".......สูญรัก....."

ภัทราภา

ยามเหือดแห้งห่างไกล                   ในรัก
ปวดฤทัยแน่นหนัก                        สุดอั้น
ความคิดถึงประจักษ์                      ล่วงแล้ว    มาเลย
สุดจะเอ่ยคำร้อง                             มากนัก     ฝากลม
กายใจต้องลมหนาว                       พัดโบก
เจ็บวิโยคดั่งโบย                            ด้วยแซ่
ดั่งดอกไม้ล่วงโรย                          ช่อดอก      ลงดิน
ด้วยยุพิณขวัญพี่                            ลืมแล้ว      เลือนราง
ธำมรงค์ ที่สวม                               วงนี้
รัตนมณี                                         แต่งแต้ม
เจ้าเคยสวมมือนี้                            ของพี่       แผ่วเบา
ยังจำกลิ่นกายเจ้า                           บัดนี้        หายสูญ                           
				
comments powered by Disqus
  • พิมพ์แก้ว

    21 เมษายน 2552 21:58 น. - comment id 975236

    กลอนไพเราะมากค่ะ
    
    
    16.gif36.gif16.gif
  • พิมญดา

    21 เมษายน 2552 22:16 น. - comment id 975250

    เก่งง่ะกลอนเพราะจังค่ะ41.gif41.gif
  • ภัทราภา

    21 เมษายน 2552 22:35 น. - comment id 975277

    -ขอบคุณค่ะที่ชมคุณพิมพ์แก้ว
    พอดีเริ่มหัดแต่งค่ะ
    37.gif37.gif37.gif1.gif
  • ภัทราภา

    21 เมษายน 2552 22:36 น. - comment id 975278

    ขอบคุณที่ชมค่ะคุณพิมญดาและขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันน่ะค่ะ
    37.gif37.gif37.gif1.gif
  • เจียระไน

    21 เมษายน 2552 22:55 น. - comment id 975294

    เก่งจังเลยค่ะ8.gif8.gif8.gif8.gif4.gif4.gif4.gif4.gif
  • กิตติกานต์

    21 เมษายน 2552 22:59 น. - comment id 975299

    เขียนด้วยถ้อยคำที่งดงาม
    ความหมายดี
    และเปรียบเทียบได้ดีค่ะ
    
    "เจ็บวิโยคดั่งโบย          ด้วยแซ่"
    คุณตา เคยเล่าให้ฟังว่า
    เมื่อก่อนคนโบราณมักใช้แซ่ตีโบย
    เป็นความเจ็บทรมาน  ปวดแสบปวดร้อย
    เลยทีเดียวค่ะ...
    
    ไม่แน่ใจค่ะว่า ตั้งใจเขียนโคลงสี่สุภาพหรือเปล่าคะ...
    
    เก่งขึ้นเยอะเลยนะคะ...
    
    36.gif11.gif
  • อรุณสุข

    22 เมษายน 2552 00:47 น. - comment id 975334

    ต่างคนต่างบทบาทต่างวาดหวัง
    ความจีรังอยู่ที่ไหนใคร่เฉลย
    เกิด ตั้งอยู่ ดับ แท้ แน่กว่าเอย
    อย่าละเลย ตามกระแส ที่แปรปรวน
    
    ดังที่ว่า ค่าของคน ชี้ผลหวัง
    ประดุจดัง สายไฟ ใส่ฉนวน
    เปลือกนอกแท้ กันไฟ ไหลรบกวน
    ห่อหุ้มมวน แก่นแท้ กระแสไฟ
    
    อย่าละจิต ผิดถูก จงปลูกฝัง
    มองคนอย่าง ปลงอนิจ ด้วยจิตใส
    ชาติ ชรา มรณัง จงฝังใจ
    เพราะนี่ไซร้ประเสริญสุดแก่นพุทธธรรม
  • อรุณสุข

    22 เมษายน 2552 00:48 น. - comment id 975335

    ต่างคนต่างบทบาทต่างวาดหวัง
    ความจีรังอยู่ที่ไหนใคร่เฉลย
    เกิด ตั้งอยู่ ดับ แท้ แน่กว่าเอย
    อย่าละเลย ตามกระแส ที่แปรปรวน
    
    ดังที่ว่า ค่าของคน ชี้ผลหวัง
    ประดุจดัง สายไฟ ใส่ฉนวน
    เปลือกนอกแท้ กันไฟ ไหลรบกวน
    ห่อหุ้มมวน แก่นแท้ กระแสไฟ
    
    อย่าละจิต ผิดถูก จงปลูกฝัง
    มองคนอย่าง ปลงอนิจ ด้วยจิตใส
    ชาติ ชรา มรณัง จงฝังใจ
    เพราะนี่ไซร้ประเสริญสุดแก่นพุทธธรรม
  • somebody

    22 เมษายน 2552 10:11 น. - comment id 975518

    สวัสดีค่ะ11.gif
    แวะเข้ามาอ่านและอยากบอกว่า
    เก่งจังค่ะ เขียนได้ดีจังเลย
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
  • ดอกบัว

    23 เมษายน 2552 13:24 น. - comment id 976043

    สวัสดีค่ะ คุณ ภัทราภา
    ดอกบัว มาอ่านงาน โคลง ที่งามจัง
    หลายครั้งที่ดอกบัวอยากโคลง
    แต่รู้สึก จะไม่เรื่องค่ะ
    ดอกบัวสื่อความหมาย ไม่ได้แบบนี้
    เลยต้องอาสัยอ่านอย่างเดียว
    ขอบคุณนะค่ะ ที่แวะพักทักทายดอกบัวเสมอค่ะ
    ขอให้คุณมีแต่ความสุขสมหวังค่ะ
    36.gif46.gif
  • ภัทราภา

    23 เมษายน 2552 19:57 น. - comment id 976157

    คุณเจียระไน
    ขอบคุณที่ชมน่ะค่ะและมาทักทาย
    37.gif37.gif37.gif1.gif
  • ภัทราภา

    23 เมษายน 2552 19:59 น. - comment id 976159

    พี่กิตติกานต์
    ขอบคุณที่ชมและจะพัฒนาเรื่อยๆค่ะ
    37.gif37.gif37.gif1.gif
  • ภัทราภา

    23 เมษายน 2552 19:59 น. - comment id 976160

    อรุณสุข
    ขอบคุณที่เข้ามาแต่งกลอนให้น่ะค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน