๏ ค่ำคืนหนึ่งอันมืดมิด ช่วงชีวิตอันสลัว เปลี่ยวเปล่าร้าวรานสั่นระรัว เผยภาพหม่นมัวตัวตน คิดผ่อนพักดวงฤทัย เอนกายเอนใจหมายผ่านพ้น ความวังเวงอันเกิดในวังวน ขุดคุ้ยค้นสับสนในวิญญาณ์ จ้องมองอากาศ... ขีดความคิดระบายวาดอย่างคนบ้า เห็นความเปล่าไร้ในสายตา อ้างว้างโดดเดี่ยวเหลือคณายังคงมี มองเข้าไปในกระจกนั้น แววตาพลันสลดน้ำตาปรี่ ความเศร้ากลั่นก่อตัวจากห้วงดวงชีวี หยดน้ำอันซ่อนสีก็หล่นซ้ำ หวีดหวิวแหวกอากาศกระทบพื้น นั่งปาดน้ำตาสะอื้นพรางร้องร่ำ ประสานเสียง เรียงร้อย ถ้อยคำ เป็นลำนำคลอเคล้าไปกับสายลม บรรยากาศบิดเบือนบังความคิด ดั่งยาพิษอันไร้ซึ่งรสขม เครียดขุ่นวุ่นวายที่เพาะบ่ม เบียนบด จิตจ่อมจม จนล่มเลือน ลมหายใจไหวอ่อนล้า แผ่วแผ่วผ่านน้ำตาเกรอะกรังเปื้อน เผยอดีตกาลซาบซ่านสะท้านสะเทือน โฉบฉิวเฉือนจินตภาพให้ราบไป ผุดสติยึดมั่นคำสั่งสอน ตรึกพุทธปรัชญ์เก่าก่อน...“อยู่หนไหน?” เร่งสำนึกคึกสำเหนียกพระรัตน์ไตร และแล้วจิตดวงใสวามวับก็กลับมา ระดะแก้วแวววาวไหวระริกรี่ ระบายสีสันใส่ให้เห็นค่า ระดมรักที่แอบซ่อน สอนกายา กอบเก็บมาขบคิดลิขิตคำ .................................. .................................. .................................. .................................. ... *จึ่งเริงระบำในค่ำคืนที่แสงจันทร์หลบซ่อนรังสีความสวย จึ่งเริงฝืนยิ้มรวยรื่นใต้พื้นแสงสีอันหม่นคล้ำ จึ่งเริงลืมลบภาพทุกข์ในยุคมิคสัญญีอันแสนจะระกำ จึ่งเริงอยู่ในพันธวัฏฏะ ซ้ำ ซ้ำ ช้ำ ช้ำ..............ต่อไปฯ ...
9 มีนาคม 2552 23:24 น. - comment id 955193
ดึกดื่นสวัสดิ์ขอรับ ขอบคุณท่านยาแก้ปวด และท่านsomebody ที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็น หลับฝันดีนะทั่น ...
9 มีนาคม 2552 13:36 น. - comment id 960438
ก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดา ที่ยังมีอารมณ์ มีรู้สึก แต่ก็แล้วแต่จิตที่สำนึก ว่าจะเก็บรู้สึกนั้นอย่างไร... ว่าแต่จ้องมองอากาศ แล้วเจออะไรมั่งบอกด้วยนะจ๊ะ อย่ามัวบ้าอยู่คนเดียว..อิอิ มาบ้าเป็นเพื่อน..
9 มีนาคม 2552 15:13 น. - comment id 960485
สวัสดีค่ะ ใช้ใจของเราสำรวจใจของเราเองนะคะ
10 มีนาคม 2552 13:19 น. - comment id 960970
ดีนะคะที่ ดึงจิตมาทางธรรมได้ อิอิ กำลังเตลิดเปิดเปิงเหมือนกันค่ะ แบบว่า ร้อนอ่ะ อิอิ