ออกพรรษา สิ้นหน้าฝน ชนหน้าหนาว ลมพัดผ่าว เป่าสำเนียง เสียงลมหวน ลมหนาวพัด สะบัดมา พารัญจวน เหมันต์หวน ป่วนฤทัย ให้เดียวดาย ท้องฟ้าคราม ยามสายัญ ตะวันคล้อย หมู่เมฆลอย คล้อยเคลื่อน เลื่อนลาหาย สายลมโบก โยกทิวไผ่ ไหวเอนปลาย อ่อนตามลาย สายลมพัด สะบัดเบา อัสดง ทรงกรด จรดค่ำ ฟ้าเริ่มดำ นำราตรี ที่เงียบเหงา ลมรัญจวน ครวญสำเนียง เสียงแผ่วเบา สายลมเป่า เหงาทั้งหนาว ร้าวทรวงใน ในราตรี ที่เงียบเหงา เรานั่งเหม่อ ใจพร่ำเพ้อ ละเมอคิด จิตหวั่นไหว ลมพัดแผ่ว แว่วสำเนียง เสียงเรไร เหงาจับใจ ในค่ำคืน ยืนรำพึง หนาวครานี้ ฤดีเศร้า เหงาดวงจิต ลมเปลี่ยนทิศ หวนจิตใจ ให้คิดถึง ภาพหน้าหนาว คราวก่อนนั้น มันตราตรึง ให้คะนึง ถึงอดีต คอยกรีดใจ เมื่อหน้าหนาว คราวก่อน ตอนลมล่อง คืนจันทร์ส่อง ท้องฟ้าคราม งามสดใส มีเราสอง นั่งมองจันทร์ สันต์สุขใจ ลมพัดไหว ใจสะท้าน ซ่านผิวกาย แม้ลมหนาว แต่เราอุ่น กรุ่นไอรัก แม้หนาวนัก รักคอยคลุม ห่มให้หาย ในคืนหนาว เราอิงแอบ แนบชิดกาย หนาวก็คลาย หายไป ใจชื่นบาน เราโอบกอด พรอดพร่ำ รำพันรัก สุขใจนัก กับรักนี้ ที่แสนหวาน อยากพร่ำพรอด กอดกันไว้ ให้แสนนาน รักเบ่งบาน ปานแสงจันทร์ อันวิไล เอ่ยวาจา สัญญามั่น คืนจันทร์ผ่อง ให้เราสอง ปองใจมั่น ไม่หวั่นไหว ขอจันทร์เพ็ญ เป็นพยาน ผสานใจ แม้ต้องไกล ไปห่างกัน จะมั่นคง สิ้นลมหนาว เจ้าก็ไกล ไปเหินห่าง ต้องไกลทาง ห่างกันไป ไม่ประสงค์ ลมหนาวจาก พรากเจ้าไกล ใจพะวง หวั่นอนงค์ จะหลงทาง ห่างหัวใจ สุดอาลัย ในวันลา น้ำตาหล่น โอ้ใจเราเศร้าเหลือทน จนอ่อนไหว เจ้า สัญญา ถึงหน้าหนาว คราวถัดไป จะหอบใจ ให้หวนมา คราเหมันต์ เหมันต์นี้ มีเพียงเรา เฝ้ามองฟ้า ลมพัดมา คราใด ใจแสบสัน มันหนาวเหน็บ เจ็บหัวใจ ให้รำพัน ลมพัดไหวใจหนาวสั่น สะบั้นกาย แม้ผิงไฟ ให้คลายหนาว แค่คราวครั้ง แต่หนาวใจ ไม่ประทัง ยังไม่หาย ยิ่งลมพัด ปัดปลิว คลอผิวกาย แทบวางวาย กายใจเหน็บ เจ็บซ้ำทรวง เจ้าอยู่ไหน จึงไม่หวน ทวนท้องทุ่ง หรือหลงกรุง มุ่งฝักใฝ่ ในเมืองหลวง ทิ้งหนุ่มนา น้ำตาคลอ รอพุ่มพวง หวั่นในทรวง ห่วงคนไกล จะไม่มา หรือลืมแล้ว หนอแก้วตา สัญญาเก่า ที่สองเรา เฝ้ารำพึง คะนึงหา เมื่อคราวครั้ง นั่งมองจันทร์ เอ่ยสัญญา จะคืนมา คราลมหวน ทวนเหมันต์ คงเที่ยวท่อง ล่องแสงสี ที่เมืองฟ้า ลืมทุ่งนา สัญญาเดิม เริ่มเปลี่ยนผัน อยู่เมืองไกล ใจก็ต่าง ห่างสัมพันธ์ คงลืมกัน ลืมวันวาน ลืมบ้านไพร นี่ก็ผ่าน กาลเหมันต์ หลายวันเข้า ยังคอยเฝ้า เจ้าแก้วตา จะมาไหม คอยจดจ้อง มองทาง อย่างท้อใจ เจ้าอยู่ไหน จึงไม่มา หาคนคอย กลอยรู้ไหม ใครคนหนึ่ง คิดถึงเจ้า ทุกค่ำเช้า เฝ้าห่วงใย จนใจหงอย จะผ่านหนาว กี่คราวครั้ง ยังเฝ้าคอย ใจเหม่อลอย คอยสัญญา เมื่อสายัญ ทุกถ้อยคำ ยังย้ำเตือน เหมือนมีดกรีด รอยอดีต ขีดกลางใจ ให้โศกสันต์ ลืมไม่ลง คงฝังใจ ไปทุกวัน สัญญามั่น วันคืนก่อน ย้อนแทงใจ ภาพวันเก่า เฝ้าเวียนวน ปนในจิต ยิ่งห้ามใจไม่หวนคิด จิตหวั่นไหว ใจเจ้ากรรม ทำไม่ลง คงฝังใจ ลืมไม่ได้ ใจไม่พร้อม ยอมรับมัน ลมเปลี่ยนทิศ แต่จิตใจ ยังไม่เปลี่ยน ฤดูเวียน เปลี่ยนหมุนไป ใจไม่ผัน ยังจดจำ คำสัญญา คราเหมันต์ คำเหล่านั้น มันแทงใจ ให้ค่ำครวญ วอนลมหนาว ข่าวคนไกล ให้สักหน่อย ว่าหนุ่มนา ตั้งตาคอย กลอยให้หวน ทวงสัญญา คราเหมันต์ อันรัญจวน ฝาก ลมหวน ชวนขวัญยืน คืนบ้านนา เนิ่นนานวัน ผันเป็นเดือน เคลื่อนเป็นปี จนวันนี้ กี่ลมหนาว เฝ้าคอยหา เหมันต์เข้า หนาวก็ทวน หวนทุกครา แต่เจ้าใยไม่หวนมา......หาคนคอย
16 ตุลาคม 2552 13:31 น. - comment id 1052126
หวัดดคับ...ท่านน้องเทพ...ฯ ไปไหนมา...นานเหมือนกันเน๊าะ... งานเพียบ...เหมือนกันอีกด้วยซิ...น้องท่าน...ฯอิอิ กลอนไม่มีเก่า...ขอรับ...มีแต่...กลอนโบราณ... (ล้อเล่นๆ) บทนี้...เขียนได้ดีมากคับ...ผิดถูกภาษาไม่ว่ากัน...รู้คำ...เป็นใช้ได้... สรุป...ใส่ทำนอง...ร้องเป็นเพลงได้เลย...ขอรับ...น้องท่าน...
16 ตุลาคม 2552 14:06 น. - comment id 1052139
เริ่มหนาวแล้วหรือนี่...ยังไม่รู้สึกเลย
16 ตุลาคม 2552 14:25 น. - comment id 1052148
โอ้..น้องชายค๊า นานๆมาที กลอนยาวจากระยองมาถึงบางรักเลยจ้า อิ หนาวแล้วเหรอคะ พี่แบมยังร้อนๆอยู่เลยนิ ว่าแต่ขณะนี้ฝนกำลังตกหนักเลยค่ะ สบายดีนะคะ
16 ตุลาคม 2552 15:46 น. - comment id 1052192
เยี่ยมมากเลยครับ...
16 ตุลาคม 2552 18:57 น. - comment id 1052301
กลอนเก่า แต่ฝีมือเก๋า นะครับ ท่านพี่ ไม่เจอะกันนานเลย งานยุ่ง แต่ใจอย่ายุ่งนะครับ
16 ตุลาคม 2552 20:15 น. - comment id 1052333
นี่ๆ ธัญญ์หลานรักของป้า อย่าลืมไปดูนกแสกของป้าล่ะ ด้วยรัก อิอิ ....
17 ตุลาคม 2552 15:39 น. - comment id 1052570
เป็นความจดจำที่ดีนะคะ แม้มันจะเศร้า โดนใจค่ะ
17 ตุลาคม 2552 20:57 น. - comment id 1052623
ชอบหน้าหนาวค่ะ แต่หน้าหนาวทำให้รู้สึกเหงา เสมอ