เม็ดฝน-หล่นรอแล้วพ่อจ๋า อย่าช้าชาวนาจะหว่านไถ ดินหอมกลิ่นฝนปนกลิ่นไอ อบใจอบฝัน ณ วันนี้ เพลงกบ-อังกะลุงคืนลุ่มนา ฝนฟ้าครืนครืนคืนวิถี คืนเสียงคืนซึ้งบึงดนตรี คืนพี่คืนน้องมาพร้อมพรัก ผักบุ้ง-คุ้งน้ำยามฝนแรก โตแตกยอดนวลร่วนฝนหนัก ผลิซ้อนอ่อนซ้ำลำนำรัก มิพักผ่อนช้าเพลาเช้า ตำลึง-อวบงามตามรั้วนั่น สวรรค์ผักนาคราฝนหนาว ตากฝนฉ่ำชื่นทุกคืนคราว ผักร้าวร่ำไห้ไม่ได้ยิน สายบัว-บานรับกับสายน้ำ ย่ำยามเช้าใหม่นกไพรผิน สายธารความหลังยังไหลริน ฟางดินรอยหวังยังประทับ ดุเหว่า-แว่วหวานกังวานขึ้น ฝนครืนเย็นฉ่ำใต้รังหลับ ครวญเสียงกล่อมคนฝนดิ่งรับ หนักนับเท่าไรไม่เกรงกลัว นอนฟัง-เสียงฝนหล่นกระทบ นิ่งสงบฝนมาฟ้าสลัว ใจก้าวออกไปใต้ฝนรัว ตื่นทั่วเม็ดฝนหล่นบนใจ ฝนแรก-แทรกผ่านวิญญาณลูก เพาะปลูกพ่อจ๋าช้าอยู่ไหน กระเซ็นมินานฝนผ่านไป ฝากไว้ดินอุดมบ่มละออง ตองตึง-เขียวอวดรวดรัดแล้ว ไก่แก้วขันใสไม่หม่นหมอง ฝนฉ่ำธรรมชาติวาดครรลอง น้ำนองบรรเลงเพลงเยียวยา หอมดิน-เคล้ากลิ่นเสรีภาพ อิ่มอาบชาติชนต่างค้นหา พรฝนโอยแทนแร้นแค้นลา สมานค่าศักดิ์สิทธิ์ชีวิตล้วน! --------------------------------- เสียงฟ้าร้องครืนๆ อยู่ข้างนอก บรรยากาศเย็นๆ ย่ำรุ่งเมื่อตื่นขึ้นมาเช่นทุกวัน เปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ฟังเพลงลูกทุ่ง ฝนพรำๆ ที่บรรเลงได้กลมกลืนกับสายฝนพรมพรำวันนี้ สายฝนสายฟ้าหนักหน่วงราวฟ้าพิโรธ แต่กระนั่นหัวใจก็ถูกปลุกตื่นชื่นไหว สายฝนฉ่ำใจในวันธรรมดาเหมือนทุกๆ วัน แต่ให้รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างพิเศษ ที่มาพร้อมกับสายฝนเสมอมา... วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียในดวงใจนิยามฝนไว้ว่า **เวลาฝนตกพ่อค้าแม่ขายมักจะไม่ค่อยพอใจ แต่เกษตรและชาวชนบทกลับดีใจและเริงร่า** สายฝนให้หญ้าเขียวขจี ผักบุ้งในคลองทอดยอด และสายบัวในสระได้เบ่งบานอย่างไม่เคย สายฝนให้ใบตำลึงริมรั้วอวบงามทอดยอด อีกเห็ดฟางในลอมฟางจะได้แตกหน่อต่อดอก มะเขือพวงได้ออกตุ่มเต้าเขียวเล็กๆ และเป็นสัญญาณให้ชาวนาได้เริ่มงานแผ่นดิน อีกยอดกระถินริมรั้วได้แต่งยอดสวยอวดงาม ให้สาวบ้านนาเก็บไปจิ้มน้ำพริก สายฝนทำให้ชาวนาตื่นเต้น ที่จะได้ทำนา สายฝนโปรยทำให้ผืนแผ่นดินชุ่มฉ่ำ หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝนทำให้วิญญาณบรรเจิด ปลากระดี่จะได้ดิ้นไปมาตรงคันนาเมื่อน้ำเจิ่งนอง **สายฝนมีประโยชน์ตรงที่เวลาร้องไห้ จะไม่ทำให้ใครเห็นน้ำตาของเรา** เสียงฝนหล่นเป็นดนตรีธรรมชาติที่กลบกลืน เวลาที่เราร่ำร้าวตะโกน ไม่ต้องกลัวใครได้ยิน ทั้งหมดที่ว่านี้เป็น **เสรีภาพในสายฝน** เสรีภาพที่ทุกสรรพชีวิตนั้นมีเสรีที่จะ **งอกงาม** มีสิทธิ์เสรีที่จะ **เติบงาม** หาใช่ **ทำลาย** ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ วันอังคารที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒
15 กันยายน 2552 18:52 น. - comment id 1039037
ช่างบรรยาย ธรรมชาติ ฉกาจนัก จนหลงรัก กับคำกลอน อักษรสาร เขียนได้ดี มีที่มา พาชื่นบาน ลำน้ำน่าน ใสฉ่ำเย็น...เป็นนิรันดร สวัสดีครับ เข้ามาชื่นชมบทกวีที่มีชีวิต งดงามยิ่งครับ
15 กันยายน 2552 19:21 น. - comment id 1039042
ร่ำร่ำหล่นโปรยปรายพริ้วพรายพรั่ง พลิ้วพรมดั่งน้ำทิพย์ระยิบไหว ชโลมโลกทั่วหล้าทั่วฟ้าไกล นลินไหวแย้มบานขับขานฝน สวัสดีค่ะ พี่ลำน้ำน่าน สบายดีเปล่าค่ะพี่ลำน้ำ หายไปหลายเพลา กลับมามีงานงามๆมาฝาก สุขภาพ พี่ลำน้ำเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ตอนนี้ดอกบัวเม็ดเลือดแตกตัวง่ายอีกแล้วค่ะ เพราะซึมออกมาทางผิว แต่ก็ไม่อ่อนเพลียอะไร ร่างกายก็สบาย แต่ก็แปลกๆว่าเลือดซึมออกมาได้ไงกัน พี่ลำน้ำออกต่างจังหวัด เพิ่งกลับหรือค่ะ ดอกบัวเห็นงานพี่ลำน้ำดีใจจัง ได้อ่านงานพี่ลำน้ำอีกแล้ว ดอกบัวขอให้พี่ลำน้ำมีสุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสุขในทุกๆวันค่ะ
15 กันยายน 2552 21:12 น. - comment id 1039080
๐ หลั่งสายฝนหล่นพรายเป็นสายน้ำ ที่ตกย้ำกี่ปีนับมิถ้วน สายฝนพรมลมปรายคล้ายเชิญชวน ให้กระบวนชีวีได้คลี่บาน ๐ ไหลลามนา-วารินทร์จนดินชุ่ม เขียวชะอุ่มเรียวรอดยอดผักหวาน แทงหน่อใหม่ไผ่กอรอมานาน ดอกเห็ดย่านราวป่ามาผลิราย ๐ เสียงกบเขียดอึ่งอ่างต่างส่งเสียง หาคู่เคียงเสียงใสในความหมาย กับคนเมืองเรื่องฝนหล่นเปล่าดาย ที่ทำได้คล้ายเหงาเคล้าฝนพรำ กลอนน้องบ่าว เพราะมากเสมอครับ เลยขอแจมหีดนะน้องบ่าว นะ
15 กันยายน 2552 21:20 น. - comment id 1039083
ย้อนงานงามยามยลยิ่งงามย้อน หวนคืนคอนจิตล่องคืนกลับหวน ยวนกลิ่นโคลนซาบซ่านโชยกลิ่นยวน นาป่าสวนระบัดลู่สู่แดนพนา ลำนำเพลงท้องทุ่งร้างลำนำ ข้าพ้อคำเรียมเอ๋ยใยหนีข้า ตาเหม่อค้างนางหายป้ายน้ำตา คอยสาวนาไอ้ขวัญยังเฝ้าคอย แปรเปลี่ยนใจไปแล้วรอยไถแปร สร้อยดวงแดขาดผึงจึ่งเศร้าสร้อย ลอยล่องฟ้าไร้ทิศดุจดาวลอย ทนเทวษลบรอยแผลทุกข์ทน ...มาชื่นชมลำน้ำน่านครับ มองเห็นท้องทุ่งชัดเจนเลย
15 กันยายน 2552 21:38 น. - comment id 1039095
สวัสดีค่ะ หอมกลิ่นดิน...ถวิลร่ำ พี่นิวสบายดีนะค่ะ
15 กันยายน 2552 21:52 น. - comment id 1039098
สหายเราเล่นกลอนเจ็ดงามจริงชัดเจนมาก รักเสมอ อิอิ ศิษย์เราเจ้ากิ่งโศกก็ใช่ย่อยเล่น กลอนแปด รอยไถแปร เสียด้วย ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
15 กันยายน 2552 23:27 น. - comment id 1039134
กำลังบ่นกับเพื่อนอยู่ว่า อยากหัดแต่งกลอนเจ็ดมั่ง มาเปิดให้อ่านพอดี สมใจอยากเลย พลิ้วๆเหมือนเสียงเพลงบรรเลงนี้เคยค่ะ
15 กันยายน 2552 23:42 น. - comment id 1039135
16 กันยายน 2552 05:36 น. - comment id 1039154
เสรีภาพในจินตนาการ อินสวนผ่านความคิดที่คุมขัง อ่อนแอสิ้นไร้พลัง ร้อยครั้งพันครั้งยังจ่อมจม หลายล้านเม็ดฝนดลบันดาล หลายหนาวร้าวรานที่ทับถม หลายร้อนอ่อนล้าถูกคม ลุกล้มอารมณ์อันอ่อนแอ อยากเสพเสรีภาพให้เต็มอิ่ม อยากชิมรสชาติที่จริงแท้ พันธนาการเปลื้องปลดออกแก้ ใช่เพียงความปรวนแปรบางคราว
16 กันยายน 2552 06:24 น. - comment id 1039156
สวัสดีครับยอดกวีของบ้านกลอน เช้านี้ฝนตกพอดีครับ....ฟ้าคำรามด้วยครับ ไม่อยากออกจากห้องไปไหน ไม่อยากเขียนคู่มือสเฟียร์ว่าด้วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่อยากไปบรรยายเรื่องโรคถวาย พระที่โรงเรียน...ไม่อยากประชุม ..... เอาน่า...อดทนหน่อย...ช่วยด้วยครับ
16 กันยายน 2552 11:17 น. - comment id 1039201
ทุกวันนี้สายฝนคงโกรธกริ้ว หลั่งน้ำตาเพื่อแลกกัน!! อุทกภัยเห็นได้ถี่ตา ทั่วพื้นปฐพี
16 กันยายน 2552 16:13 น. - comment id 1039276
สรรพสำเนียงเสียงฝนหล่นภายนอก กบเขียดออกหยอกเย้าเคล้าสุขสม ธรรมชาติดาษดื่นน่าชื่นชม เสียงคำรณบนฟ้าหาเสรี เสรีภาพใคร ๆ ก็ถามหา ใคร ๆ ก็อยากมีค่ะ
17 กันยายน 2552 09:15 น. - comment id 1039455
เพียงพลิ้วเป็นลูกชาวนาค่ะ แม่มาพักผ่อนด้วยหนึ่งอาทิตย์ ฝนตกที่บ้านนอก เสียงลูกชายโทรมาถามแม่ว่าจะจัดการกับน้ำอย่างไรดี ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด เสียงผู้จัดการนา (เพียงพลิ้วยกตำแหน่งให้แม่เป็นผู้จัดการนาค่ะ)จัดการสั่งงาน ทำงานได้สมตำแหน่งจริงๆค่ะ สุขใจในสายฝนเสมอค่ะ
17 กันยายน 2552 11:59 น. - comment id 1039568
ชอบมากเลยค่ะ ชอบความเป็นชาวนาที่มีวิถีธรรมชาติอยู่ในตัว
26 ตุลาคม 2552 11:03 น. - comment id 1056848
"สายฝนมีประโยชน์ตรงที่เวลาร้องไห้ จะไม่ทำให้ใครเห็นน้ำตาของเรา" ชอบท่อนนี้ค่ะ เพราะว่าใช้ในชีวิตจริงบ่อย ๆ (5555555555555) นานแล้วค่ะ ที่ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบ้านกลอนแห่งนี้เลย ยุ่ง ๆ อยู่ค่ะช่วงนี้ จะนานแค่ไหนการใช้ภาษาในกลอนแต่ละคำช่างไพเราะเสียเหลือเกิน ช่วงนี้คุณลำน้ำน่านก็ยุ่งเหมือนกันใช่ไหมค่ะ (เดาค่ะ) ยุ่งอย่างไรก็ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะค่ะ