นิราศทุ่งกุลา
ขุนศรี
..........................................
นิราศร้างเหินห่างทุ่งน่าใจหาย
ความแห้งแล้งเหี่ยวแห้งไคลคลาคลาย
มอดมลายแล้งร้างสิ้นดินดอนดี
ขึ้นสองค่ำนำเคลื่อนเข้าเดือนแปด
ไร้เปลวแดดเผาแผดร้อนอ่อนหลบหนี
วันโฉลกศกฤกษ์เบิกเดือนปี
วันดิถีเวลาข้าขอจาร
วันที่สี่ราศีปูดูเกรงขาม
ลงเลขยามข้า ฯ น้อยคอยไขขาน
เปิดเรื่องราวหลายร้อยปีมีตำนาน
ตามบุราณชาวกุลาสุดอาดูร
เดินท่องเที่ยวทุ่งเปลี่ยวเปล่าเท้าเป็นไฟ
จนร้องไห้เพราะร้อนแรงสาดแสงสูรย์
แสนอ้างว้างกลางแดดฉายหมายเป็นมูล
หิวเพิ่มพูลเหนื่อยอ่อนร้อนรนกาย
ทุ่งกุลา...พาร้องไห้ได้ตระหนัก
คนรู้จักเพียงตำนานสานความหมาย
ทุ่งกุลา...มาวันนี้ดีมากมาย
สุขเหลือหลายแล้งหายใจรื่นรมย์
ทุ่งข้าวเขียวเหลียวมองส่องสาดสี
เขียวขจีประชีแสนสุขสม
ข้าวมะลิชิหอมหวนป่วนอารมณ์
ข้าวอุดมแสนสมบูรณ์เพิ่มพูนงาม
ปูปลาหอยลอยล่องท่องเที่ยวหนา
ทุ่งเงินตราทุ่งนาแห่งสยาม
ทุ่งกุลามีชื่อเสียงลือเลื่องนาม
ทั่วเขตคามในนาม " ทุ่งรวงทอง "
นิราศนี้ข้าขีดเขียนเพียรลิขิต
ถ้อยคำผิดอ่อนภาษามาสนอง
บูชาครูผู้ใจงามตามครรลอง
คำขัดข้องขอน้อมรับคำนับคุณ
กานท์กลอนนี้ถ้าดีมีประโยชน์
ขมาโทษสำแดงถ้อยคอยเกื้อหนุน
บันทึกถ้อยร้อยกลอนศรีเมื่อปีกุน
บอกใบบุญเป็นทุนท่านชั่วกาลเอย ฯ
นายทองม้วน ิสิงห์ทองห้าว โรงเรียนบุแกรงวิทยาคม
ตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ๓๒๑๘๐