ณ กระท่อมซอมซ่อพอหลบหนาว กลางทุ่งข้าวชาวนาคืนฟ้าใส เอาความสุขทุกข์ล้าชาวนาไทย มาแก้ไขให้สว่างสร้างชีวิน แต่ก่อนเก่าเนานานบ้านอุ่นสุข นิราศทุกข์เหินห่างร้างหนี้สิน ทั้งข้าวปลาอาหารการอยู่กิน มีทั่วถิ่นท้องนาป่าพฤกษ์ไพร หลายปีผ่านงานพัฒนาก้าวมาถึง ปานประหนึ่งชาวนาจะหน้าใส จากนาปีหนีมานาปรังไป ทุ่งนาไหนไม่ว่างเหมือนอย่างเคย ในสองปีทำนาถึงห้าหน ต้องฝึกฝนทนฝืนมิยืนเฉย นั่นเคมีนี่ปุ๋ยลุยกันเลย หวังเสบยรวยร่ำจากทำนา เหมือนยิ่งทำซ้ำซากยิ่งยากแค้น ได้หนี้แทนแสนระกำช้ำหนักหนา เคยเก็บผักดักหนูหาปูปลา เพียงเพราะยาเคมีหนีสูญพันธุ์ คนทำนาหน้าหมองต้องซื้อข้าว คือเรื่องราวชาวนาที่น่าขัน ทำแทบตายขายไปทำไม่กัน เพราะข้าวฉันอันตรายอย่าได้ลอง เมื่อหนี้รุมสุมบ่าเกินกว่าแก้ อาหารแย่หายากอยากสนอง คนหนุ่มสาวก้าวหนีที่เคยจอง ทิ้งให้ท้องทุ่งนาเหลือตายาย ยิ่งดึกดื่นฟืนสุมไม่คุ้มหนาว เดือนเคยพราวราวฟ้ากลับลาหาย ทุกข์ที่รุมสุมใจไม่เคยวาย พรุ่งนี้สายเรามาหารือกัน ลมหนาวพรูกรูเกรียวคงเชี่ยวกราก อยากร้องฝากคนไกลในห้วงฝัน ทุกข์แผ่นดินถิ่นไทยใหญ่อนันต์ ร่วมสร้างฝันกันไหมหลอมใจเดียว ฝากฝัน ๗ มกราคม ๒๕๕๒
19 มกราคม 2552 15:37 น. - comment id 937787
ฝันฝ่าเพื่อล่าฝันอันแสนหม่น เมื่อคนจนต้องดิ้นรนในทุกที่ อยู่ป่าเขาหรือในเมืองหาโชดดี มิตรไมตรีแทบเมินยับเยินจริง เพราะคะพี่ชายความหมายดีมากๆ น้องเหยินแวะมาเยี่ยมพี่ชายอ้วนดำคะ
19 มกราคม 2552 15:46 น. - comment id 937791
แวะมาเยี่ยมบ้านนาค่ะ กระท่อมสวยจังเลย น่าอยู่จังบรรยากาศดีมาก แต่กลอนดีกว่า
19 มกราคม 2552 15:48 น. - comment id 937793
กระท่อมหลังนี้น่าอยู่จังนะคะ
19 มกราคม 2552 15:52 น. - comment id 937798
เหยินสวยเริ่ด.. ความคิดเห็นที่ 1 : หมายเลข 949912 ฝันฝ่าเพื่อล่าฝันอันแสนหม่น เมื่อคนจนต้องดิ้นรนในทุกที่ อยู่ป่าเขาหรือในเมืองหาโชดดี มิตรไมตรีแทบเมินยับเยินจริง เพราะคะพี่ชายความหมายดีมากๆ น้องเหยินแวะมาเยี่ยมพี่ชายอ้วนดำคะ """""""""""""""""""""" เมื่อคนจนล้นหลามสุดห้ามไหว ประชาไทยไหนเลยจะเฉยนิ่ง คอยฉุดยั้งรั้งรอยคอยท้วงติง ช่วยประวิงค้นหาอย่างท้าทาย น้องสาวเราเป็นไงมั่ง...แต่ไม่ต้องกลัวนิ..สวยเริดเชิดหยิ่งเลย
19 มกราคม 2552 15:57 น. - comment id 937800
...พิมพรรณ ความคิดเห็นที่ 2 : หมายเลข 949916 แวะมาเยี่ยมบ้านนาค่ะ กระท่อมสวยจังเลย น่าอยู่จังบรรยากาศดีมาก แต่กลอนดีกว่า ................................. เป็นกระท่อมชาวนาที่ฝากฝันไปอาศัยนอนนะครับ..อยู่กลางทุ่งนาลิบๆ. ขอบคุณครับผมที่แวะมาเยี่ยม บรรยากาศดีครับ..แต่หนาวและเหงาอย่างร้ายกาจครับ
19 มกราคม 2552 16:00 น. - comment id 937803
...เพียงพลิ้ว ความคิดเห็นที่ 3 : หมายเลข 949918 กระท่อมหลังนี้น่าอยู่จังนะคะ ....................................... น่าอยู่สักคืนนะพอไหวครับ สังเกตุมั๊ย..ประตูยังไม่มีเลย... ผ้าขะม้าของฝากฝันตากอยู่นั่นแหละ กลางคืนลมหนาวมาก พื้นเป็นฟากไม้ไผ่ทุบเวลาเดิน ยวบยาบๆ..จะหักเสียให้ได้.. ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับผม
19 มกราคม 2552 16:09 น. - comment id 937810
ยิ่งทำนาก็ยิ่งจนไม่เหมือนชาวนาในญี่ปุ่น มันคนละเรื่องเดียวกัน ไม่เข้าใจเหมือนกัน กลอนเยี่ยม ความหมายดีมากคับ
19 มกราคม 2552 17:02 น. - comment id 937835
เนี่ยแหละความไม่สมดุลย์ ของประเทศเรา ทั้งๆที่เป็นประเทศการเกษตรแท้ๆ คนที่รวยกับเป็นพวกพ่อค้าโรงสี เซ็งเป็ดอ่ะ
19 มกราคม 2552 17:34 น. - comment id 937845
คิดถึงท้องทุ่งนาเมื่อคราก่อน บ้านนาดอนมีทุยช่วยลุยฝน ปุ๋ยจากคอกหว่านโปรยโรยนาจน ข้าวสวยล้นได้กำไรทำไร่นา อนิจจาผ่านไปไร้ทุยเจ้า ชาวนาเศร้าอาศัยปุ๋ยไหนาหนา ปุ๋ยเคมีที่ใช้ได้พึ่งพา อนิจจา...ครานี้..สิยากจน.. คิดถึง...ทุ่งนาสมัยก่อนค่ะลุง.. พ่อ..บังคับให้กวาดมูลไอ้ทุย ใส่ตะกร้า..หาบใส่นา...นาละ สี่กอง... บ่าแทบปริเลย.... กระท่อม..บ้านครูพิมเรียกเถียงนา.. หนาวไหมลุง...เวลานอนกระท่อมหลังนั้น.. อิอิ..
19 มกราคม 2552 18:34 น. - comment id 937876
งดงามมากๆเลย ทั้งธรรมชาติและภาษา เพลงไพเราะมากเลยค่ะ
19 มกราคม 2552 18:43 น. - comment id 937887
พอดีเลย เมื่อวันเสาร์ไปงานที่กรุงเทพฯ ได้คุยกับคนลำลูกกา ปทุมฯนี่แหละ แต่ก่อนเขาค้าขายที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เอาที่ค้าขายให้เขาเช่า มาซื้อบ้านที่ลำลูกกา ภรรยามีที่นา 25 ไร่ ทำนาโดยใช้เทคโนฯ ใช้ปุ๋ย ใช้ยามาก ลงทุน 40 % กำไร 60% 2 ปี ทำ 5 ครั้ง ทำได้ไร่ละเกวียนต่อ1 ครั้ง ครั้งละ 25 เกวียน ขายเลยตอนนี้เกวียนละ 8,500 บาท (น่ารวยนะ)เขาบอกว่าข้าวพวกนี้เอาไปทำแป้ง หุงกินไม่อร่อย แข็ง กระท่อมน่ารักดีนะ แต่คนข้างบนเขาบอกว่าอ้วน (ยังดีนะที่รับน้ำหนักฝากฝันไหว)... อิอิ....อยู่คนเดียวไม่เป็นไร อย่าหนีบใครไปอยู่ด้วยล่ะ..55555
19 มกราคม 2552 19:00 น. - comment id 937896
ปีนี้เจอหนาวอีก ข้าวชูคอแห้งตาย สงสารชาวนาเนาะ.. กว่าจะได้สักเม็ด..ชีวิตชาวนาไทย สุขอย่าได้สร่าง
19 มกราคม 2552 19:12 น. - comment id 937906
แด่ คุณฝากฝัน แวะมาเยี่ยมชมกลอนคุณภาพอีกตามเคยไ ไม่ได้แวะมาทายทักนานเลยค่ะ เพราะความหนาวนี่เองที่ทำให้ไซนัสกำเริบ หายดีแล้วค่ะล้างจมูกทุกวัน
19 มกราคม 2552 19:24 น. - comment id 937916
เขียนได้เพราะพริ้งทุกบทกลอนเลยนะจ๊ะน้องชายสุดหล่อของพี่เก่งจริงๆ
19 มกราคม 2552 19:26 น. - comment id 937918
สวัสดีค่ะ พี่ฝากฝัน แบบเนี่ยกระท่อมกลางนาตอนดอกบัวเด็กๆค่ะ พี่สาว พ่อ แล้วก็แม่เลี้ยงลงไปดำนากัน ดอกบัวแบกกล้าไปส่งให้แล้วก็มานอนหลับบนกระท่อมนี้แหละค่ะ พ่อปลูกไว้บนโคกกลางนารอบๆ พ่อจะปลูกฟักทองและบวบต้นพริกมะเขือ ข้าวโพดไว้ด้วยค่ะ จะกว้างกว่านี้นะค่ะ เห็นแล้วคิดถึงสมัยนั้น เป็นเด็กๆมีความสุขกว่าตอนโตๆนี้อีกนะค่ะเนี่ย แถมไม่ต้องซื้อข้าวกินด้วย ถึงตอนนี้ถ้ากลับไปที่บ้าน พี่สาวกับแม่เลี้ยงคงเอาข้าวให้มากิน แต่บัวคงไม่เอาหรอกค่ะ เพราะบัวมีกินสุขสบายแล้ว พวกเขาสิค่ะ ยังต้องหลังสู้ฟ้าหน้ามองดินอยู่เลย ฝนตกก็ต้องทน ดอกบัวปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ ถ้าบัวยังอยู่ที่นั้นก็คงเหลือแต่ชื่อแหละค่ะ ชีวิตชาวนา แต่ก็มีความสุขดีนะค่ะที่นั้น ดอกบัวขอให้พี่ฝากฝันมีแต่ความสุขค่ะ
19 มกราคม 2552 20:03 น. - comment id 937938
เมื่ออ่านความกลอนกานต์ร้าวรานนัก อาชีพหลักของชาวไทยใกล้สาบสูญ เพราะเทคโนที่ว่าล้ำว่าค้ำคูณ จึงแทบสูญสิ้นท่าชาวนาไทย ทางการแก้กลเก่าอย่างเขลาขลาด แทบพินาศเพราะมองสั้นจนหวั่นไหว หวังแต่เพียงเห็นไทยผลิศิวิไล สิ่งที่ได้คือทุกข์เข็ญ...โอ้เวรกรรม. ต้นเหตุเกิดจากอะไรค่ะ...ใครและตั้งแต่เมื่อไหร่....ขอบคุณพี่ฝากฝันที่มากระตุ้นต่อมรักชาติ...ทำยังไงละคะที่ชาวนาไทยจะได้ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์กลับคืนมา...ขอเป็นกำลังใจให้พี่ฝากฝันและทีมงานรวมถึงผู้กำลังช่วยให้ไทยเป็นสีเขียวฝ่าฟันจนล่าฝันได้สำเร็จนะคะ.
19 มกราคม 2552 20:18 น. - comment id 937955
แต่ชาวนาแถวบ้านหนู เค้าทำนาปีหนึ่งตั้ง ครั้งแน่ะ รวยน่าดูเลย พอเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็ไถต่อเลย แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ชาวนาไทยทุกคนนะค้า
19 มกราคม 2552 20:21 น. - comment id 937958
อ้าวพิมพ์แล้ว ไหงไม่ขึ้นล่ะ ปีหนึ่ง 3 ครั้ง นะค้า ขอโทษนะค่ะ ลุงฝากฝัน
19 มกราคม 2552 20:27 น. - comment id 937967
ชาวนาเขาว่าคือกระดูกสันหลังของชาติ แต่ทุกวันนี้ชาวนาลำบากขึ้นทุกวัน ต่อไปประเทศจะไร้กระดูกสันหลังหรือเปล่านะ
19 มกราคม 2552 20:32 น. - comment id 937977
งามกระท่อมพร้อมพรักสมัครสมาน เยี่ยงโบราณแห่งสยามงามกุศล ไถ หว่าน เกี่ยว ตำ ต้องจำทน กว่าจะพ้นผันผ่านก็นานทุน เดี๋ยวนี้มีรถช่วยอำนวยให้ แต่ก็ไร้เงินทองมากองหนุน ไร้ค่าจ้าง วางกลบ ในงบดุล จึงไม่คุ้น เครื่องช่วย เห็นป่วยการ ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ใช่แกล้งบอก จ่ายจนยอก ยับแย่ ตั้งแต่หว่าน เกี่ยวเสร็จ ราคาต่ำ ให้รำคาญ พอสิ้นงาน จึงเป็นหนี้ จะหนีใย... สงสาร ก็แต่ชาวนาแหละครับ ขายข้าวราคาต่ำ แต่ประชาชน ซื้อข้าวราคาแพง..ดูเส้นทางกำไร สิครับ..จะไปตกอยู่ที่ไหน... แวะมาเยือน กระท่อม น้อย ของท่านพี่..ครับ
19 มกราคม 2552 20:34 น. - comment id 937981
คุณลุงค๊า... กลอนก็เพราะ อ่านแล้วนึกถึงบ้านอีหล่าเลยค่ะ เพลงก็เพราะอีกแล้ว "ชาวนาๆๆ เอาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน.."
19 มกราคม 2552 22:16 น. - comment id 938020
หวัดดีครับพี่ชาย.... ..กระท่อมน้อยปลายนา....ยากจนมาเจ็ดหน.. นึกถึงเพลงนี้เลย อะครับ... คิดถึงบ้านจัง..เห็นภาพกระท่อม กะทุ่งนาแบบนี้ครับ.. สบายดีนะครับพี่ชาย
19 มกราคม 2552 22:26 น. - comment id 938028
ยิ่งทำยิ่งจนนะชาวนาไทย ก็ลงทุนสูงทำนาพึ่งพาปุ๋ยยา ของนายทุน ก็เท่ากับ ให้เขาทำนาบนหลังชาวนาชาวไร่ อีกต่อนะ ทุนเป็นของเขา นาเราก็จริง ได้ข้าวมาใช้หนี้หมด เจ้าของโรงสีรวยเอาๆ โอย.........หน่อ.....
19 มกราคม 2552 23:28 น. - comment id 938084
เขียนดีจังครับ ครบรอบวัฏจักรแห่งความขมขื่นของชาวนาอย่างแท้จริง มีเพียงในหลวงเท่านั้นที่ทรงลึกซึ้งเรื่องนี้อย่างแท้จริง
20 มกราคม 2552 00:42 น. - comment id 938110
ความเจริญ เทคโนโลยี ฯลฯ ทุกสิ่งเราต้องให้ทันชาวโลก ทุกอย่างเป็นดาบสองคม มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เกษตรกร บ้านเรา ยากจนมาก หากเทียบกับ เกษตรกรของชาวยุโรป พวกเค้าจะร่ำรวยมาก ต่างกันลิบ คนที่มีอำนาจอยู่ในมือ น่าจะมองบ้างนะ ...................................................... กระท่อมน่าอยู่จัง ธรรมชาติแท้ ๆ หายากนัก มาเป็นกำลังใจให้ฝากฝัน ทำงานเพื่อเกษตรกร ชนบท
20 มกราคม 2552 02:04 น. - comment id 938123
...วิทย์ ศิริ ความคิดเห็นที่ 7 : หมายเลข 949935 ยิ่งทำนาก็ยิ่งจนไม่เหมือนชาวนาในญี่ปุ่น มันคนละเรื่องเดียวกัน ไม่เข้าใจเหมือนกัน กลอนเยี่ยม ความหมายดีมากคับ ........................................... สวัสดีครับ ชาวนาไทยไม่เคยมีทิศทางของตนเองครับ ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสทั้งหมด..ฉะนั้น ไม่แปลกที่พวกเขาเป็นแค่กลไกทางการค้าเท่านั้นเอง ขอบคุณมากครับ
20 มกราคม 2552 02:08 น. - comment id 938124
...ยาแก้ปวด ความคิดเห็นที่ 8 : หมายเลข 949960 เนี่ยแหละความไม่สมดุลย์ ของประเทศเรา ทั้งๆที่เป็นประเทศการเกษตรแท้ๆ คนที่รวยกับเป็นพวกพ่อค้าโรงสี เซ็งเป็ดอ่ะ .................................. แหมๆๆๆ...เอาเป็ดมาเกี่ยวไรด้วย..เซ็งก็เซ็งซี เป็ดอยู่เฉยๆไม่รับรู้ด้วย..จะลงนาซะหน่อย เขายังกลัวหวัดนกอีก..เป็ด.นะ..เซ็งคน..ฮาๆๆ บางคนบอกว่า.เพราะชาวนา บ้านเรามีมาเกินไป...รัฐดูแลไม่ทั่วถึง..นะ..ฉะนั้นปล่อยให้ตายซะมั่ง..
20 มกราคม 2552 02:13 น. - comment id 938125
...ครูพิม ความคิดเห็นที่ 9 : หมายเลข 949970 คิดถึงท้องทุ่งนาเมื่อคราก่อน บ้านนาดอนมีทุยช่วยลุยฝน ปุ๋ยจากคอกหว่านโปรยโรยนาจน ข้าวสวยล้นได้กำไรทำไร่นา อนิจจาผ่านไปไร้ทุยเจ้า ชาวนาเศร้าอาศัยปุ๋ยไหนาหนา ปุ๋ยเคมีที่ใช้ได้พึ่งพา อนิจจา...ครานี้..สิยากจน.. คิดถึง...ทุ่งนาสมัยก่อนค่ะลุง.. พ่อ..บังคับให้กวาดมูลไอ้ทุย ใส่ตะกร้า..หาบใส่นา...นาละ สี่กอง... บ่าแทบปริเลย.... กระท่อม..บ้านครูพิมเรียกเถียงนา.. หนาวไหมลุง...เวลานอนกระท่อมหลังนั้น.. อิอิ.. ........................................ หนาวมาก..ลมแรงมากยิ่งดึกยิ่งหนาว "เมื่อวัวหายควายพรากไปจากทุ่ง เอาปุ๋ยถุงมาแทนก็แสนเข็ญ ต้องทนทำซ้ำซ้ำอย่างลำเค็ญ เพียงแค่เห็นเป็นทาสาพ่อค้ารวย ขอบคุณหลายๆเด้อที่มาเยี่ยม
20 มกราคม 2552 02:15 น. - comment id 938126
...แอป ความคิดเห็นที่ 10 : หมายเลข 950008 มาอ่านจ้า คำถามข้างบนตอบด้วยนะ ทราบแล้วเปลี่ยน ............................ อืม..ฝากฝันมีคนรักแล้วขอรับ ตอบแล้วนะ.... ขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมนะขอรับ
20 มกราคม 2552 02:17 น. - comment id 938127
....ครูกระดาษทราย ความคิดเห็นที่ 11 : หมายเลข 950009 งดงามมากๆเลย ทั้งธรรมชาติและภาษา เพลงไพเราะมากเลยค่ะ ............................... ขอบคุณครูกระดาษทรายมากเลย มาถึงยออย่างเดียว..อิอิ... ขอบคุณๆๆๆ
20 มกราคม 2552 02:23 น. - comment id 938128
...พี่แดง ความคิดเห็นที่ 12 : หมายเลข 950012 พอดีเลย เมื่อวันเสาร์ไปงานที่กรุงเทพฯ ได้คุย กับคนลำลูกกา ปทุมฯนี่แหละ แต่ก่อนเขาค้า ขายที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เอาที่ค้าขายให้เขาเช่า มาซื้อบ้านที่ลำลูกกา ภรรยามีที่นา 25 ไร่ ทำ นาโดยใช้เทคโนฯ ใช้ปุ๋ย ใช้ยามาก ลงทุน 40 % กำไร 60% 2 ปี ทำ 5 ครั้ง ทำได้ไร่ละ เกวียนต่อ1 ครั้ง ครั้งละ 25 เกวียน ขายเลย ตอนนี้เกวียนละ 8,500 บาท (น่ารวยนะ)เขา บอกว่าข้าวพวกนี้เอาไปทำแป้ง หุงกินไม่ อร่อย แข็ง กระท่อมน่ารักดีนะ แต่คนข้างบนเขาบอกว่า อ้วน (ยังดีนะที่รับน้ำหนักฝากฝันไหว)... อิอิ.... อยู่คนเดียวไม่เป็นไร อย่าหนีบใครไปอยู่ด้วย ล่ะ..55555 ...................................... สวัสดีครับพี่แดง เขาบอกว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ คือความจริงครับ พอเริ่มทำนา เขาก็เริ่มอุ้มพ่อค้ารถไถขึ้นบ่า.. แล้วก็อุ้มพ่อค้าน้ำมัน พ่อค้ายาเคมี ป่อค้าป๋ย พ่อค้า รถเกี่ยว พ่อค้ารุเข็นข้าว อุ้มพ่อค้าโรงสี อุ้มพ่อค้าข้าวส่งออก คือเขาต้องแบกทุกคนไว้บนบ่า (รวยหมด)ฉะนั้นชาวนากระดูกต้องแข็งแรงไงครับ ไม่งั้นแบกไม่ไหวหรอก กระท่อมหลังนี้ฝากฝันนอนคนเดียวครับ คุยกันพอดึกๆชาวบ้านกลับหมด..เหลือฝากฝันเป็น เจ้าทุ่งอยู่คนเดียวครับ
20 มกราคม 2552 02:25 น. - comment id 938129
...คอนพูทน ความคิดเห็นที่ 13 : หมายเลข 950021 ปีนี้เจอหนาวอีก ข้าวชูคอแห้งตาย สงสารชาวนาเนาะ.. กว่าจะได้สักเม็ด..ชีวิตชาวนาไทย สุขอย่าได้สร่าง. .............................. เดี๋ยวนี้ชาวนาไม่มียุ้งฉางแล้วครับ ออกจากนาไปโรงสีเลย..ข้าวเป็นแค่สินค้าตัวหนึ่ง. แทบไม่มีความผูกพันอะไรกับชาวนาปรังอีกแล้วครับ
20 มกราคม 2552 02:28 น. - comment id 938130
..ไหมแก้วสีฟ้าคราม ความคิดเห็นที่ 14 : หมายเลข 950031 แด่ คุณฝากฝัน แวะมาเยี่ยมชมกลอนคุณภาพอีกตามเคยไ ไม่ได้แวะมาทายทักนานเลยค่ะ เพราะความหนาวนี่เองที่ทำให้ไซนัสกำเริบ หายดีแล้วค่ะล้างจมูกทุกวัน ......................................... อืม..ขอบคุณมากครับผม.. ไซนัส..กับอากาศหนาวไปกันไม่ได้เลย อย่างไรก็ดูแลสุขภาพนะครับ..ทำจมูกให้อุ่นเข้าไว้ วันหลังจะเอายามาฝากครับ ฝากฝันจะเขียนบอกก็กลัวว่าไม่สมบูรณ์กลัวจำได้ไม่หมด ขอบคุณนะครับ
20 มกราคม 2552 02:29 น. - comment id 938131
...นรศิริ . ความคิดเห็นที่ 15 : หมายเลข 950041 เขียนได้เพราะพริ้งทุกบทกลอนเลยนะจ๊ะน้องชายสุดหล่อของพี่เก่งจริงๆ ................................... อิอิ..แหมๆๆๆพี่มาถึงก็ยอเอาๆเหมือนเคยนะครับ ดูแลสุขภาพนะครับ..
20 มกราคม 2552 02:34 น. - comment id 938132
....ดอกบัว ความคิดเห็นที่ 16 : หมายเลข 950043 สวัสดีค่ะ พี่ฝากฝัน แบบเนี่ยกระท่อมกลางนาตอนดอกบัวเด็กๆค่ะ พี่สาว พ่อ แล้วก็แม่เลี้ยงลงไปดำนากัน ดอกบัวแบกกล้าไปส่งให้แล้วก็มานอนหลับบนกระท่อมนี้แหละค่ะ พ่อปลูกไว้บนโคกกลางนารอบๆ พ่อจะปลูกฟักทองและบวบต้นพริกมะเขือ ข้าวโพดไว้ด้วยค่ะ จะกว้างกว่านี้นะค่ะ เห็นแล้วคิดถึงสมัยนั้น เป็นเด็กๆมีความสุขกว่าตอนโตๆนี้อีกนะค่ะเนี่ย แถมไม่ต้องซื้อข้าวกินด้วย ถึงตอนนี้ถ้ากลับไปที่บ้าน พี่สาวกับแม่เลี้ยงคงเอาข้าวให้มากิน แต่บัวคงไม่เอาหรอกค่ะ เพราะบัวมีกินสุขสบายแล้ว พวกเขาสิค่ะ ยังต้องหลังสู้ฟ้าหน้ามองดินอยู่เลย ฝนตกก็ต้องทน ดอกบัวปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ ถ้าบัวยังอยู่ที่นั้นก็คงเหลือแต่ชื่อแหละค่ะ ชีวิตชาวนา แต่ก็มีความสุขดีนะค่ะที่นั้น ดอกบัวขอให้พี่ฝากฝันมีแต่ความสุขค่ะ .................................. ขอบคุณมากจ้าน้องดอกบัว อืม..ทุ่งนาในอดีต..ชาวบ้านไม่รวย..แต่อยู่ได้ และมีความสุขตามอัตภาพ..มีอาหารจากธรรมชาติ ทดแทนได้..แต่ปัจจุบัน การผลิตที่มีโทษต่อ ธรรมชาติทำให้เกษตรกรเราสูญเสียพื้นที่ในการสร้างอาหารของตัวเองไปครับ คือหาเงินๆๆๆแล้วไปซื้อทุกอย่าง..ก็ย่อมจะไม่พอเป็นธรรมดาครับ น้องดูแลสุขภาพด้วยนะ
20 มกราคม 2552 03:07 น. - comment id 938136
...ปักษาสวรรค์ ความคิดเห็นที่ 17 : หมายเลข 950063 เมื่ออ่านความกลอนกานต์ร้าวรานนัก อาชีพหลักของชาวไทยใกล้สาบสูญ เพราะเทคโนที่ว่าล้ำว่าค้ำคูณ จึงแทบสูญสิ้นท่าชาวนาไทย ทางการแก้กลเก่าอย่างเขลาขลาด แทบพินาศเพราะมองสั้นจนหวั่นไหว หวังแต่เพียงเห็นไทยผลิศิวิไล สิ่งที่ได้คือทุกข์เข็ญ...โอ้เวรกรรม. ต้นเหตุเกิดจากอะไรค่ะ...ใครและตั้งแต่เมื่อ ไหร่....ขอบคุณพี่ฝากฝันที่มากระตุ้นต่อมรัก ชาติ...ทำยังไงละคะที่ชาวนาไทยจะได้ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์กลับคืนมา...ขอเป็นกำลังใจให้พี่ฝากฝันและทีมงานรวมถึงผู้กำลัง ช่วยให้ไทยเป็นสีเขียวฝ่าฟันจนล่าฝันได้สำเร็จนะคะ. .............................................. อูย..ถึงกะต้องการประวัติศาตร์เลยหรือ เอาอย่างนี้นะเมื่อก่อนบ้านเรานี่นะ คน..พยายามจะพัฒนาเพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติ พื้นที่ไหนน้ำหลาก..ก็จะมีข้าวพันธุ์ขึ้นน้ำ มีเรือทุกบ้าน...ที่ตรงไหนแล้งจะมีพันธุ์ข้าวทนแล้ง แต่เมื่อประเทศมีนโยบายพัฒนาการเกษตรเพื่อการค้า เราเรียกยุคนั้นว่าการปฏิวัติเขียว....คือประมาณแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 2เป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ก็เกิดขึ้นในบ้านเรา พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ใหม่ๆและเทคโนโลยี่ตางๆก็เข้ามา(เป็นช่วงที่ บ.เจียไต๋..เป็นเจริญโภคภัณฑ์ และ บ.ต่างๆที่เกี่ยวกับการเกษตร) และเกิดพ่อค้าคนกลางจำนวนมากมาย เกษตรกรก็เข้าป่า..ถางโค่นเผา..เพื่อให้เตียนและปลูกพืชไร่ .. มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง คือพืชที่ถูกเอามาแทนที่ป่า ส่วนนาข้าวเริ่มเปลี่ยนจากนาปีเป็นนาปรังครั้งแรกที่ บางไทร อยุธยา เมื่อประมาณปี 12 แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนทั้งทุ่งและขยายไปเรื่อยๆ พร้อมกับการพัฒนาพันธุ์ข้าว.เพื่อการค้า ไม่มีความอร่อย..มีแต่ปริมาณที่ได้ผลผลิตมาก และพันธุ์ข้าวนาปรังก็เป็นพันธุ์ข้าวที่ต้องควบคู่ไปกับการใช้สารเคมีและปุ๋ย ในช่วงนี้รัฐบาลเองก็ตั้ง ธกส.ขึ้นมาเพื่อให้เกษตรกรได้กู้ยืมและนั้นคือการเริ่มต้นเป็นหนี้อย่าง เป็นระบบของเกษตรกร นอกจากนั้นรัฐบาลก็เร่งส่งเสริมการเกษตรเป็นการใหญ่ รับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรมากมายกระจายทุกตำบล..เกิดวิทยาลัยเกษตรหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองกรมส่งเสริมและสร้างให้คนรู้เฉพาะด้านตามการสนับสนุนของ บริษัท เช่น จบสาขาสัตว์ปีก .สาขา วัวนม. .สาขาพืชไร่ ..สาขาพืชสวน...ฯลฯ เอาตำราจากเมืองนอกมาสอน..ผลิตบัณฑิต เป็นชิ้นๆสาขา..แล้วลงทำงานกับเกษตรกร เมื่อลงไปถึงก็ส่งเสริมไปคนละทิศคนละทาง ตามความรู้ตำราจากเมืองนอก.. บางที เกษตรกรคนเดียวกัน.เหมือนถูกแยกร่าง สำหรับชาวนา..เมื่อเปลี่ยนเป็นนาปรัง..ข้าวพันธุ์ใหม่ ซึ่งต้องใช้ทุนสูงวัวควายก็หายไป รถไถ เครื่องสูบน้ำ รถเกี่ยวข้าว ก็เข้ามา ทำนาก็เริมไม่มีกำไร...ลูกหลานก็ท้อ ผลสุดท้านของเกษตรกรที่ฝากฝันสรุปก็คือ หนึ่ง สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองแล้วว่า อาชีพเกษตรจะอยู่รอดได้จริงหรือ..หนุ่มสาวถึง ต้องหนีเข้าเมืองหางานรับจ้างที่มั่นใจว่าไม่ขาดทุน สอง สูญเสียความภูมิใจ.ไม่ภูมิใจเลยที่จะบอก ใครๆว่าตัวเองเป็นเกษตรกร..มาจากครอบครัว เกษตรกร เมื่อไม่ภูมิใจตนเองก็ไม่คิดที่จะเรียนรู้ยกระดับตัวเอง สาม สูญเสียความสัมพันธ์ คนมนชุมชนที่เคยอุ่นหนาฝาคั่ง ช่วยเหลือกัน ก็เหินห่าง ปลูกข้าวทั้งทุ่งเหมือนกัน จะมัวช่วยคนอื่นได้ไง เพราะข้าวสุกพร้อมกัน จะหยิบยืมเงินทอง ก็ต้องมีดอกเบี้ย.. โอ้ยๆๆๆ...มานั่งสักสองวัน..ฝากฝันจะร่ายยาวประวัติและภาวะของเกษตรกรไทยให้ฟัง แค่ค่าวิทยากรแพงมากขอบอก วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เพราะพิมพ์สัมผัสไม่เป็น จิ้มจนปวดนิ้วแล้ว
20 มกราคม 2552 03:11 น. - comment id 938137
...ประทีปดาว ความคิดเห็นที่ 18 : หมายเลข 950080 แต่ชาวนาแถวบ้านหนู เค้าทำนาปีหนึ่งตั้ง ครั้งแน่ะ รวยน่าดูเลย พอเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็ไถต่อเลย แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ชาวนาไทยทุกคนนะค้า ความคิดเห็นที่ 19 : หมายเลข 950083 อ้าวพิมพ์แล้ว ไหงไม่ขึ้นล่ะ ปีหนึ่ง 3 ครั้ง นะค้า ขอโทษนะค่ะ ลุงฝากฝัน .............................................. อิอิ..อยากไปอยู่จัง..นะกับชาวนาที่รวยๆ แต่ฝากฝันไม่ค่อเจอครับ...นอกจากชาวนาแปลงใหญ่ๆนะ...ถ้ามีหลายสิบไร่ก็น่าจะอยู่รอด แต่ชาวนาทั่วไปคนละห้าไร่สิบไร่ กำไรไร่ละ 2000 บาทสิบไร่เท่ากับ20000 บาท ครอบครัวอยู่กันสี่คน ..คิดดูนะครับจะเหลืออะไร อย่างไรก็ขอขอบคุณนะ..จริงน่าบอกด้วยว่าชาวนาบ้านหนูน่ะที่ไหน
20 มกราคม 2552 03:13 น. - comment id 938138
..กุ้งก้ามกราม ความคิดเห็นที่ 20 : หมายเลข 950092 ชาวนาเขาว่าคือกระดูกสันหลังของชาติ แต่ทุกวันนี้ชาวนาลำบากขึ้นทุกวัน ต่อไปประเทศจะไร้กระดูกสันหลังหรือเปล่านะ ............................................ เป็นคำปลอบใจนะครับ กระดูสันหลังแข็ง..ก็เพราะสามารถแบกพ่อค้าปุ๋ พ่อค้ายา..สารพัดพ่อค้าขึ้นไปร่ำรวยบนหลังได้ต่างหากครับ
20 มกราคม 2552 03:18 น. - comment id 938139
..อรุณสุข ความคิดเห็นที่ 21 : หมายเลข 950102 งามกระท่อมพร้อมพรักสมัครสมาน เยี่ยงโบราณแห่งสยามงามกุศล ไถ หว่าน เกี่ยว ตำ ต้องจำทน กว่าจะพ้นผันผ่านก็นานทุน เดี๋ยวนี้มีรถช่วยอำนวยให้ แต่ก็ไร้เงินทองมากองหนุน ไร้ค่าจ้าง วางกลบ ในงบดุล จึงไม่คุ้น เครื่องช่วย เห็นป่วยการ ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ใช่แกล้งบอก จ่ายจนยอก ยับแย่ ตั้งแต่หว่าน เกี่ยวเสร็จ ราคาต่ำ ให้รำคาญ พอสิ้นงาน จึงเป็นหนี้ จะหนีใย... สงสาร ก็แต่ชาวนาแหละครับ ขายข้าวราคาต่ำ แต่ประชาชน ซื้อข้าวราคาแพง..ดูเส้นทางกำไร สิครับ..จะไปตกอยู่ที่ไหน... แวะมาเยือน กระท่อม น้อย ของท่านพี่..ครับ ................................... ชาวนา 90% ไม่รู้ด้วยซ้ำไปครับว่าปุ๋ยเคมีที่ใช้คืออะไร ตัวเลขข้างถุง 16 20 0 คืออะไรแล้วทำไมต้องเลขนี้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำครับ ใช้ปุ๋ยเพราะพ่อค้าแนะนำให้ใช้มากกว่า เป็นเรื่องน่าเศร้ามากนะครับ เกษตรกร..จะปลูกอะไร..ใช้ยา..ใช้ปุ๋ย ดูแลรักษา อย่างไรถามพ่อค้าหมดครับ...แล้วพ่อค้าคนไหนจะกล้าบอกว่าสินค้าที่ตัวเองมีไม่ดีหล่ะ ขอบคุณมากครับน้องอรุณสุขที่แวะมาเยี่ยม
20 มกราคม 2552 03:20 น. - comment id 938140
....แก้วประภัสสร ความคิดเห็นที่ 22 : หมายเลข 950106 คุณลุงค๊า... กลอนก็เพราะ อ่านแล้วนึกถึงบ้านอีหล่าเลยค่ะ เพลงก็เพราะอีกแล้ว "ชาวนาๆๆ เอาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน.." ....................................... อืม..เพราะก็อ่านเยอะๆฟังเยอะๆเด้อหล่า นั่นแหละชาวนาหล่ะ..เพราะลูกหลานเรียนเพื่อรับใช้คนอื่นนะ..ไม่คิดไปรับใช้ครอบครัวหรือชาวนะนิ
20 มกราคม 2552 03:22 น. - comment id 938141
.....กิ่งโศก ความคิดเห็นที่ 23 : หมายเลข 950145 หวัดดีครับพี่ชาย.... ..กระท่อมน้อยปลายนา....ยากจนมาเจ็ดหน.. นึกถึงเพลงนี้เลย อะครับ... คิดถึงบ้านจัง..เห็นภาพกระท่อม กะทุ่งนาแบบนี้ครับ.. สบายดีนะครับพี่ชาย ................................... สวัสดีครับน้องชาย พี่ก็ตะลอนๆเหมือนเดิม...คลุกอยู่กับชาวบ้านจนแยกไม่ออกแล้วหล่ะ..ชาวนาถ้ารู้จะพอก็อยู่ได้ครับ และยังน่าอยู่
20 มกราคม 2552 03:24 น. - comment id 938142
...กันนา ความคิดเห็นที่ 24 : หมายเลข 950153 ยิ่งทำยิ่งจนนะชาวนาไทย ก็ลงทุนสูงทำนาพึ่งพาปุ๋ยยา ของนายทุน ก็เท่ากับ ให้เขาทำนาบนหลังชาวนาชาวไร่ อีกต่อนะ ทุนเป็นของเขา นาเราก็จริง ได้ข้าวมาใช้หนี้หมด เจ้าของโรงสีรวยเอาๆ โอย.........หน่อ..... ....................................... เห็นด้วยครับ...เวลารัฐบาลจะช่วยชาวนา ก็เอาเงินมาวางไว้ที่โรงสีอีกนั่นแหละ บางทีโรงสีรับฝากข้าวจากชาวนาก็เอาไปสี หมุนเงินก็ก็ยังมีเลยครับผม
20 มกราคม 2552 03:27 น. - comment id 938143
... แมวเหลือง ความคิดเห็นที่ 25 : หมายเลข 950209 เขียนดีจังครับ ครบรอบวัฏจักรแห่งความขมขื่น ของชาวนาอย่างแท้จริง มีเพียงในหลวงเท่านั้น ที่ทรงลึกซึ้งเรื่องนี้อย่างแท้จริง .................................... จริงๆแล้วในหลวงท่านทรงดำรไว้ชอบแล้วดีแล้วนะครับ แต่คนที่นำไปปฏิบัติมันไม่เอาไหน แล้วเกษตรกรเองก็ไม่เรียนรู้เลย "เขาซ้ำซากยากแท้จะแก้ไข"
20 มกราคม 2552 03:30 น. - comment id 938144
...bitter ความคิดเห็นที่ 26 : หมายเลข 950235 ความเจริญ เทคโนโลยี ฯลฯ ทุกสิ่งเราต้องให้ ทันชาวโลกทุกอย่างเป็นดาบสองคม มีทั้งข้อดี และข้อเสีย เกษตรกร บ้านเรา ยากจนมาก หากเทียบกับเกษตรกรของชาวยุโรป พวกเค้า จะร่ำรวยมาก ต่างกันลิบ คนที่มีอำนาจอยู่ใน มือ น่าจะมองบ้างนะ ...................................................... กระท่อมน่าอยู่จัง ธรรมชาติแท้ ๆ หายากนัก มาเป็นกำลังใจให้ฝากฝัน ทำงานเพื่อเกษตรกร ชนบท .............................................. ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ ผู้มีอำนาจบ้านเราเขาก็มองเห็นครับ...แต่เห็น ช่องว่าจะกระโดดขึ้นขี่หลังชาวนามากกว่าครับ จะเอาประโยชน์จากชาวนาอย่างไรต่างหาก
20 มกราคม 2552 09:16 น. - comment id 938197
เข้ามาชมกระท่อมกลางนา..ท่ามกลางธรรมชาติที่สดใส..มันน่าอยู่ ครับ.. กลอนไพเราะได้อรรถรส..มาก ๆ
20 มกราคม 2552 10:32 น. - comment id 938227
ความเป็นจริงจากส่วนหนึ่งของสังคมสินะคะ เขียนได้ดีแล้วก็มีสาระมากๆ เลยคะ
20 มกราคม 2552 10:47 น. - comment id 938231
..ลิลิต ความคิดเห็นที่ 46 : หมายเลข 950322 เข้ามาชมกระท่อมกลางนา..ท่ามกลาง ธรรมชาติที่สดใส..มันน่าอยู่ ครับ.. กลอนไพเราะได้อรรถรส..มาก ๆ ............................................ อิอิ..น่าดูครับ..แต่กลางดึกหนาวสะบัดช่อเลย เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ขอบคุณมากครับผม
20 มกราคม 2552 10:49 น. - comment id 938234
...krajokngao ความคิดเห็นที่ 47 : หมายเลข 950352 ความเป็นจริงจากส่วนหนึ่งของสังคมสินะคะ เขียนได้ดีแล้วก็มีสาระมากๆ เลยคะ ............................................. ขอบคุณมากครับผม..เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชาวนาครับ...เท่าที่สามารถสะท้อนผ่านกลอนสั้นๆนะครับ
20 มกราคม 2552 10:52 น. - comment id 938235
สวัสดีค่ะพี่ฝากฝัน คนแถวบ้านน้องเอก็เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ กู้เงินมาทำนา เพื่อหวังขายข้าวได้เงิน แล้วสุดท้าย...หมดหน้านาก็เข้าเมืองหางานทำ เฮ้อ.... วิถีชีวิตของเขา เราจะแนะอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะเขาว่าเราเด็ก ไม่รู้จักอะไร แต่คนเรา ถ้าสู้รู้จักฝ่าฟัน และคิดสิ่งใหม่ๆทำ ถึงอยู่บ้านนอก ไม่ต้องเข้าเมือง ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้สบายนะคะ ถ้าที่หมู่บ้านอยู่กันเกือบหมด ก็สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนได้อย่างดีเลยค่ะ แต่ก็แปลก เขาชอบไปเป็นลูกน้องให้คนจ้างทำงานมากกว่า จะเป็นเจ้านายของตัวเอง
20 มกราคม 2552 12:47 น. - comment id 938293
......จิตรำพัน ความคิดเห็นที่ 50 : หมายเลข 950360 สวัสดีค่ะพี่ฝากฝัน คนแถวบ้านน้องเอก็เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ กู้เงินมาทำนา เพื่อหวังขายข้าวได้เงิน แล้วสุดท้าย...หมดหน้านาก็เข้าเมืองหางานทำ เฮ้อ.... วิถีชีวิตของเขา เราจะแนะอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะเขาว่าเราเด็ก ไม่รู้จักอะไร แต่คนเรา ถ้าสู้รู้จักฝ่าฟัน และคิดสิ่งใหม่ๆทำ ถึงอยู่บ้านนอก ไม่ต้องเข้าเมือง ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้สบายนะคะ ถ้าที่หมู่บ้านอยู่กันเกือบหมด ก็สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนได้อย่างดีเลยค่ะ แต่ก็แปลก เขาชอบไปเป็นลูกน้องให้คนจ้างทำงานมากกว่า จะเป็นเจ้านายของตัวเอง ................................... การเลิกทาสในสมัยรัชกาลที่ ๕ สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงวิตกและอึดอัดพระทัยอย่างยิ่งคือ ทาสที่ปลดปล่อยแล้วไม่ยอมไป...ร้องให้ตีโพย ตีพาย..คือภาวะการสูญเสียวิญญาณอิสระ เหมือกับคนทุกวันนี้ไงครับ...ไปรับจ้างแบกปูนได้ทั้งวัน แต่เมื่อกลับบ้านไม่ทำอะไรเลย..เพราะเคยชิน กับคำสั่งและกำกับจากเจ้านาย... และถ้าเขาขยันทางงานของตัวเองเท่ากับงานที่เขาไปรับจ้าง..ฝากฝันบอกได้เลยเขาอยู่รอดแน่ ส่วนจะรวยหรือไม่ไม่แน่หรอก..แต่อยู่ได้แน่
20 มกราคม 2552 18:41 น. - comment id 938486
ฝากฝันเหงาเป็นด้วยหรีอ...... น่าจะชินนะ ..อายุก็ปูนนี้แล้ว... หรือว่า....อ้อนสาวในบ้านกลอน ให้เห็นใจ...เอาใจช่วย...ขอให้สมหวัง ดั่งใจปรารถนา
20 มกราคม 2552 21:16 น. - comment id 938594
ฝากฝันรับฝากใจไว้ในทรวง จะห่วงหวงมิให้หายไปไหน จะเก็บไว้ในกล่องสองดวงใจ มิให้ใครคิดพรากจากอีกเลย เอ..เม้นท์นี้เคยเห็นที่ไหนนะ จุ๊ๆ
21 มกราคม 2552 00:45 น. - comment id 938670
......กระท่อมสวยนะคะ นอกกรเท่อมก็เห็นข้าวเขียวอ่อนๆ สวยมากๆค่ะ กระท่อมน่าอยุ่ กลอนขอไพเราะ ...ขอ 200ซิคะ ....ฮ่าๆๆๆๆ
21 มกราคม 2552 00:47 น. - comment id 938671
54..... อ้าว ฉางน้อยพิมพ์ผิดคะ ลุง อิอิ ขอโทษๆๆค่ะ จะบอกว่า กระท่อมน่าอยู่ กลอนก้ไพเราะ อิอิ ....ผิดเลย เห็นม๊า
21 มกราคม 2552 16:41 น. - comment id 938934
แวะพักกระท่อมน้อยปลายนาสักครู่ค่ะ ชอบบรรยากาศท้องทุ่ง