คือวิมานในม่านหมอก มีดวงดอกไม้ป่าทุ่งหญ้ากว้าง หอมอวลมาในอรุณยามรุ่งราง อุษาสว่างรับหวานชื่นสุนทรีย์ กระท่อมไพรเรียบง่ายหมายฝากฝัน ท่ามนวลจันทร์กระจ่างพรายพร่างสี พสุธาทองให้หยัดยืนสร้างความดี เพาะผลิพลีเมล็ดพันธุ์มิ่งขวัญไทย สายเลือดเราทั้งผองคือน้องพี่ สามัคคีรวมกันคิดทำใหม่ หลอมรวมภักดิ์เทิดพ่อหลวงเหนือดวงใจ คือยิ่งใหญ่ที่เกิดมาคุ้มค่าคน หอมเอยหอมดวงดอกหญ้าใต้ฟ้าคราม งดงามในท่ามโลกแล้งทุกแห่งหน สยามนามเมืองยิ้มโลกแย้มยล ขอดอกกุศลเกิดในดวงใจไทยทั้งแผ่นดิน......!
11 ธันวาคม 2551 00:25 น. - comment id 923031
ทุ่งกว้างกลางเดือนแจ่ม.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4590.html (ร้องไห้กับเดือน) ............... คืนนี้... เดือนจ้าฟ้าแจ่ม..ดาวสวย...ลมระรวยระริน พัดหอบกลิ่นดวงดอกไม้ป่า มาหวานหอมรายรอบกระท่อมใบไม้ของสาวนา ฟ้าและดาวดวงโตสุกใสสว่าง ไฟในกองฟืนทอแสงพร่างคุโชน งานเลี้ยงเล็กๆ...กำลังจะเพิ่งเริ่มต้น สาวนาเชิญพี่ทอง คุณทาน และเพื่อนบ้านอีกสองสามคน รวมทั้งน้องที่แสนงามกมล*ชื่อน้องมะกรูด* เพื่อนบ้านของสาวนามาร่วมรับประทานอาหาร พื้นบ้าน ตามมีตามเกิด.. สาวนาจัดโต๊ะกลางลานอย่างหวานสวย ด้วยดวงดอกไม้ป่านานาพรรณ ที่แสนสวยสล้างสลับสีมาพลีใส่ในแจกันกระบอกไม้ไผ่ ดูแสนธรรมชาติ แล้ว... ปูโต๊ะสะอาด ให้ยิ่งสวยไสวด้วยผ้าขาวม้าตาหมากรุกสีแดง ที่สาวนาเก็บไว้ในตู้ ที่ดูหรูที่สุด ตั้งแต่ทอไว้ใช้ในคราวก่อน หัวใจดวงสะออนคิดถึงอ้าย ที่มีเพียงจดหมายแทนใจที่ส่งมาไม่เว้นว่าง แทนความห่างไกลกันและกัน ในยามที่... อ้ายนั้นต้องลาไกลไปทำหน้าที่เพื่อปกบ้านป้องเมือง เพื่อชาติ ... ให้สมกับความเป็นลูกผู้ชายที่เกิดมาในผืนแผ่นดินไท ที่จะให้ใครรานรุกไม่ได้.. ยอมพลีเลือดหยาดสุดท้ายจนสิ้นใจก็จะไม่เสียใจเสียดายเลย ราตรีนี้ สาวนา... เพียงอยากหนีความเหงาเศร้าเสียบ้าง ต้องการเพียงสร้างขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ที่จะ.. มีชีวีบรรเลงบทเพลงแห่งการต่อสู้ ให้ยังคงดำรงอยู่ ที่จะ.. เพียรใช้หยาดเหงื่อ.. หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมิถวิลอายใคร ให้วิถีไทยวิถีทองวิถีทุ่ง ยังรุ่งงาม ในทุกท่ามทั่วไทยทุกแห่งหน พี่ทองมาแล้วส่งเสียงแจ้วๆมาพร้อมน้องมะกรูด ที่จะช่วยสาวนาทำกับข้าว พี่ทองมีขลุ่ยมาด้วย และคุณทานเพื่อนบ้านใหม่บอกจะสีซอให้ทุกคนฟัง คงดีจังที่ได้มาประชันกัน ในยามค่ำที่แสนสุขใจ.. มื้อนี้...สาวนามีไก่อบฟาง ที่หอมเยิ้มน่ากิน ด้วยกลิ่นฟางใหม่ใหม่ที่เรียวรวงเพิ่งพรากไปหลังฤดูเกี่ยวเก็บ สาวนามีกรรมวิธีที่ทำให้อร่อยล้ำกว่าใคร ที่ใจสาวนาคิดได้เอง สาวนาจะใช้ กระบอกไม้ไผ่ ลำใหญ่บ้องโตผ่าออกเป็นสองซีก แล้ว แบ่งฉีกเนื้อไก่ใส่ไว้ตรงกลาง พลางหุ้มด้วยฟางรายรอบ แล้วประกอบปิดมัดให้สนิท ก่อนที่จะใช้ฟืนคุนิดนิดมารมอบ..ให้จนสุกเหลืองได้ที่ ที่จะหอมอวลชวนชิม ได้กลิ่นไปสามบ้านแปดบ้าน..ให้ทุกคนน้ำลายสอ แล้วสาวนา ก็ใช้มันเทศหอมสดสดรสหวานมัน มาเผาในฟืนพร่างณ..ลานกลางบ้าน ใช้เป็นเครื่องแกล้มแนมแบบไม่ต้องเติมหวานใด มีข้าวเหนี่ยวใหม่นุ่มลิ้นนึ่งรองใบตอง แล้ว.. มาวางไว้ในกระติ๊บไว้คอยแจก มี.. ลาบเป็ดเผ็ดมันหอมด้วยใบสะระแหน่ริมนา มีแกงส้มปลาช่อนใส่ผักกระเฉดเปรี้ยวจิ๊ดให้ซิ๊ดซ๊าด แถม..มาทำปลาช่อนลุยสวนให้ชวนกินด้วยข้าวคั่วถั่วลิสงโรย โปรยให้เคี้ยวหนุบหนับๆ แล้วตามมาด้วยผัดผักไร้สารพิษนานาที่สดฉ่ำ ให้เคี้ยวกรอบแกล้มแถมอีกอย่าง แค่นี้.. ก็เต็มโต๊ะปาร์ตี้ที่พาให้แสนหอมกรุ่น ให้ทุกคนวุ่นป้อนปากได้อย่างเอมอิ่มอุ่นท้องแล้ว.. รายการสุดท้าย สาวนากับน้องมะกรูด..จะช่วยกันขูดมะพร้าวทีนทึก แล้วนวดแป้งข้าวเหนียวปนข้าวเจ้านิดนิด เคล้าคลุกให้เข้ากัน.. ก่อนจะมาตัดน้ำตาลปึกหวานหอม มาคลี่หลอมลงให้แป้งห่อหุ้มคลุมให้มิด แล้ว...ปิดท้าย ด้วยการใช้เตาอังโล่ใส่ถ่านมาวางกลางลาน ให้ทุกคนได้ช่วยกันปั้น.. พลันหยอดใส่ลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดพล่าน ให้ขนมต้มได้ลอยฟ่องล่องขั้นมาฟูอยู่ด้านบน แล้วจึง.. มาเทใส่ถาดร่อน..ไปมา ให้มะพร้าว ที่เหยาะเกลือนิดหน่อยให้ยิ่งได้รสเข้มหวานมันส์ มาผสานผสมกันจนรายรอบขนมกลมปั้นจนเข้าที่ ที่จะมี.. รสน้ำตาลหวานปะแล่มละลายลิ้นอุ่นๆยามเคี้ยวกลืน ให้แสนอร่อยล้ำ แบบไทยๆ.. ที่ไม่จำเป็นต้องมีเค๊กเสกมา..ให้อยากพาชีวีต้องลิ้มลองของแพง.. ราตรีเริ่มต้นแล้ว... คุณทาน..หัวเราะเบิกบาน เล่าเรื่องการบ้านการเมือง ให้ทุกคนฟังว่า... ช่างแสนน่าเป็นห่วงด้วยหลายสถานการณ์ ไหนจะภัยจากธรรมชาติ... ไหนจะภัยจากอมนุษย์.. ผู้ไม่รู้คุณแผ่นดินอยากให้ไทยสิ้นชาติ ... ช่างแสนโหดร้ายที่อยากทำลายชาติ ให้.. สิ้นไร้แผ่นดินอันแสนร่มเย็นเป็นสุขสงบมาช้านาน ดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ .. นิยามแดนทองแดนธรรม แดนงามล้ำ*พุทธศิลป์*...ไฉนเลยมนุษย์หนอมนุษย์.. น้องมะกรูด.... นั่งหน้าฉ่ำหวานปานดอกไม้...ใต้แสงดาวพราวด้วยแสงฟืน และ.. หัวเราะระรื่นยามถูกคุณทานหยอดหวานใส่ ทำนัยน์ตาซึ้งซึ้ง หลังจากพึ่งสาโทในไหจนได้ที่ ที่พี่ทองต่างปรนเปรอ..กัมเปยกันและกัน.. ให้ฝันไกล..กล่าวคำสวัสดีประเทศไทย พากันร้องไชโยๆเป็นระยะๆ ท่ามเสียงฟืนปะทุ.. เสียงเพลงพื้นบ้านจากเสียงซอพ้อเสียงขลุ่ย ก็หวานแว่วลอยข้ามลำห้วย และโพ้นฟ้าไกลไปละลิบ ถึงทิวทิพย์เมฆ ที่ต่างพากันเริงร่ายส่ายระบำในเงาจันทร์อันงามกระจ่าง ไผ่กอริมลำประโดงเริงร่าย ซัดส่ายคล้ายปลอบประโลมทุกดวงใจ ให้พบสวยใสงาม ในท่ามเดือนจ้า หากทว่า.... เมื่อเสียงเพลง*ร้องไห้กับเดือน*หวานแว่วมาจาก น้ำเสียงแสนเศร้าซึ้งจากบึ้งใจของคุณทาน และเสียงพลิ้วหวานจากขลุ่ยคลอของพี่ทอง ที่พรายนิ้วพลิ้วไหว.. ให้ทุกดวงใจแสนหวั่นหวามจนน้ำตาซึมอย่างถ้วนหน้า เดือน..ไยดูยังนวลเศร้า แม้นลอยดวงในท่ามฟ้าแจ่ม และ... ในท่ามราวไพร.. ที่...ดาวสุกใสดูราวหยุดพริบพราว ราวพลีร่ำไห้พร้อมกันเพียงชั่วครู่. ราวรับรู้...รับเศร้า กับหนาวเหน็บในใจของผู้คน ที่ยังคงต้องมี.. ทั้งทุกข์สุขผสานผสมปนเปกันไปอย่างยากจะแยกออก...! ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4590.html ร้องไห้กับเดือน ....คัมภีร์ แสงทอง มองดูเดือน เหมือนเตือน ให้ใจคิดถึง ที่รักรักจ๋า หนุ่มนารำพึง คิดถึง นงคราญบ้านนา พอไกลลืมกัน สาบาน ก็ลืมสัญญา ปล่อยให้หลง คอยท่า ลับลาไม่กลับแม้เงา เคยเคลียคลอ พนอ เดินเล่นกับน้อง ครั้งเมื่องาน เดือนเพ็ญสิบสอง เมื่อตอนลมล่องข้าวเบา เพื่อนฮาเราเฮ สรวลเสรักกันหนุ่มสาว อุ่นไอรัก รวงข้าว โถเจ้า ไม่น่าหน่ายหนี พอเดือนแรม รักก็แรมร้างเลื่อน โถดาวขาดเดือน ฉันก็เพื่อนไม่มี แต่เดือนยังมา ให้ดาวเห็นหน้าทุกที แต่คนรักข้าซิ เป็นปี มิเคยเห็นหน้า คงมีใคร เขาคอยเอาใจเก่งนัก เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา ยิ่งมองดูเดือน เหมือนเตือนให้ใจผวา ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า ฉันมาร้องไห้กับเดือน พอเดือนแรม รักก็แรมร้างเลื่อน โถดาวขาดเดือน ฉันก็เพื่อนไม่มี แต่เดือนยังมา ให้ดาวเห็นหน้าทุกที แต่คนรักข้าซิ เป็นปี มิเคยเห็นหน้า คงมีใคร เขาคอยเอาใจเก่งนัก เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา ยิ่งมองดูเดือน เหมือนเตือนให้ใจผวา ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า ฉันมาร้องไห้กับเดือน...
11 ธันวาคม 2551 00:44 น. - comment id 923032
ดอกปัญญา..ผลิช่อ..จากกอบุญ..... ในยามเย็นตะวันลาฟ้าโพล้เพล้ บทเพลงเห่ลาล้อมหลอมใจขวัญ นวลดอกแก้วยังผลิงามท่ามคืนวัน สร้อยอักษราฝันยังผลิช่อละออใจ ร่ายรจนาภาษาดวงดอกไม้ หวังเพียงให้โลกงดงามพิสุทธิ์ใส เป็นมิ่งขวัญหยาดน้ำค้างพร่างดวงใจ ให้คนไทยซึ้งค่าธรรมนำชีพชนม์ ร้อยบุปผาทั้งหล้าโลกมาวางพลี แทนมณีในดวงจิตพร่างกุศล ดอกบัวบุญบานเหนือโลกลบโศกคน ฟ้าดินดลหยาดน้ำค้างใจไม่แล้งราน มองโลกนี้ธรรมดาใจในแตกต่าง ให้กระจ่างวิญญาญ์คอยสร้างสาน รู้รักษ์สามัคคีมีปัญญาดั่งบัวบาน ใช้น้ำใจสมานก่อนแผ่นดินเดือดด้วยเลือดนอง... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html สี่แผ่นดิน คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
11 ธันวาคม 2551 07:05 น. - comment id 923043
งามทั้งภาพและอักษร เกินบรรยายเสมอครับพี่พุดไพร
11 ธันวาคม 2551 09:07 น. - comment id 923052
งามทั้งกลอน ทั้งภาพ ดังคุณข้างบน ว่า เลยค่ะ
11 ธันวาคม 2551 20:03 น. - comment id 923224
แวะมาชมภาพสวยๆ บทกลอนหวาน ๆ ค่ะ ความหมายดีๆ ค่ะ คุณพุด ทานข้าวหรือยังค่ะ
11 ธันวาคม 2551 20:29 น. - comment id 923237
งามแต่งามว่าเจ้า.....
12 ธันวาคม 2551 07:39 น. - comment id 923322
ภาพก็สวย ถ้อยคำก็งาม ค่ะ