่อยๆ อิอิ 15 คุณแมงกุ๊ดจี่ ถ้ามีเวลา มาเขียนกันครับ บ่อยเข้าที่ยากก็จะง่ายเอง ... ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 17:49 น. - comment id 1055084
8 คุณเพียงพลิ้ว ลมหนาวจูบลูบไล้ ใจนาง ลางจ่อหนึ่งพึงจาง ห่างแล้ว แจวห่วงล่วงกลวงบาง สร่างเยื่อ เบื่อสืบใยให้แก้ว แผ่วคล้ายหลงพรหม ความหลังพริ้มอิ่มเนื้อ เจือจุน หนุนจากเจ็บเก็บตุน อุ่นบ้าง ต่างไอบาดขาดทุน หมุนไม่ ขึ้นเอย ทนมุ่นหมกอกคว้าง ย่างก้าวเดียวดาย ถูกต้องตามกลทั้งหมดครับ ความโดยรวมเข้าใจได้ แต่ถ้าแยกเป็นบาท บางบาทเข้าใจยาก บางบาทชัดเจนดี ก็เข้าใจครับ การเขียนกลบท ใชเวลาในการสรรหาคำ ไหนคุณกานต์จะแวะไปบ้านโน้นบ้านนี้... เห็นคุณยาแก้ปวด เขียนถึงในกระทู้อวยพรวันเกิดว่า น่าเปิดชื่องานเป็น ... "อวยพรวันเกิดนางงามมิตรภาพบ้านกลอน" เห็นด้วยครับ อิอิ ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 18:51 น. - comment id 1055122
9 คุณดอกบัว ..รนรานรักร่วงพลิ้ว ปลิวลา ร้อนหนาวร่ำน้ำตา ท่วมท้น แท้งอนแง่หวั่นตา นิ่งเฉย รอเอ่ยย้ำอ้างค้น พร่ำพริ้มรอยคำ งำงอนครวญคำร่ำง้อ คอยที ชี้ชวนรอวจี อ่อนอ้าง ขอแค่อุ่นอ้อมพลี ฝากฝัน หมางเมินล่วงเลยร้าง แน่แท้เอียงอาย เนื่องจากคุณดอกบัวฝึกหัดเขียนโคลงอยู่ ก็ขอตรวจตามฉันทลักษณ์ครับ บทแรก บาทสองตกเอกตรง หนาว ถ้าเป็นว่า... ร้อนร่ำหนาวน้ำตา... ก็พอเข้าใจได้ บาทสามตกเอกตรง เฉย สลับที่เป็น... เฉยนิ่ง บทหลัง บาทแรกวรรคหน้าคำเกิน ตัดออกคำหนึ่ง...งอนครวญคำร่ำง้อ... ก็พอ บาทสองตกเอกตรง ชวน จะเอาชี้อะไรดี บางทีหาคำไม่ได้ก็อาจเขียน เพี้ยนไปบ้างเพื่อรักษารูปฉันทลักษณ์ เช่นจะใช้ว่า... ชี้ขื่น ก็ไม่น่าเกลียด บาทสามตกเอกตรง ฝัน สลับที่เป็น... ฝันฝาก บาทสี่ตกเอกตรง เมิน ทางออกสลับคำเป็น... เลยล่วงหมางเมินร้าง... สังเกตว่าทั้งสองบทที่คุณดอกบัวเขียนมา ท้ายบาทสามยกเสียงสูงไปถึงเสียงจัตวา โคลงบาทสามที่ไพเราะต้องลงด้วยเสียงต่ำๆคือเสียงเอก เสียงโทก็ยังดี เสียงตรี จัตวา ขัดๆ ขอให้คุณดอกบัวมีความสุขเช่นกัน ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 19:24 น. - comment id 1055165
10 - 11 คุณโอเลี้ยง(ญามี่) โอนเอนไหวใคร่ง้อ.......รอคลอ งอเร่าคิดพิษกรอ........หล่อรั้ง กรังรันหล่นปนทอ.........ออข่ม ถมอาบครวญผวนพลั้ง.....หลั่งไห้ครวญหา หาควรหันพรั่นเพ้อ..........เผลอวาง พรางพร่ำวอนตอนทาง......ห่างง้อ ทอหักเงียบเลียบขวาง.......ผางเร่า เขลาผลักลักทักล้อ..........ก่อล้อมงอนเหงา ครับ เข้าใจว่าง่วงมากอ่านตกหล่นได้ ผมเห็นว่าโพสต์เข้ามาตอนตีสองเศษๆ ยังคิดเลยว่า ต้องชอบกลบทจริงๆถึงอุตส่าห์เขียนถึงดึกขนาดนั้น และที่แก้ไขโดยไม่ต้องรื้อมาได้ดังนี้ก็ต้องชมว่าชำนาญครับ... ขอบคุณครับ
22 ตุลาคม 2552 22:23 น. - comment id 1055306
12 คุณจอมปราชญ์แดนอาคเนย์ เดายากนักรักนี้ ที่หวาน นานถ่ายวันผันกาล ผ่านพ้น กลผิดผ่อนอ่อนหวาน พาลขุ่น ข้องจินต์ วุ่นพิษข้ามหลามล้น ป่นปี้หัวใจ ไปให้เจ็บเหน็บร้าว เราสอง รองรับสิทธิ์จิตต้อง ย่องช้ำ ตามยอดชู้สู่ห้อง มองผ่าน ม่านแพร หาญมุดพบสบย้ำ พร่ำง้องามงอน ขอพูดถึงเรื่องฉันทลักษณ์ก่อนแล้วกันนะครับ ข้อแรกคือเรื่อง คำสุภาพ - คำสุภาพในโคลง หมายถึงคำที่ไม่ประวรรณยุกต์ใดๆ ที่มีชื่อว่า โคลงสี่สุภาพ ก็เพราะบังคับคำสุภาพ ไว้ ๔ แห่ง สามแห่งตรงชุดคำสัมผัสจากท้ายบาทแรก มาท้ายวรรคหน้าบาทสอง และ ท้ายวรรคหน้าบาทสาม และอีกหนึ่งแห่งตรงท้ายบาทสี่ ที่จบบท มีผิดสุภาพอยู่สองแห่งในบาทสองและสาม ตรง ต้อง และ ห้อง ข้อสองคือเรื่องสร้อยโคลง - ทีเขียนต่อว่า ข้องจินต์ และ ม่านแพร อย่างนี้ไม่ถูกแบบสร้อยโคลง แต่เรียกว่า เจตนัง เพราะเหมือนเพิ่มคำเข้าไปอีกสองเป็นเก้าคำ ซึ่งถ้ายังไม่จบความ ก็สามารถเพิ่มได้เพียงคำเดียวตามด้วยคำสร้อย จึงถูกหลักการเขียนสร้อยโคลง ถ้าแก้ไขเป็น ข้องเอย ม่านเอย จึงใช้ได้ ลองค้นคำเกี่ยวกับ"คำสร้อย" ซึ่งเดิมใช้กันอยู่ ๑๘ คำ มาอ่านดูครับ สุดท้ายคือวรรคสุดท้ายที่จบบท สี่คำนั้นต้องเขียนชิดกันตามฉันทลักษณ์ครับ ซึ่งผมได้เสื่อนชิดกันให้แล้ว ทีนี้มาพูดถึงกลบท ที่คุณจอมปราชญ์เขียนมานี้ชอบมากเลยนะครับ เล่นสัมผัสอักษรได้เนียนมากๆ ได้ภาษาและความที่คุ้นหูเข้าใจง่าย ปรบมือให้ครับ อยากให้ลองแก้ไขเข้ามาอีกทีตามความคิดของคุณนะครับ มีตรง ช้ำ - ตาม อีกแห่งที่ควรแก้ .... ขอบคุณครับ
25 ตุลาคม 2552 00:07 น. - comment id 1056414
ขอครวญคำร่ำร้อง คอยงอน ร้อนจิตคิดอาวรณ์ ก่อนง้อ ท้อกายพ่ายใจใครหนอ พ่อเอย เคยออดอ้อนเคล้าคลอ น้องหวลครวญคนึง .**ลองแต่งดูค่ะ..แต่ยากจัง**
8 พฤศจิกายน 2552 21:13 น. - comment id 1061829
คุณปลายฟ้า..ปลายฝัน ขอโทษนะครับที่มาตอบช้า ~ ขอครวญคำร่ำร้อง จ้องงอน ร้อนจิตง่าอาทร ก่อนพ้อ ท้อกายพ่ายคลายคลอน อรเอ่ย เคยออดอ้อนวอนง้อ ต่อน้องคะนึงหวน แก้ไขให้แล้วครับ ของเดิมตรงคำสัมผัส ง้อ-คลอ ต้องเป็นคู่โทครับ ง้อ-คล้อ แบบนี้จึงถูกต้อง ขอบคุณครับ