บันดาลใจจากกลอน มนต์ดอกโศก ของ saluakphin นะครับ สะท้านใจ สงสารสาวใต้เงาโศก แลวิโยค ละห้อยไห้ใจรวดร้าว สองแก้มช้ำน้ำตาหลั่ง พะพรั่งพราว พี่สุดหนาวใจแสนแม้นคืนร้อน ปล่อยเธอร้องไห้เนานาน ผ่านคืนนี้ ล้างใจที่เหนื่อยนั้นให้ผันผ่อน ค่อยล้างใจไปเถิดหนา อย่าอาทร เมื่ออาวรณ์ถึงที่สุดก็หยุดเอง ..ใจเจ้า จะแจ่มใจใสกระจ่าง ละวางเรื่องครั้งหนโดนข่มเหง พริ้วพราย เพลงใหม่ได้บรรเลง ไม่ต้องเกรงใจเขา เราเจ็บ พอ พี่แอบเงาอีกไม้หนึ่งซึ่งอยู่ข้าง แอบมองนาง ถ้าขอได้พี่หมายขอ ละเงาโศกมาเมื่อไหร่ใจพี่รอ .. สร้อยดอกรัก จะสรวมศอพะนอนาง
25 เมษายน 2552 09:20 น. - comment id 976997
ขอบคุณในความห่วงใยที่มีให้ ยากรับไว้ในจิตดั่งคิดหวัง เพราะหัวใจดวงนี้เจ็บจริงจัง คงหยุดยั้งรับใครใหม่ไปอีกนาน
25 เมษายน 2552 10:50 น. - comment id 977019
สวัสดีค่ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะที่บอกว่า ........ เมื่ออาวรณ์ถึงที่สุดก็หยุดเอง ........
25 เมษายน 2552 14:42 น. - comment id 977094
- ต่อกลอนต่อกันนะครับ - ต่อให้นานแสนนานก็จะรอ ต่อให้ท้อแสนท้อก็จะหวัง รักหนุนส่งให้ฤดีมีพลัง รวดร้าวบ้างแต่ใจรั้งยังเฝ้ารอ เฝ้าถักร้อยมาลัยใต้ต้นรัก ด้วยใจภักดิ์ไม่มีที่ระย่อ ต่อให้สิบปีผ่านไม่นานพอ ที่จะท้อรอไม่ไหวนั้นไม่มี กี่มาลัยโรยลงไม่ปลงจิต ทุ่มชีวิตร้อยมาลัยไม่หน่ายหนี เก็บดอกรักร้อยมาลัยใหม่อีกที รอคนดีมีใจให้คนรอ
26 เมษายน 2552 14:07 น. - comment id 977369