เปลวตะเกียง ไหววับ รับลมหนาว เริ่มเรื่องราว วัยฝัน วันอ่อนไหว สามพี่น้อง เล่นเงา เย้าแสงไฟ ท่ามพงไพร หริ่งร้อง ก้องระงม พี่ทำนก ด้วยมือ กระพือปีก บินหลบหลีก หมาเงา เห่าเสียงขรม ต่างกระซิก หยอกเย้า เคล้าสายลม ดับระทม เหว่ว้าง ในกลางคืน เบื่อเล่นเงา น้องเรียง นอนเคียงพี่ ขับดนตรี เสียงใส ใจระรื่น พี่ขึ้นต้น น้องต่อ หัวร่อครืน แล้วลุกยืน ส่ายโยก สะโพกไกว จวนครึ่งคืน เริ่มท้อ เฝ้ารอแม่ ง่วงเจียนแย่ แม่หนอ รอไม่ไหว ดับตะเกียง เข้านอน ด้วยอ่อนใจ ท่ามหรีดไพร ร้องขับ ฝืนหลับตา เปลวตะเกียง ไหววับ รับลมหนาว ทุกเรื่องราว เยาว์วัย ยังใฝ่หา รอยอดีต สลักตรึง ซึ้งทุกครา กี่เพลา อดีตงาม ยังตามเยือน ทิพย์โนราห์ พันดาว
23 กรกฎาคม 2552 22:56 น. - comment id 1018382
ตอนเด็กๆก็ชอบเล่นเงาเหมือนกันค่ะ...
23 กรกฎาคม 2552 23:32 น. - comment id 1018392
อิหยังน๊อ เอื้อย เล่นเงา ข้อยล่ะ งง
24 กรกฎาคม 2552 00:59 น. - comment id 1018411
เสียงตะเกียงที่เคยมองเห็น กลับหายกลายเป็นแสงหิ้งห้อยเสียนี่ ......... เพลงเขาว่าไว้แบบนี้นะครับ จำไว้ครั้งเมื่อได้ฟังเพลงลูกทุ่งก่อนตะวันจะรุ่งสาง คนกรีดยางเป่าปากผิวเสียงกังวาลไพรท่ามดงยางหนาทึบ ยามนั้น เสียงตะเกียงกรีดยางวับแววๆๆ ริบหรี่ๆ เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในความฝันครับ บทกลอนไพเราะละเมียดละไมกับความทรงจำนักครับ
24 กรกฎาคม 2552 10:48 น. - comment id 1018478
คิดถึงอดีตแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุขนะค่ะ
24 กรกฎาคม 2552 14:34 น. - comment id 1018535
สวัสดีค่ะ มื้อกลางวันเรียบร้อยยังจ๊ะ ฝนตกรึเปล่า แวะมาทักทายจ้า