ใจเอ๋ยใจของข้านี้มีขวากหนาม ทิ่มแทงอยู่ทุกยามทำให้หวั่น เรื่องห่าเหวเลวร้ายรายรอบพลัน จนใจนั้นสั่นรัวทั่วทั้งใจ โอ..เส้นทางสายนี้มีขวากหนาม ข้าจักข้ามทุกก้าวย่างอย่างไรไหว บาดแผลลึกจารึกนามหนามฝังใน เจ็บเจียนตายจะไปต่อหรือขอลา เท้าทั้งสองของข้าเหยียบหนามแหลม รอยเลือดแต้มแต่งเติมทางอย่างหาญกล้า ฝากไว้แด่นักเดินทางคนต่อมา เป็นปุจฉาเป็นข้อคิดเป็นตัวตน รอยเท้าเก่าเล่าเรื่องราวในคราวก่อน ข้าใจร้อนเพราะผยองจึ่งพองขน ข้าไม่ยอมถอยหลังชั่งใจตน ข้าอับจนหนทาง..ช่างเขลานัก เท้าทั้งสองของเจ้าจักเดินต่อ หรือจะรอเพราะข้าทำเจ้าตระหนัก ตรองดูเถิด ใจเอ๋ยใจ อย่าไวนัก จงถอยหลังเพื่อตั้งหลักพักใจตน
14 สิงหาคม 2551 23:06 น. - comment id 885797
ถอนวิชาคณะ .. ยังไงกันคะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ
14 สิงหาคม 2551 23:46 น. - comment id 885803
ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่อัลมิตรา การถอนวิชาที่เราพลาดไป ก็เหมือนกับการถอยกลับมาหนึ่งก้าวบนเส้นทางที่เราผ่านมันไปได้ยาก และเมื่อเราตั้งหลักได้แล้ว เราก็จะสามารถหาวิวิธีที่จะผ่านมันไปได้โดยที่เราเจ็บตัวน้อยที่สุด นั่นก็คือ ไม่เสี่ยงต่อ F นั่นเอง
15 สิงหาคม 2551 06:57 น. - comment id 885827
อืมม คุณมัทนา .. อัลมิตราพอจะเข้าใจลาง ๆ แล้วค่ะ ระบบการศึกษาในสมัยที่อัลมิตราเรียนกับสมัยนี้ มีข้อแตกต่างกันบ้างจนทำให้ตามไม่ทันค่ะ เมื่อวาน มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เป็นครูอยู่โรงเรียนดัง ท่านพูดถึงธุรกิจบนการศึกษา ท่านรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย อัลมิตราเองก็ได้แต่รับฟังคำระบาย ท่านบอกประโยคหนึ่งว่า .. ถึงท่านได้ถูกนำเสนอให้อยู่ในตำแหน่งภาควิชาชั้นสูง ท่านก็ไม่สบายใจ เพราะวิญญาณของท่านไม่ได้คิดถึงเรื่องธุรกิจบนการศึกษาเลย
15 สิงหาคม 2551 08:48 น. - comment id 885844
... เมื่อมั่นใจในตนจนล้นถัง ย่อมลืมยั้งชั่งใจไม่หวาดหวั่น ทุกพงหนามข้ามเหยียบไปเฉียบพลัน จนมิทันหันดูเลือดพรูทาง อิอิ..แต่ได้ดีนะครับ..อารมณ์กลอนดีมากเชียว