. . . หากยังรักก็โปรดเถิดอย่าเชิดใส่ ถอดดวงใจวางให้แล้วนะแก้วขวัญ อย่าได้เมินอย่าได้หมองไม่มองกัน โธ่..ชีวันอย่าตัดพ้อให้ง้อนาน. . . . . ๏ ถอดฤทัยมาวางอยู่ข้างไหน? จะสิ้นใจอยู่แล้วน้องแก้วเอ๋ย ที่เคยพบมิได้พบประสบเชย จึงมาเอ่ยออดอ้อนอักษรตาม สุริยนเลื่อนลับลงกับที่ ดวงฤดีอยู่แดนใดให้ใจหวาม หวั่นประหวัดกลัดกลัวทุกชั่วยาม ดังเพลิงลามร้อนรุกทุกเสี้ยวทรวง แม้นชาตินี้ตัวพี่ไม่มีสิทธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์เทพไท้ในแดนสรวง แกล้งทอนรักหักสวาทพี่ขาดร่วง พรากขวัญดวงแลลับไม่กลับคืน คืนวันผันผ่านเนิ่นนานนัก ด้วยรสรักทับถมซึ่งขมขื่น ฝันที่หวังพังหายทลายครืน หลับคล้ายตื่นหม่นมัวทุกขั้วใจ แรมร้างแรมทางอยู่ต่างที่ ค่ำคืนนี้บังอรเร่นอนไหน จะนิราศระเหระหนตำบลใด เคยบ้างไหมใจคะนึงส่งถึงมา ฝันที่ใฝ่คงเป็นได้แค่ไฟฝัน ด้วยรอวันสิ้นกำลังพร้อมสังขาร์ พี่รอเจ้าเฝ้าแต่หลงอย่าสงกา ใช้อุราซึ่งซ่อนเร้นเป็นประกันฯ
5 มีนาคม 2552 15:05 น. - comment id 959127
ต่อกลอนได้เพราะดีค่ะ
5 มีนาคม 2552 16:51 น. - comment id 959162
สวัสดีค่ะ คุณกานท์ กานต์ กลอนทั้งสองที่คุณลงไว้ เป็นการเขียนระดับยอดนะค่ะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งหัดเขียนค่ะ จะอ่านงานไปเรื่อยค่ะ โชคดีมีแต่ความสุขในชีวิต และการเขียนกลอนค่ะ
5 มีนาคม 2552 17:54 น. - comment id 959174
เย็นย่ำสวัสดิ์ครับ ขอบคุณครับคุณเทพธิดาอเวจี ... คุณดอกบัว กล่าวหนักไปแล้วครับ ผมเพิ่งเริ่มเขียนได้ไม่กี่เดือนเองอ่ะครับ ก่อนนี้ชอบอ่านมากกว่า แต่ช่วงหลังมานึกสนุก ก็เลยลองเขียนบ้าง ขอบคุณครับ ... คารวะ
6 มีนาคม 2552 10:10 น. - comment id 959382
สวัสดีค่ะ เยียมยอด และยอดเยี่ยมค่ะ