แรกเกิดเราตะเบ็งเปล่งเสียงร้อง ขณะคนทั้งผองยิ้มผ่องใส ทุกแววตาตื่นเต้นเป็นแรงใจ ยินดีให้เสน่หาเอื้ออาทร แล้วไยจึงทดท้อต่อชีวิต ปล่อยดวงจิตสับสนทุรนร้อน เราเกิดมาครั้งหนึ่งพึงสังวร อย่าให้ทุกข์กัดกร่อนจนอ่อนแอ ความผิดหวังพลั้งพลาดอาจมีมาก ล้วนคือขวากขวางกั้นในวันแพ้ อุปสรรคคือห่วงหลอนดวงแด จงแน่วแน่แก้ไขหมั่นใคร่ครวญ ทุกปัญหาหาใช่ไร้ทางออก แม้นย้อนยอกขมขื่นยากคืนหวน เพียงเปิดใจยอมพบและทบทวน ทุกสิ่งล้วนมีมาเพื่อฝ่าฟัน หากก้าวล่วงเส้นทางอย่างแกร่งกล้า ด้วยดวงตาเห็นธรรมนำสุขสันต์ สรรพสิ่งผ่านมาล้วนสามัญ ขวากหนามกั้นวันหน้าพร้อมท้าทาย เถิดจงมีชีวิตลิขิตฝัน คิดถึงวันเกิดมาหาความหมาย แล้วจะมีรอยยิ้มอันพริ้มพราย ในวันตายที่ใครใครร้องให้เรา ..................................... ในวันที่เราเกิดเราร้องไห้ขณะใครใครยิ้มแย้มด้วยความยินดี ในวันที่เราตายให้เรามีรอยยิ้มแห่งความสุข และมีคนร้องไห้ให้เราด้วยห่วงหาอาลัย อย่าตายไปอย่างไร้ความหมาย
6 กรกฎาคม 2551 17:33 น. - comment id 870018
น่าคิดค่ะ น่าคิด
6 กรกฎาคม 2551 19:39 น. - comment id 870055
พี่คิดได้ลึกซึ้งมากเลยครับ ความคิดดีครับ ชอบๆๆ
6 กรกฎาคม 2551 21:07 น. - comment id 870090
ในวันที่เราเกิดเราร้องไห้ขณะใครใครยิ้มแย้มด้วยความยินดี ในวันที่เราตายให้เรามีรอยยิ้มแห่งความสุข และมีคนร้องไห้ให้เราด้วยห่วงหาอาลัย อย่าตายไปอย่างไร้ความหมาย แล้ววันที่เราอยู่ แบบไม่มีความหมายล่ะ ใครจะยิ้มหรือร้องไห้กับเรา
6 กรกฎาคม 2551 22:09 น. - comment id 870111
นั่งเงียบๆ ทำหน้าเฉยๆ อ่ะค่า
6 กรกฎาคม 2551 22:39 น. - comment id 870120
อ่านคำกลอนได้ข้อคิดดีจริงๆ ครับพี่กุ้ง แต่ว่าคงไม่ทุกคนที่ได้ยิ้มตอนตาย จะได้ยิ้มเมื่อ ความดีที่ทำ มาเป็นกรรมนิมิตฝ่ายกุศล จึงยิ้มออก ถ้าปาบอกุศล ปิดบังใจ ตอนนั้นก็ยิ้มไม่ได้ ตอนมีชีวิตอยู่คงจะต้องหัดยิ้มไว้ครับ ตอนตายเจ็บปวดยังไงก็ยิ้มจนชิน จะได้ยิ้มได้เต็มที่ แต่ช่วงที่มีชีวิต หากจะมีคนที่ยิ้ม หรือเศร้าไปกับเรา ก็คงจะมีแต่คนที่รักเรา (มีพ่อแม่เป็นต้น) แต่ถึงเกิดไม่มีใครรักจริง ๆ ก็มีตัวเรานี่เอง ที่เป็นที่รักยิ่ง
6 กรกฎาคม 2551 23:24 น. - comment id 870127
นั่นสิ เกิดปุ๊บหมอก็ตีก้น ป๊าบ ป๊าบ จนร้องแง ก้นเขียวมาจนบัดนี้ แต่วันตายนี่สิ ไม่ต้องตีป๊าบ ป๊าบ สักพัก ก็เขียว ๆ ม่วง ๆ แล้ว
7 กรกฎาคม 2551 08:54 น. - comment id 870193
แวะมาอ่านสาระดีดี ค่ะ วันตายไม่รู้จะยิ้มไหวรึเปล่า เหอๆๆ
7 กรกฎาคม 2551 13:00 น. - comment id 870260
ถ้าตายไม่กะทันหันไปคงได้ยิ้มค่ะ คุณกุ้งกลัวตายไหมคะ กานต์กลัวบางคืน กลัวตายก่อนพ่อแม่ กลัวพ่อแม่เสียใจค่ะ
7 กรกฎาคม 2551 14:01 น. - comment id 870280
7 กรกฎาคม 2551 14:33 น. - comment id 870294
ชอบครับกลอนบทนี้ วันตายอย่าเป็นวันที่โดนสาปส่งที่สุดละกันเน๊าะ
7 กรกฎาคม 2551 15:21 น. - comment id 870314
ร้องในวันเกิด ยิ้มเถิดในวันตาย ^ ^ คม ชัด ลึก
7 กรกฎาคม 2551 15:53 น. - comment id 870344
:) อยู่ให้เขาไว้ใจ ไปให้เขาคิดถึง...เขาว่างั้นน่ะ คติของการทำงาน..
7 กรกฎาคม 2551 16:07 น. - comment id 870354
สังสัยตอนผมเกิดมีแต่คนร้องไห้ ตอนผมตายมีแต่คนหัวเราะซะมากกว่า ที่ร้องไห้เพระตอนผมเกิดที่บ้านจนมากน่ะ จับฉ่ายหม้อหนึ่งกินไป 7 วัน ตอนนี้ ดีขึ้น 7 วัน มีกิน 2 หม้อแระ อิอิ ก็เล่าสุ่กันฟัง มาทักทายครับ
7 กรกฎาคม 2551 22:35 น. - comment id 870457
คุณช่ออักษราลี ครับ น่าคิด แต่บางคนแม้แต่คิดยังไม่ยอมเลยครับ คุณแขม่วแมน ขอบคุณที่แวะมาชื่นชมและชื่นชอบครับ คุณนิลวรรณ ในวันที่เราอยู่แบบไม่มีความหมายนั้นเราต้องเห็นความหมายของตนเองก่อนครับ แล้วสร้างความหมายของตนให้เด่นชัดขึ้น สักวันก็จะมีคนเข้าใจในตัวตนของเรา และคงมีสักคนแหละน่ะที่พร้อมจะยิ้มหรือร้องไห้เพื่อเราจากหัวใจอย่างแท้จริง คุณริน-ภูโอบดอย ถึงเวลานั้นจะนั่งยังนั่งไม่ได้เลยครับ แต่ทำหน้าเฉยๆน่ะพอได้ครับ อิอิ คุณรัมณีย์ เห็นเช่นเดียวกับที่ว่ามาทุกประการครับ คุณอัลมิตรา ที่ก้นเขียวมาจนวัยนี้ไม่น่าจะเป็นร่องรอยจากการถูกหมอตีป๊าบ ป๊าบ แล้วล่ะ และที่ร้องก็ไม่น่าจะร้อง แง๊ แง๊ ด้วยนะครับ คงจำผิดแล้วล่ะ 555555 คุณกชมนวรรณ หากดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ในวันนั้นก็จะยิ้มโดยอัตโนมัติครับ คุณเพียงพลิ้ว เรื่องกลัวตายไม่เคยกลัวหรอกครับคุณกานต์ เพราะทุกคนเกิดมาล้วนต้องตายเป็นเรื่องธรรมดาครับ คนที่ตายคือคนที่หมดทุกข์หมดภาระในภพนี้แล้ว เพียงแต่สงสารคนที่ยังมีชีวิตอยู่ กลัวเขาจะลำบาก กลัวเขาจะเสียใจ เป็นธรรมดาครับ ขอบคุณสำหรับฟ้ามุ่ยสวยๆครับ คุณดาวระดา หากโดนสาปส่งในวันนั้น คงจะเสียทีที่เกิดมาภพชาติหนึ่งครับ ขอบคุณที่ชื่นชอบครับ คุณโคลอน ขอบคุณครับที่แวะมาชื่นชม คุณกุ้งหญิง ครับ แค่นั้นก็ตายไปอย่างมีความสุขแล้วครับ คุณไร้อันดับ ในวันนั้นถึงแม้จะมีเสียงร้องไห้ ก็เป็นเสียงร้องไห้อย่างปิติยินดีมากกว่าครับ ความจนไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็นคนครับ อย่างน้อยตอนนี้ก็ดีกว่าเดิมตั้งสองเท่าแน่ะครับหากนับจากจำนวนหม้อ แต่ถ้านับจากค่าของเงินก็คงหลายเท่าตัวครับ ขอบคุณที่มาทักทายครับ