๏ กลางเดือนดาวสกาวเกินยังเพลินเพรียก ข้าฯ ร้องเรียกทักทายหมายพร่ำว่า โปรดส่องแสงแสดงพรรณอันงามตา แต่งแต้มฟ้างดงามยามราตรี เพื่อหัวใจใครหนึ่งซึ่งเหงานัก ยังทึกทักมุ่งหมายใฝ่จันทร์ศรี คราเมียงมองผองนภาดารามี พลอยเปรมปรีดิ์รื่นรมย์คลายตรมใจ ดารดาษดาวสกาวสรวง ณ ห้วงมหรรณพ์ งามผ่องพรรณเหลือคณาเกินหาไหน โอ้อวดแสงแปลงสีที่ฟ้าไกล ฤๅ หมายให้หวังปองครอบครองพลัน ระยิบระยับ ประดับประดา นภาประภาส พิไลพิลาส ประพัทธ์ประภา มหามหรรณพ์ สว่างไสว พิสิฐพิเศก อเนกอนันต์ ไฉนฉะนั้น สวรรค์สว่าง กระจ่างอุรา บรรยายกานท์หวานซึ้งตราตรึงจิต แต่ห้วงคิดบังอาจเผลอปรารถนา ยามค่ำคืนดื่นดาวพราวจันทรา หัวใจข้าฯ หมายครองแอบมองเมียง เม็ดฝนปรายดุจประสมสายลมเฉื่อย ระรินเรื่อย ข้าฯ สดับในสรรพเสียง ทิพย์ดุริยางค์มธุรสบทจำเรียง เคลิบเคลิ้มเพียงแว่วได้ในภวังค์ ๚ะ๛
22 กรกฎาคม 2551 22:33 น. - comment id 877184
แวะมาชื่นชมผลงานครับ ยังคงงดงามอยู่เสมอนะครับ
22 กรกฎาคม 2551 23:00 น. - comment id 877218
ขออนุญาตอัลมิตรานางฟ้าngvนิดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่ากลอนเรื่องนี้ แต่งรวดเดียวจบเลย หรือว่าแต่งสองบทแรก แล้วมาแต่งต่อภายหลัง ---- เอ่อสำหรับผมแล้วเหมือนจะลงตัว แต่รู้สึกมันขัดกันอ่ะคับ ปอลอ.อย่าตีผมน่ะ
23 กรกฎาคม 2551 04:45 น. - comment id 877260
ห้วงความหวังส่องให้......นำไป แห่งหับห้วงดวงใจ.........ที่ล้า รัตติขีดวาดใด...............นำบอก กาลจึ่งพร่างพรายฟ้า......เสกให้ลองใจ _________ http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000086416
23 กรกฎาคม 2551 06:52 น. - comment id 877274
ชักจะเคลิ้มตามแล้วค่ะแวะมาทักทาย ไพเราะมากค่ะ
23 กรกฎาคม 2551 08:08 น. - comment id 877293
คุณยิปซี .. เช้านี้ คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่สดใส เปี่ยมไปด้วยความรักไหมคะ คุณโจ้ .. กลอนชุดนี้ เอาแบบแรกเริ่มเลยนะ เขียนเมื่อคืนวันจันทร์ ประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ เป็นชุด original .. ที่ยังไม่ได้ตรวจคำผิดใด ๆ ในตอนที่เขียน สมมุติตัวตนว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏภาพในมโนถึงชายผู้ซึ่งหงอยเหงา แหงนมองฟ้ายามราตรี กล่าวกับดวงดาวและดวงจันทร์ ลองอ่านและเปรียบเทียบดูนะ .. กลางเดือนดาวสกาวเกินยังเพลินเพรียก ทั้งร้องเรียกทักทายหมายพร่ำว่า โปรดส่องแสงแสดงพรรณอันงามตา แต่งแต้มฟ้าให้งามยามราตรี เพื่อผู้ใดใครหนึ่งซึ่งเหงานัก ยังทึกทักเฝ้าหมายในจันทร์ศรี มุ่ง เมียงมองผองนภาดารามี อย่างเปรมปรีดิ์รื่นรมย์สมสุขใจ ช่างพร่างพราวสกาวสรวงในห้วงมหรรณพ์ ยิ่งผ่องพรรณเหลือคณาเกินหาไหน โอ้อวดแสงแปลงสีที่ฟ้าไกล เพริสพิไลชวนปองครอบครองพลัน ระยิบระยับ ประดับประดา ประภาประภาส พิไลพิลาส ประพัทธ์ประพา มหามหรรณพ์ สว่างไสว พิสัยพิเษก อเนกอนันต์ ไฉนฉะนั้น สวรรค์สว่าง กระจ่างกะ ใจ จากนั้น อัลมิตราก็จ้องแล้วจ้องอีก แล้วก็ลองรื้อคำมาเขียนใหม่ ทีนี้ลองสมมุติว่าเป็นตัวเองที่จะต้องตอบถ้อยที่เขียนในชุดตอนต้น เป็นช่วงเวลาตอนเที่ยงครึ่ง หลังจากทานอาหารเที่ยงมาแล้ว ตอนนั้นฟังเพลงด้วยนะ Gun N'Roses ..Don't cry (Classical Gutar) Everything i do i do it for you (piano) What a Wonderful World (Classical Gutar) และท้ายสุดคือ Starry night (Classical Gutar) คุณอ่านดิ ในบทสุดท้ายที่เขียนในขณะนั้น จู่ ๆ ก็เอาบรรยากาศของเพลงมาใส่ ท่ามกลางเมืองเรืองรองไฟส่องสี หว่างคืนที่ดาษดาวพราวเวหน เพ่งนวลจันทร์แจ่มจ้าพาจิตดล คิดถึงคนของสำนึกลึกภวังค์ เก็จฝนปรายสายลมพลิ้วพรมเฉื่อย รินไหลเรื่อยงดงามหนอความหลัง แว่วดนตรีแต่ไกลชวนให้ฟัง ดุจเรานั่งเคียงกันชมจันทร์เพ็ญ ทุกปรารถนานำมอบพินอบเธอ หากเสนอจักสนองทำนองเช่น โลกแห่งฝันพลันงามนิยามเป็น อย่าลอบเร้นร้องไห้โดยดายเดียว ..ทีนี้ ก็ถึงคราวที่จะต้องจับอารมณ์ของทั้งสองช่วงเวลามามิกช์กันล่ะ โดยที่อัลมิตรายังอยากให้อยู่ในภาพของบุรุษผู้เดียวดายกับอารมณ์เหงา ยึดสี่บทแรกที่เขียนไว้ตั้งแต่คืนก่อนเป็นหลัก แล้วแทรกในส่วนเพิ่ม ทั้งหมด ก็เป็นฉะนี้แล .. หายสงสัยหรือยัง ถ้ายัง ก็ถามได้อีกนะ ไม่ตีหรอก อันที่จริงน่ะ เสวนาภาษาเชิงกวี เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ มันเป็นสาระที่ให้แนวคิด เพราะบางที สิ่งที่คนเขียนคิด คนอ่านไม่ได้คิดอย่างนั้น หรือ คิดแแปลกแยกไป ทีนี้ ก็จะได้รู้ว่า เหตุใดคนเขียนถึงได้เขียนแบบที่คนอ่านเห็น มันชัดเจนดีนะ อัลมิตราน่ะ ไม่น่ากลัวหรอก.. ฮา ใครถามดี ๆ มา อัลมิตราก็จะตอบไป ใครถามกวนมา อัลมิตราก็จะกวนไป แต่ถ้าใครถามไม่ดี อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความถนัดของการใช้ปากใช้ภาษานะ ประเภทมีเจตนาแอบแฝง หรือประเภทปลอมตัวแปลงตน แบบนั้นน่ารำคาญตายชัก อัลมิตราก็จะไม่เลือกที่จะตอบ .. เห็นป่ะ แฟร์ แฟร์ .. มาหลอกให้คุยกันยาว ๆ แบบนี้ ติดใจแล้วถอยไม่ทันน๊า .. คุณลักษมณ์ .. ติดโคลงไว้ก่อนล่ะ ได้เวลาทำงานแล้วค่ะ คุณแจ้น .. :) เคลิ้มตอนนี้ ตกงานแน่ ๆ เลย
23 กรกฎาคม 2551 09:47 น. - comment id 877323
นั่งจิบกาแฟชมจันทร์อวลกลิ่นกรุ่น หอมละมุนดื่มกลิ่นเหมือนกินแสง รสชาดข่มฝาดเฝื่อนเดือนจำแลง เข้าซ่อนแสงใต้เมฆที่มืดมัว แม้จะเพรียกเรียกกลิ่นดื่มกินแสง แม้รสชาดปร่าแปร่งในมืดสลัว ท่ามเว้าแหว่งเหว่ว้าและหวาดกลัว แต่ใจยังเต้นรัวและสีแดง... มาเยือนครับ
23 กรกฎาคม 2551 12:50 น. - comment id 877357
งดงามทั้งถ้อยคำ สำนวน และลีลาค่ะไพเราะจับใจจริงๆนะคะเยี่ยมมากค่ะ
23 กรกฎาคม 2551 13:27 น. - comment id 877398
มาอ่าน ณ ห้วงแห่งตะวันก็ยังซึมซับสิ่งที่สื่อออกมาได้
30 กรกฎาคม 2551 17:05 น. - comment id 877411
แวะเข้ามาดูครับ
23 กรกฎาคม 2551 14:02 น. - comment id 877416
ท่ามเดือนดาวเจ้าไม่เห็นหรือไรว่า ข้าฯขยิบกระพริบตาอยู่ที่นั่น ระหว่างดาวตระการนับล้านพัน ที่เฉิดฉันประดับฟ้าแต่งราตรี เพื่อปลอบใจเคียงฝันกลัวจันทร์เหงา แสงของเราหรุบหรู่ดูริบหรี่ ดาวมีจันทร์ในฝันอันแสนดี ใช่อวดแสงแต่งสีว่ามีใจ หลงแสงจันทร์หรือไรตอบไม่รู้ ใจสุดกู่กลัวเก้อแอบเผลอไผล ใครไม่รู้ไม่เห็นไม่เป็นไร เชื่อว่าใช่ว่าชอบใจมอบพลัน ยามเธอยิ้มผูกใจเหมือนใกล้ชิด ตรงจริตตรงใจนางในฝัน คอยทุกค่ำราตรีมีแสงจันทร์ แค่สว่างในใจฉันก็เพียงพอ มโหรีกล่อมบรรเลงสายลมรื่น ยิ่งดึกดื่นด่ำฤดีเช่นนี้ต่อ ดาวชะเง้อชะแง้ได้แค่รอ ดาวนี้ขอหลงใหลแม้ในภวังค์๚ะ๛ ช่วยปลุกดาวตื่นด้วยเน้อ สงสัยยังฝันค้างอยู่อะ หุหุ..
23 กรกฎาคม 2551 14:12 น. - comment id 877422
ในห้วงแห่งรัตติกาล ความคิดของคนเราแตกต่างกันเสมอค่ะ....
23 กรกฎาคม 2551 16:41 น. - comment id 877505
โห โอ้แม่เจ้า อลังการจินตนาการ.. แจ่มๆๆ
23 กรกฎาคม 2551 19:49 น. - comment id 877562
มืดค่ำ...พำนัก.....พักนอน
23 กรกฎาคม 2551 20:35 น. - comment id 877580
มาส่งยิ้มให้ค่ะ
23 กรกฎาคม 2551 23:36 น. - comment id 877635
ไพเราะมากๆค่ะ
24 กรกฎาคม 2551 02:50 น. - comment id 877723
หวัดดีครับ.... แอบมาอ่านตอนตีสามครับ เผื่อจะหลับฝันดีกะเขาบ้าง....
24 กรกฎาคม 2551 03:00 น. - comment id 877728
รัตติกาลที่แสนลวงหลอก หลอกจิตหลอกใจ ให้เคลิ้มไปกับสิ่งลวงตา หากแต่ลืมตาขึ้นสู่แสงสว่าง กลับพบเห็นแค่คนโง่เง่า ที่หลงอยู่แต่ในความมืดมิด ที่ไม่มีแม้ความจริงแม้เพียงเสี้ยว โถ .. เจ็บใจนัก
24 กรกฎาคม 2551 17:23 น. - comment id 878101
คุณส่องหล้า .. จิบกาแฟชมจันทร์คืนวันเพ็ญ แล้วแปลงเป็นกระต่ายเต้นเริงร่า เลียบลอบเร้นแฝงกายใต้เมฆา ชวนส่องหล้าเล่นไหมตามใจกัน จิบกาแฟแล้วตรมจมความทุกข์ เหมือนเจ็บจุกอุราล้ามหันต์ เปลืองกาแฟเสียจริงรีบทิ้งพลัน เชิญชมจันทร์อย่างเดียวอย่างเปลี่ยวใจ คุณนรศิริ .. สองช่วงอารมณ์ค่ะ เลยไม่ค่อยต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่ คุณโคลอน .. สำหรับอัลมิตรา กลางวันก็ฝันได้ค่ะ ๕๕๕ คุณร้อยแปดพันเก้า .. คนมักคุ้นกระตุ้นต่อมดุจตามเตือน คงกลบเกลื่อนกระแสกาแฟฉาว หว่างราตรีชี้ชมชื่นเดือนดาว หลบเรื่องราวใช่ไหมหรือไม่จริง .. ฮา ท่ามเดือนดาวเราเห็นยิ่งกว่าเห็น หนึ่งลอบเร้นหลงใหลในตัวหญิง อีกหนึ่งเพ้อละเมอใฝ่ใคร่แอบอิง ความผูกพันเทียบยิ่งกว่าสิ่งใด ยามราตรีปวดใจนอนไม่หลับ มายืนนับเดือนดาวร้าวหวั่นไหว คนเปล่าเปลี่ยวปราศคู่รับรู้ใจ หวังคู่ข้างบางใครแม้นในฝัน หลงดาวเดือนหรือไรเราไม่รู้ แค่ชั่วครู่ปรารถนาพาสุขสันต์ ฝากจุมพิตบางใครใต้แสงจันทร์ ก่อนคนนั้นหลับใหลไม่รู้ตัว โหย .. เขียนในเวลางานเนี่ย อารมณ์ไม่บรรเจิดเลยนะเนี่ย อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังล่ะ (แม้ว่าบางคำเป็นจริง .. แต่คนไหนล่ะจริง .. ฮา..) เออ นี่ ฝันค้าง .. เป็นคำแสลงหรือเปล่า คุณลิลลี่ขาว .. ในฝัน ก็อยากจูนติด นี่นา คุณยาแก้ปวด .. โห ... อลังการ จริง ๆ เหรอ เดี๋ยวคุณโจ้ ยกมือค้านน๊า คุณครูใหญ่ .. ไปดูรูปหรือยังจ๊ะ เอารูปมาฝากตั้งแยะเลย คุณโฮย่า .. โธ่ น้ำปลาหวานของฉัน ยังไม่เห็นเล้ยยยยย ใครเอากระปุกไปซ่อนเนี่ย คุณการัณยภาส .. ขอบคุณค่ะ ไว้จะเขียนให้ดีกว่านี้นะคะ อันนี้ แหะ แหะ สองผสม ค่ะ คุณแจ็คกี้ .. ตีสาม ผีหลอก นะ คุณเมลโล่ .. อ้าว แล้วกัน มีใครมาหลอกเหรอ ต้องงี้นะ ห้อยพระไว้ รับรองไม่มีใครมาหลอก มาอำ ถ้ายังมีอีก ก็จุดสามแปด เลย