ลมฝนพัดสะบัดไม้ปลิวไหวว่อน ฟ้าครึ้มค่อยอ่อนแสงสีที่ผันส่อง เสียงคละโครมโถมสนั่นพลันฟ้าร้อง แผดเสียงก้องพ้องสายแสงสำแดงตน หยดน้ำใสในอากาศค่อยวาดสาย จากประปรายกลายมืดหมอกระลอกฝน สาดตามลมโชยชมชื่นพื้นบัดดล ทั่งแห่งหนจนฉ่ำน้ำนองนา จนค่อยค่อยกระปอยปิดหยดนิดน้อย ค่อยเป็นฝอยอ่อยอ่อยย้อยไหลบ่า ฟ้าเริ่มจางลางลางแสงแฝงเมฆา ค่อยเปิดฟ้าพาสีครามยามฝนไกล รุ้งเจ็ดสีมีให้เห็นเด่นเวหา เมื่อฝนซาฟ้าสิ้นฝนคนเห็นได้ เป็นโค้งครึ่งตรึงจับประทับใจ ขอบฟ้าใสให้สะท้อนก่อนฝนลา นามีน้ำปลาดำว่านสายฝนหลั่ง กบเขียดคลั่งสั่งเป็นเสียงสำเนียงหา เข้าจับคู่กู่ก้องร้องตามท้องนา ใกล้ต้นกล้านาปีที่หว่านดำ จากเคยแล้งแห้งเหือดเลือดท้องทุ่ง ฝุ่นคละคลุ้งทุ่งระแหงแล้งน่ำฉ่ำ มาบัดนี้มีฝนหล่นลงพร่ำ ชาวนาร่ำย่ำเท้าเข้าลงแรง หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินสิ้นฝนผ่าน คืนสู่บ้านอีสานแคว้านแดนหนแห่ง กลับสู่นาหาแม่พ่อต่อเติมแต่ง มาเบาแบ่งแรงงานสืบสานตน ถึงกายเหนื่อยเมื่อยล้าพาเปื้อนเหงื่อ ใจยังเอื้อเมื่อสู่ถิ่นดินขัดสน ถึงยากไร้ใจก็สุขทุกทุกคน ดีกว่าทนจนท้อในต่างแดน ฟ้าหลังฝนให้คนสู้ไม้รู้ถอย เพราะมีรอยฝอยอดีตขีดเป็นแผ่น จากปู่ย่าตายายสร้างร่างวางแก่น มรดกแดนแผ่นพื้นยืนภาคภูมิ
26 กันยายน 2551 10:31 น. - comment id 899485
คืนถิ่น... ..เมื่อฝนมา..
26 กันยายน 2551 11:29 น. - comment id 899507
คนคืนถิ่นยินเสียงฝน ผลคือสุข ประมาณนั้นนะคะ
26 กันยายน 2551 13:49 น. - comment id 899551
เยี่ยมมากค่ะเข้าถึงสภาพที่แท้จริงได้ดีจริงๆ
26 กันยายน 2551 18:00 น. - comment id 899658
ดีใจ..ที่ได้อ่านบทกลอนของคุณค่ะ...หายไปนานนะคะ..