นาฏกรรมชีวิต บทที่3 ฉากที่5
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่ 5 ไฟฝันข้างกองขยะ
แดดร้อนอบอ้าวราวทะเลทราย
สองตายายสาธยายความสดศรี
แดนสวรรค์น้ำมิตรจิตไมตรี
ทิพย์สุขาวดีอันพริ้งพราย
เป็นทำนองร้องรำสำเนียงกลอน
เชิงเว้าวอนอ้อนฟ้าชนทั้งหลาย
เซิ้งลีลาจังหวะมือประกอบกาย
เถิดหญิงชายเพียรสร้างทางความดี
ตาคำสอนเป่าแคนเล่าทำนอง
ประกอบคำเนื้อร้องยายคำสี
ปากแห้งผ่าวราวแล้งฝุ่นธุลี
เศษสตางค์ใครมีขอน้ำทาน
ยายคำสี (ร้องหมอรำ จังหวะมือ แคนประกอบ)
จะเอ๋ยอ้างสวรรค์ชั้นบนพู้น
เรืองจำรูญวิมารกว้างไพศาล
เสพทิพย์อิ่มบุญมาช้านาน
เด่นตระการม่านฟ้าเรืองอำไพ
ทรงห่างหายกายกิเกสอาเพศห่วง
รูปดั่งดวงแก้วแสงแรงไสว
ผ่องพักตร์นวลละมุ่นกรุ่นละไม
หมายเวไนยสัตว์ตรัสรู้จริง
อันความดีมากมีจงเพียรสร้าง
อย่ารู้ร้างปางมารมาสู่สิ่ง
มวลมิตรเกื้อกูลอย่าประวิง
เพื่อพึ่งพิงพึ่งพาพร้องพบพาน
หมายมวลมิตรมากมายมาเมียงมอง
เป็นครรลองทำนองเพลงกล่าวขาน
เถิดเพื่อนพร้องทำดีเช่นให้ทาน
เพื่อดวงมานสูงส่งอย่างไกวัล
ภาพชินตาปรากฏเมื่อคนผ่าน
ท่องถ้วนย่านการค้าด้วยความฝัน
เพียงเศษเงินประทังดวงชีวัน
จะด้นดั้นสืบสานเจตนารมณ์
เสียงเจือแจ้วขานขับรับสายฝน
สายตาคนปนหมิ่นแสนขื่นขม
ยิ่งขยะเน่าเหม็นแหล่งอาจม
คลื่นทับถมขื่นคาวชาวประชา
ขอทานคือขอทานวันยังค่ำ
เจตน้ำคำลิ้นไก่มันแผ่หลา
ขอทานกินควรฤาอ้างดินฟ้า
กิริยาวาจาจึงทิ่มแทง
ไฟฝันลุกโชนโดนพายุ
ไม้กร่อนผุลิงไวไม่แสลง
น้ำใจคนปนเล่ห์ราคาแพง
เริ่มสำแดงตายายในเมืองกรุง ๚ะ๛