ครั้นสิ้นแสง สุริยา ทิพากาล ฟ้าเหมือนม่าน ปิดแรง แสงบุหลั่น สงัดเงียบเชียบเสียงสำเนียงพลัน ใจประหวั่น พรั่นเศร้า เปล่าอุรา ลองพินิจ คิดคำนึง ถึงความเงียบ จึงลองเปรียบ ลองเทียบ ตามประสา แม้ไร้จันทร์ ไร้เสียง สกุณา สนธยา ไม่เคยเศร้า เปล่าสำเนียง กิ่งไม้เอน เล่นล้อ ล่อลมเล่น ดาวกระเด็น เป็นเส้นริ้ว ริมเฉลียง วาบหวิวหวิว พริ้วลมหลอก หยอกระเบียง กรอบแกรบเสียง ใบ้ไม้แห้ง กระซิบกัน กริ่งสำเนียง เสียงรัก ที่ถักร้อย น้ำค้างน้อย ค่อยสลัก รักสนั่น ค่อยค่อยหยด จรดลง ตรงหินนั้น หยาดเย็นหลั่น ระรั่นจด จรดใจ โผละโผละเพลี้ยง เสียงกิ่งไม้ แตกยอดอ่อน คอยออดอ้อน ก่อนร้อยรัก ถักสไว ค่อยสิ้นเหงา สิ้นเศร้า บันเทิงใจ คืนไม่ไร้ เพื่อนพ้อง ผองเดียวกัน เพราะความเงียบ ทำให้เรา ได้พบเพื่อน ใจพลันเลือน ลืมโลก ที่โศกศัลย์ เพราะคืนค่ำ ที่สิ้นแรง แสงจากจันทร์ ให้ใจฉัน ได้รู้ค่า ของดวงดาว
22 มีนาคม 2545 13:34 น. - comment id 41991
เป็นเสน่ห์ของความเงียบจริงจริงครับ
22 มีนาคม 2545 15:16 น. - comment id 42028
ความเงียบทำให้จิตใจสงบ สงบพอที่จะมองเห็นถึงสิ่งดีๆ ที่ยังมีอีกมากมายในชีวิต ^-^
22 มีนาคม 2545 17:35 น. - comment id 42062
ปานนั้นเลยเหรอเจย์ ลึกลํามาก แต่เพราะดีนะ
22 มีนาคม 2545 21:43 น. - comment id 42086
สละสลวยดีจัง ทุกบทเลย
22 มีนาคม 2545 23:23 น. - comment id 42105
ใช้คำได้สวยจังเลยจ้ะ
23 เมษายน 2548 22:50 น. - comment id 145956
เพราะมาก