ในหลวงทรงร้องไห้>>>>>> เมื่อวันที่ 8 มีนา ที่ผ่านมาผมได้ไปงานที่โรงเรียน เหมือนเช่นทุกปีตอนกลับเดินมาตามตึกยาวเพื่อจะกลับมาทางประตูด้าน เพาะช่าง ยังไม่ถึงบริเวณเศาลหลวงพ่อปู่ พบอาจาร์ยท่านหนึ่งนั่งอยู่ จำได้ว่าเป็นอาจารย์สุธี ท่านเกษียณไปแล้ว ไม่รู้คุณรู้จักรึเปล่า กราบอาจารย์ท่านแล้ว สังเกตุเห็นว่าอาจารย์ร้องไห้อยู่ ท่านบอก เพิ่งได้พบกับรุ่นพี่ที่มาในงาน รุ่นที่เท่าไหรก้อไม่ได้ถาม เป็นนายทหารราชองครักษ์ชั้นผู้ใหญ่ เค้าเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ****ในหลวงทรงร้องให้เห็นบ่อย**** 'ทรงเสียใจที่เมืองไทยจะสิ้นในรัชกาลของท่าน แล้วกระนั้นหรือ' ผมอยากจะตอบอาจารย์ไปว่าคงไม่หรอก ถ้าคนไทย รู้จำคำว่าว่า'หน้าที่'มากกว่า'สิทธิ' เราเคยชินกับการเป็น..ผู้รับ...จากคนคนหนึ่งที่เกิดมาเป็น..ผู้ให้...ให้มาตลอด เคยชินจนลืมไปว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วรึยังที่ เราควรจะผู้ให้แก่พระองค์ท่านบ้าง... ผมลาอาจารย์เรียบร้อยร้อย กลับไปตามตึกยาว ไปไหว้ พระผู้ให้กำเนิดโรงเรียน อธิฐาษขอให้พระองค์ท่านช่วยคุ้มครองให้หลานท่านทรงมีแต่ความสุข..ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง...เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า ..ในหลวงทรงร้องไห้ ความสุขของพระมหากษัตริย์ หนึ่งปีที่ผ่านมา เราใส่เสื้อเหลืองเราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทพระเจ้าอยู่หัวเพียงไม่กี่นาทีวันนั้น ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเราได้ แสดงให้โลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์ จักรี และ พระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย .....สิบสองปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจเพราะทรงงานหนักเกินไปในขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนักอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชเช่นกัน เรายังจำรูปในหนังสือพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพระราชชนนี ไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัดใหญ่ถวาย พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมอยู่ที่พระอุระ และในพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือ ม้วนแผนที่กรุงเทพฯ เพราะน้ำกำลังท่วมกรุงอยู่ ยังจำกันได้ไหม? ..... 34 ปีที่ผ่านมา วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่เกิดวิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด วันนั้น นิสิตนักศึกษาและประชาชนนับหมื่นนับแสนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้นตำรวจทหารยิงประชาชน ในขณะที่นิสิตนักศึกษาก็เผาสถานที่ราชการ เกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า ' คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง ' คืนนั้น สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกันคนไทยทุกคนว่า คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบโดยฉับพลัน และทุกอย่างก็สงบโดยฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นาน มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามผมว่า เป็นไปได้อย่างไร ที่คนๆ เดียวจะมีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างนั้น? ผมไม่ได้ตอบ แต่ตอนนั้นใจผมคิดถึงประโยคที่ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่า พระองค์ทรงเป็น 'SOUL OF THE NATION' หรือจิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ ยังจำกันได้ไหม? แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ เราสร้างค่านิยมผิดๆ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเงินมากที่สุด เราโกงทุกครั้งที่มีโอกาส เราเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคิดถึงแต่ สิทธิ แต่ลืมคำว่า หน้าที่ เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันในภาคใต้ เราสร้าง กฎหมู่ ให้เหนือ กฎหมาย เราเดินขบวนประท้วงในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกัน และทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่ เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา จะทรงเสียพระทัยเพียงใด? แล้วสิ่งที่เราทำไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคืออะไร การที่เราใส่เสื้อเหลือง สายรัดข้อมือ ที่ว่า Long life The King เราทำเพื่ออะไร มันเป็นแค่ผักชีโรยหน้าที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าคุณรักพระมหากษัตริย์เพียงใดเท่านั้นนะเหรอ 80 ชันษาของพระองค์ท่าน หากเปรียบกับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ได้รับการดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก แต่กลับเป็นว่า ในปีที่ครบ 80 ชันษาของพระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวายการดูแลของคณะแพทย์ พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อม ด้วยข้าราชบริพาร หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคีกัน รู้จักความ พอเพียง และมีสติ-เพียงเท่านี้เอง แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่? หรือนี่คือการแสดงความกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา
20 มิถุนายน 2551 20:09 น. - comment id 864150
อ่านแล้วตื้นตั้นใจ..สะเทือนใจจริง.. สงสารพ่อหลวง...คงทุกข์อย่างใหญ่หลวง.. ภาวนาให้บ้านเมืองสงบในเร็ววันค่ะ
20 มิถุนายน 2551 20:38 น. - comment id 864154
..
20 มิถุนายน 2551 20:41 น. - comment id 864155
20 มิถุนายน 2551 22:26 น. - comment id 864159
20 มิถุนายน 2551 23:08 น. - comment id 864170
หากจะหาของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผองจะพร้อมกันได้ไหม ร่วมกันเป็นดินเดียวให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่แล้วมา ...
21 มิถุนายน 2551 06:53 น. - comment id 864198
เกินจะเอ่ยเป็นถ้อยคำ............
21 มิถุนายน 2551 10:05 น. - comment id 864235
ซึ้ง สะเทือนใจ
21 มิถุนายน 2551 12:21 น. - comment id 864280
21 มิถุนายน 2551 12:59 น. - comment id 864303
ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้แพรวได้อ่านสิ่งดีๆ คิดถึงนะคะ
21 มิถุนายน 2551 16:33 น. - comment id 864367
ครั้งหนึ่งผมโคยลงพระราชดำรัสไว้....ในบ้านของตัวเอง และผมนำมาลงที่บ้านพี่ยาอีกครั้งหนึ่งที่บ้านนี้ แต่เพื่อป้องกันสงครามศักดิ์สิทธิ์(holy war) พี่ยาลบคอมเม้นที่ผมอ้างถึงพระราชดำรัสนั้นไป ก็ตามสะดวกครับ มันคือสิทธิ์เจ้าของบ้านที่จะทำเพื่อเหตุผลบางประการ ซึ่งผมก็เข้าใจว่า พี่เกรงว่าคอมเม้นที่ยกพระราชดำรัสนั้นมา จะทำให้บ้านพี่วุ่นวายเปล่าๆ (ผมเข้าใจถูกไหมครับ) ผมก็ไม่อยากเห็นคนบ้านกลอนทะเลาะกันเหมือนที่พี่ไม่อยาก แต่ผมอยากเห็นการยอมรับฟังความคิดเห็นกันและกันมากกว่า แต่ก็เข้าใจว่ายากเพราะคนที่ไม่ฟังกันมีมากกว่าคนที่ฟังกันได้ (ผมเองยังมีหลุดเลยในบางที) ขออภัยเป็นอย่างสูงที่สร้างความลำบากใจ AunarisK, The Darkness Hero
21 มิถุนายน 2551 16:44 น. - comment id 864437
ขอยาแก้ปวดสักเม้ดหน่อยค่ะ งานเยอะจัด ปวดหัวจังเลยค่ะ
21 มิถุนายน 2551 17:27 น. - comment id 864459
พี่ยาลบคอมเม้นที่ผมอ้างถึงพระราชดำรัสนั้นไป ก็ตามสะดวกครับ มันคือสิทธิ์เจ้าของบ้านที่จะทำเพื่อเหตุผลบางประการ ซึ่งผมก็เข้าใจว่า พี่เกรงว่าคอมเม้นที่ยกพระราชดำรัสนั้นมา จะทำให้บ้านพี่วุ่นวายเปล่าๆ (ผมเข้าใจถูกไหมครับ)
31 ธันวาคม 2551 00:03 น. - comment id 931023
"ทุกข์บรรเทา" การ "ประทับอยู่ในบ้านเมือง" ดังพระราชดำรัสนั้น ในเวลาต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่ามิได้หมายถึงการประทับอยู่ในเมืองหลวง เท่านั้น แต่ยังเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์จนแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วที่พระบาทจะย่างไปถึงได้ ทรงวิทย์ แก้วศรี ผู้เรียบเรียงบทความ "บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ" บันทึกไว้ว่า วันที่ 13 ก.ย 2497 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 26 พรรษา และทรงครองราชย์เป็นปีที่ 8 ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยครั้งร้ายแรงขึ้นที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยือนราษฎรขาวบ้านโป่งผู้ประสบภัยใน ทรงทอดพระเนตรบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้และ พระราชทานสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทุกข์ในยามยากเพราะสิ้นเนื้อประดาตัวจากภัยเพลิงนั้นมากล้น แต่เมื่อได้รู้ว่ายังมีใครสักคนคอยเป็น กำลังใจ ทุกข์สาหัสแค่ไหนก็ยังพอมีแรงกายลุกขึ้นสู้ต่อได้ การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัยในครั้งนั้น นับได้ว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในรัชกาล