คืนหนาวดาวเต็มทุ่งฟ้า ทาบทาท้องนาดั่งฝัน สาวนาจุดเทียนแทนจันทร์ นอนฝันเงียบงามดายเดียว คิดถึงอ้ายคนดี จากไปไม่มีแลเหลียว ทิ้งให้สาวนาเหงาเปลี่ยว ทิ้งเคียวทิ้งควายหมายลวง วันนี้มีคนส่งข่าว เมืองกรุงเหน็บหนาวน่าห่วง ทุกข์ทนระทมถมทรวง ติดบ่วงมายาพันธนาใจ เรียวรวงยังรอแรงรัก อ้อมภักดิ์บริสุทธิ์ใส สาวบ้านนาบ้านป่าไพร ฝากสร้อยสายใย ...อาทร....! ....................... ใจสาวนา..รออ้ายดั่งสายวสันต์.. พร่างสู่ทุ่งขวัญแลทุ่งใจ... ............ มองฟ้าครามยามอ้ายลามาหลายฝน ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย ดอกคิดถึงคลึงคลอทุยยามขี่กาย ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน รอคนดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์ เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุ่นละมุนละไม จะเดือนสามเดือนสี่ใครขี่ทุย ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ ไร่สาวนาสาวไพรรับไถภักดิ์ จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นชายไพร รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่ ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา ฝนหลงฤดูเพียงฤดีอ้ายอย่ากรายหลง ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา เทพีพสุธามิสิ้นรักภักดิ์เรียวรวง ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป ใจสาวนาสาวไพรไม่ทิ้งกล้านาสุดท้าย!รออ้ายคืน! ................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ ผวา มองจ้องตามเพียงครู่ รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ น้ำค้างร่วงกราว ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน หวานดังน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
14 กรกฎาคม 2552 00:22 น. - comment id 1014039
รวงรอฝน! คืนนี้จันทร์เสี้ยวเกี่ยวกิ่งฟ้า อีกคราแล้ว สาวนาแหงนเงยดูฟ้า... แล้วหยาดน้ำตาใสใสก็ค่อยๆไหลออกจากตา หยาดมาจากความซึมซึ้ง ด้วยลึกล้ำถึงก้นบึ้งแห่งความรักในดินนา ฟ้าเดือนสาม แม้นแสนจะอ้างว้างว่างใจสักเพียงใด ด้วยวสันต์ลามานานแสนนานแล้ว ให้ใจดวงน้อยน้อยรานร้าว ราวรวงเฝ้าหลงคอยเคียวมาเกี่ยวเก็บ หากไยเล่าใจสาวนา กลับไม่เคยน้อยใจในฤดูกาลฤดีระกำ ที่อ้ายเคยทำและไม่ยอมกลับมาพรำพรม จนคนและนาน้อยคอยจนแห้งผาก..พอกัน โอ้..อินทร์พรหมยมพญา ชะตาชีวิต ไยลิขิตให้สาวนา ดั่งเกิดมาคู่กันกับน้ำตา กับนากว้าง กับรวงเรียวลอมฟาง กับบึงบัวสล้าง กับอ้างว้างฟากฟ้าแสนไกล กับสายธาราใสฉ่ำเย็น กับเดือนเด่นกลางฟ้า กับความเหว่ว้าเงียบงันฝันไกลไม่เหมือนใคร กับหัวใจใสดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนา กับวสันต์ลีลา กับเวทีฟ้าเล่นแสงสี ในยามเช้าแสนงามตระการ กับยาม ที่ใบไม้สีน้ำตาลผลัดใบสีทอง ค่อยๆ... ลอยละล่องปลิดปลิว รำฟ้อนอ้อนสายลมในยามเย็นอย่างเงียบงัน ให้ราวป่าเต็มไปด้วยสีสันสลับสล้างสะพร่าง สะท้อนรับกับสายแสงตะวันลา กับฟ้าเจือแสงสีแสนสวยเป็นยิ่งนัก กับดวงดอกลั่นทม งามหอมระทมทับระทวยใจไปทั่วทั้งแนวไพร กับเสียงดุเหว่าไพร เรไรกบเขียดจิ้งหรีดกรีดก้องร่ำร้องระงม ผสานผสมพริ้งพราวราวเทพบรรเลงเพลงไพร ให้หนาวใจหนาวกายอย่างที่สุด คืนนี้.. เดือนมืด สาวนาคิดถึงลูกควายตัวจ้อยตัวน้อยๆนิดๆมาก คิดถึงดวงตาใสซื่อที่ดูแสนไร้เดียงสา ที่แสนน่ารักน่าเมตตาเอ็นดู ให้สาวนาเดินอ้อยสร้อยมาดู ที่คอกของแม่ลูกคู่พันผูกใต้ชายตาไผ่ใบหนา เห็น. ลูกควายน้อยค่อยๆ เอาจมูกถูไถไปมาบนใบหน้า ของแม่ควายด้วยความรักใคร่ ยามเข้าไต้เข้าไฟ นอนคลอเคล้ากันในคอก หลังเสร็จงานนาหว่านดำ ที่สุมไฟกันไว้มิให้เหลือบยุงริ้นไรไต่ตอม สาวนา.. รู้สึกหัวใจแสนอ่อนโยนเป็นสุขนัก แม้จะดายเดียวอ้างว้างร้างไร้ในทุกสิ่ง ในนิยามแห่งความหรูหรา มากมีมากมาย มิอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของวัตถุแสนแพง หากสาวนา ขอแค่มีชีวิตอยู่ ดูโลกราวมีโชคนับแสน ที่ได้เกิดมาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ได้เกิดมาคลุกดินโคลนนาเลน ได้มาเห็นโอนเอนตาลเดี่ยวริมทุ่ง ได้มาใช้ชีวิตมิยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนยอกย้อน> ได้มาเดินอรชรมีชีวิตชีวาในทุ่งกว้าง ได้มารับรอยรักรอยร้างรอยเศร้าเฝ้ารอรออ้ายริมลอมฟาง ท่ามกลางดาวสวยแสนสุกใส กับกองไฟหอมควันฟืน ได้ชื่นได้ฉ่ำกับรอยไถไม่มีวันแปร ได้มีหัวใจดวงแท้แท้ราวดวงทองผ่องพิสุทธิ์ดิบดิน ได้มาพานพบเพียรขุดทรัพย์ในดินในนา ขึ้นมาพลีบูชาโลกและผองชน ในนามแห่งกมลคนยากไร้ ใช้ร่างตากแดด ใช้มือกร้านกำเคียวเกี่ยวข้าวมาอย่างหนักหนา ยาวนานนัก จนหยาดเหงื่อและทุกหยาดโลหิตรัก ในร่างราวรวงร้อยคอยค้อมพวงคารวะพื้นพสุธา> ให้สมกับที่เกิดมา แม้จะมีหยาดน้ำตาในทุกข์รัก หากยังแสนโชคดีนัก ที่ได้ใช้หยาดน้ำตานั้น ผันหลอมละลาย กลายมารินรดพร่างพรมลงสู่ท้องนา ดั่งสายธาราใจไม่สิ้นสุด เพื่อหล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติมิให้อดตาย สาวนา... เลยยิ้มทั้งน้ำตาในราตรีนี้..ที่แสนมืดมิด หากทว่าดวงใจสาวนา ดวงน้อยนิดหาดายเดียวไม่ที่มีแต่น้ำตามาตราบชั่วชีวิต เพราะหัวใจสาวนายอมอยู่อย่างผู้รู้ตน อย่างผู้มีเนื้อกมลดวงงาม ยอมหลั่งหยาดเหงื่อและหยดน้ำตานั้น เพื่อพลีบูชาเทพีพสุธาชะโลมหล้าชะโลมดิน ด้วยความรักภักดีมิรู้สิ้น ในผืนดินธรรมแผ่นดินทองแผ่นดินไทยนี้..ไปตราบชั่วกาล..! ...................... ใจสาวนา..รออ้ายดั่งสายวสันต์..พร่างสู่ทุ่งขวัญแลทุ่งใจ... ............ มองฟ้าครามยามอ้ายลามาหลายฝน ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย ดอกคิดถึงคลึงคลอทุยยามขี่กาย ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน รอคนดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์ เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุนละมุนละไม จะเดือนสามเดือนสี่ใครขี่ทุย ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ ไร่สาวนาสาวไพรรับไถภักดิ์ จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นชายไพร รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่ ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา ฝนหลงฤดูเพียงฤดีอ้ายอย่ากรายหลง ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา เทพีพสุธามิสิ้รักภักดิ์เรียวรวง ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป ใจสาวนาสาวไพรไม่ทิ้งกล้านาสุดท้าย!รออ้ายคืน! ...................... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=202 เสียงดุเหว่าแว่ว ทูล ทองใจ : : Key Fm เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้ สอง เรา ผวา จาก กัน ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์ กอดกัน กระซิบกระแซะกัน ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา เป็นสัญญาให้เราจากกัน อิงแอบ แนบ ปลอบใจ เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่ กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน...
14 กรกฎาคม 2552 05:52 น. - comment id 1014066
พี่พุดคนดี จากต้นน้ำถึงปลายธารา ต้นน้ำล่องมาด้วยความคิดถึงพี่พุดครับ
14 กรกฎาคม 2552 07:12 น. - comment id 1014081
ฝากสายน้ำ แทนความรู้สึก อิอิ คุยมากกว่านี้ ไม่ได้นะครับ เน็ตจะปิด รักแลเคารพ พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม นามพี่พุดไพร ที่หนึ่งเสมอ
14 กรกฎาคม 2552 10:46 น. - comment id 1014121
ร่ายกลอนกรุ่นคละเคล้า.......บทเพลง เดือนต่ำดาวตกเกรง...........ปิ่นฟ้า ดรุณหนึ่งบรรเลง................โศกก่ำ...กำสรวล ประหนึ่งเคียวรอพร้า.....เกี่ยวข้าว...เก็บรวง ...แวะมาเยือนพี่พุดไพร สาวนา..ผู้วิไลครับ
14 กรกฎาคม 2552 14:55 น. - comment id 1014257
บ้านกลางไพรอ้น ธวัชชัย ชูเหมือน I ntro : ยามเช้า ลมหนาวแผ่วมา จับต้องกายา หนาวเย็นจับใจ กระท่อมน้อยเริ่มมีแสงใต้ กองฟืนสุมไฟสัญญาณวันใหม่เริ่มมาเสียงไก่ขันระงมใกล้ ไกล กล่อมพฤกษ์พงไพรมีชีวิตชีวาดาวน้อยลาลับจากฟ้า แสงทองส่องมา แลอุ่นตาเพลินใจเป็นชีวิตบ้านดงพนา อยู่กันมาปู่ย่าตายายตั้งนมนานหลายรุ่นผ่านไป อยู่อย่างสุขสบายเรียบง่ายกันเองSolo :มีพันธุ์ไม้มีปลาจากคลอง ข้าวจากท้องนา เสียงนกร้องเพลง เก็บผักเก็บฟืนครื้นเครง ไร่นาทำเองพอมีเลี้ยงกายยามเย็นแดดร่มลมโชย สายลมโบกโบย เฉียดฉิวเสียดกายร่ำสุราล้อมวงญาติสาย แค่พอกระศัยเหนื่อยหายเพลียหมู่เพื่อนผองบ้านเรือนเคียงกัน ร่วมกลุ่มประสานเสียงเพลงเสียงเชียร์เด็กร่ายรำผัวหยอกล้อเมีย อยู่อย่างสุขถึงจนไม่เคยสนใจSolo : บ้านกลางไพร ประสาป่าดอย ความสุขเล็กน้อยแต่ดูยิ่งใหญ่มีแต่รักและความจริงใจ แบ่งปันกันไปเคยทิ้งกันไม่หลอกลวงไม่เห็นแก่ตัว ไม่หลงเมามัวแก่งแย่งแข่งขันสนุกสนานอยู่ไปวัน ๆ หลังเสร็จสิ้นงานพอชื่นบานใจกลับเข้านอนพักผ่อนพวกเรา เก็บเรี่ยวแรงรอรุ่งต่อไปครอบครัวเราแสนสุขสบาย ลำคลองท้องนาป่าไป หล่อเลี้ยงชีวี
14 กรกฎาคม 2552 22:12 น. - comment id 1014466
พี่พุดคะ ปรางไม่ผิดหวังที่เข้ามาเยี่ยมเรือนรัก ของพี่พุดเลยนะคะ บทกลอนเพราะ ๆ และเพลงเก่า ๆ ซึ่งสมัยคุณแม่ยังอยู่ ท่านชอบนักเชียวค่ะ คุณทูลฯ เนี่ย คิดถึงท่านค่ะ.....