ฉากที่2 : ท้องวิหารเลี่ยมพรายระยับ พระอินทร์ประทับนั่งอย่างสง่าบนบัลลังก์ พระอินทร์องค์ทรงยศกำหนดหมาย จำแลงกายเป็นยาจกรูปน่าขำ ฉลององค์เก่าหมองเปื้อนด่างดำ กายาคล้ำจำแลงแสลงใจ เพ่งพิศพินิจร่างเคยบันเจิด ประกายเพริศวาวแววระยับไหว บัดนี้กายทมิฬดั่งตั้งใจ แต่หทัยขุ่นหมองฟ้องรูปตัว พระอินทร์ "อันตัวข้าก็แปลกแรกตั้งจิต ไม่ยึดติดรูปกายอยู่ในหัว เอาเข้าจริงใยแสนจะหวาดกลัว เหมือนเกลือกกลั้วมัวเมากับมายา ทั้งปราสาทวิจิตรใช้ประทับ เสียงสดับบรรเลงเพลงหรรษา อีกอัปสรอรชรกิริยา สิเน่หาเหมือนหนึ่งว่าข้าวปลากิน" อัปสร "โอ้องค์ท่านรำพันประการนี้ ประชาชีชาวสวรรค์จะติฉิน ว่าเอกองค์อมรฟ้าอมรินทร์ จิตราคินปานว่าจุติกาล" พระอินทร์ "ตัวข้าคงพะวงทางข้างหน้า ที่รอท่าจากชนผู้สงสาร มากมีคนอดกั้นทรมาน แลมากพาลปลูกข้าวบนหลังคน เราตั้งมั่นพันธกิจช่วยปลดแอก ชาวนาแบกแอกไถกรำแดดฝน คุณสถานเทียบชั้นวีระชน แต่ยากจนในสังคมความปัจจุบัน บัดนี้เวลาโอกาสเอื้อ มัวยืดเยื้อก็คงจะน่าขัน ตั้งมั่นแล้วมีฤาจะจาบัลย์ บนสวรรค์เสพสุขบนทุกข์ใคร" ว่าแล้วองค์อินทร์ย่างก้าว จากแดนดาวดึงส์อันผ่องใส มิอาวรณ์แดนทิพย์เรื่ออำไพ เหลือทิ้งไว้เพียงพจน์รจนา แดนมนุษย์วันนี้ช่างสับสน เรามิทนดูดายได้หรอกหนา แสงแห่งเราจะส่องกระจ่างตา เพื่อนำพาความผาสุกยุคนิรันดร์
12 กรกฎาคม 2551 01:01 น. - comment id 872192
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านงานดีๆมีคุณค่าอีกตามเคยค่ะ
12 กรกฎาคม 2551 21:19 น. - comment id 872447
แวะมาชื่นชมในผลงาน แถมขออนุญาตถามสักนิดนะค่ะ แบบว่าสงสัย คำว่า จุติกาล แบบว่าอะไรค่ะ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าค่ะ
13 กรกฎาคม 2551 10:39 น. - comment id 872647
แวะมาเยี่ยมชมครับ พระอินทร์ท่านคงไม่ติดในทิพยสมบัติ แต่ยินดีในธรรมรส และเมตตากรุณา แก่มวลมนุษย์สัตว์โลก เฉกเช่นพระอริยเจ้าทั้งหลาย
13 กรกฎาคม 2551 11:00 น. - comment id 872668
จุติกาล ก็คือเวลาที่พระอินทร์สิ้นบุญในสวรรค์สมบัติ ก็จะต้องตายจากสวรรค์เพื่อไปเกิดตามเวรกรรมที่มีซึ่งตามไตรภูมิแล้วชั้นตำสุดที่จะไปเกิดนั้นก็คือมนุษถูมินั่นเอง คำว่าจุติ เปลว่า ตาย ในบริบทจึงแปลว่า ตายจากสวรรค์ เพื่อมาเกิดเป้นมนุษย์ครับ