อัปสรนิมิต
ชนณ
อัปสรนิมิต
ราตรีหนึ่ง..ฉันนิมิต..แสนประหลาด
มีนงนาฎ..อรชร..อ้อนคำหวาน
เธอมาบอก..ว่าอยากพบ..มาช้านาน
กระซิบผ่าน..พลิ้วแผ่ว..แว่วคร่ำครวญ
พิศดูหน้า..งามละม้าย..คล้ายอับสร
ขนตางอน..ผมมันขลับ..ราวกับไหม
จมูกปาก..ดวงเนตร..งามจับใจ
ผิวนวลใส..ขาวเหมือนมุก..สุขยามมอง
แต่ดวงตา..ของเธอ..มีแววเศร้า
เหมือนปวดร้าว..ตรอมตรม..ขมขื่นเหลือ
อยากเอื้อนเอ่ย..อยากถาม..อยากจุนเจือ
มองมิเบื่อ..อ้าปากค้าง..ฟังตะลึง
เธอบอกว่า..เป็นเจ้าหญิง..อดีตชาติ
งามพิลาศ..ยากหาใคร..มาเทียมสอง
ได้เจ้าชาย..หนุ่มรูปงาม..เนื้อดั่งทอง
เป็นคู่ครอง..แต่จำพราก..จากไกลกัน
ยุพราช..ไปมีคู่..อยู่เมืองใหม่
ปล่อยหญิงไว้..เศร้าจิต..ระทมศัลย์
สวามี..ไม่กลับ..นับนานครัน
เธอก็พลัน..สิ้นลม..เพราะตรมใจ
ก่อนจะลับ..ลาร้าง..ห่างโลกนี้
เธอบ่งชี้..สาปส่ง..จงใจหมาย
ให้เจ้าชาย..รูปงาม..อยู่เดียวดาย
ไร้คู่หมาย..ทรัพย์สูญสิ้น..ชีวินจน
และเธอบอก..ว่าฉันนี้..เป็นคนนั้น
สงสารครัน..เพราะเห็น..ทุกข์เหลือหลาย
อยากจะช่วย..ถอนคำสาป..ให้ผ่อนคลาย
พร้อมสลาย..ไปเกิดใหม่..เพราะสิ้นกรรม
ทุกวันพระ..ให้จุดธูป..สิบหกดอก
ย้ำเตือนบอก..กลางแจ้ง..คืนเดือนหงาย
มาลัยพวง..เพียงสิบครั้ง..มนต์จะคลาย
ทุกข์เหือดหาย..กลายเป็นดี..มีมงคล
ครั้นพูดจบ..ภาพนั้น..ก็เลือนลับ
เหมือนจันทร์ดับ..ฟ้าปิด..มืดสลัว
วิ่งตามไป..ไขว่คว้า..ช่างน่ากลัว
ก็พบตัว..ยืนโดดเดี่ยว..เปลี่ยวทางคน
ตกใจตื่น..ฉันฝัน..ไปหรือนี่
ทบทวนที..คิดไปมา..ช่างสับสน
อดีตมี..จริงหรือ..ยังวกวน
ใครช่วยดล..หาทางออก..ช่วยบอกที