ลำพังอันเงียบงาม ในท่ามโลกว่ายเวียนวน จิตสงบพบกุศล ดั่งอุบลชูช่อบาน มืดแล้วสว่างสอนสัจจะ ทุกข์ผัสสะให้พ้นผ่าน สร้างความดีทุกวันวาร มิรอนรานกับเพรงกรรม เพียงเม็ดทรายธุลีหล้า เกษมค่าได้พบธรรม เส้นทางบุญได้หนุนนำ ระรินร่ำเพาะบ่มใจ ฝึกจิตสว่างว่าง รู้ปล่อยวางทุกข์เป็นไป หนึ่งแท้แน่เหนือใด อัญมณีภายในโชติตระการ...!
15 มีนาคม 2552 14:35 น. - comment id 963293
เม็ดทรายหนึ่งพึงพินิจจิตย่อมเห็น ความลำเค็ญปัญหาหากมากหลาย ดุจหาดทรายไหวหวั่นน้ำพลันทลาย สิ่งมากมายเวรกรรมกระทำมา. รักและคิดถึงสาวบ้านนาคนสวยแห่งพงไพร แก้วประเสริฐ.
15 มีนาคม 2552 18:33 น. - comment id 963370
มารับฟังคำสอนค่ะ
15 มีนาคม 2552 19:15 น. - comment id 963380
สวัสดีค่ะพี่พุด คิดถึงจัง
15 มีนาคม 2552 19:49 น. - comment id 963393
เมื่อวางให้จิตว่าง ย่อมพบทางเย็นยิ่งหนอ ผุดพราววาวละออ ให้เกิดก่อปัญญาตาม ทุกสิ่งเกิดที่จิต ใคร่ครวญคิดควรหักห้าม สังขารเพิ่มเติมตาม จึงก่อเกิดการกระทำ ระงับบังคับจิต ยั้งชีวิตไม่ถลำ กิเลศไม่ครอบงำ สว่างใสในกมล
15 มีนาคม 2552 20:00 น. - comment id 963399
คราใดที่จิตว่าง ก็ปล่อยวางความทุกข์ได้ แต่น้อยครั้งที่จิตใจ จะว่างได้ในเวลา ได้มาอ่านบทนี้ รู้สึกดีมีคุณค่า ความเงียบ...ช่วยนำพา ให้วิญญาหายร้าวราน... อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆค่ะ.. ขอบคุณที่มีข้อคิดดีๆให้อ่านค่ะ..
15 มีนาคม 2552 20:19 น. - comment id 963417
ขอเพียงให้จิตว่างก็พบทางแห่งความสุข เห็นจริงด้วยค่ะ ภาพสวยมากเลย ชอบจัง
15 มีนาคม 2552 23:44 น. - comment id 963542
เม็ดทรายธุลีหล่น เปื้อนปะปนกับดินดอน เกลือกกลิ้งริมสิงขร ฤๅอาวรณ์กับสิ่งใด กรวดทรายที่ไร้ค่า นอกสายตาอยู่ห่างไกล ขาดคนจะสนใจ ตรมหมองไหม้ใต้โคลนเลน เหมือนเช่นฉันคนนี้ มิเคยมีใครมองเห็น คัดออกนอกกฏเกณท์ เป็นกากเดนสังคมกลอน รู้ดีมีปัญหา ทั้งวาจาอารมณ์ร้อน โทษะเพียงไฟฟอน จึงต้องนอนอยู่เดียวดาย อิอิ มาเยี่ยมพุดพัดชา แต่งไปแต่งมา เป็นยังงี้ไปได้ไงไม่รู้ อิอิ
16 มีนาคม 2552 06:57 น. - comment id 963582
.. ดั่งว่ายในสายธาร สร้างตำนานคนเดินทาง ขอบฟ้าที่เวิ้งว้าง ทรายเคว้งคว้างละล่องลอย สวัสดีครับ
16 มีนาคม 2552 11:27 น. - comment id 963710
สวัสดีค่ะ เม็ดทรายเม็ดเล็กๆ แต่หากรวมกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนได้ก็แข็งแรงได้เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่เตือนสติกันนคะ