ครั้นเม็ดฝนจูบดินกลิ่นฟางฟุ้ง แต้มแต่งปรุงทุ่งท้องนาให้หน้าฉ่ำ เกลี่ยผืนนาให้หายคลายระกำ หลังโดนย่ำเหยียบแกล้งด้วยแล้งนาน พลิกพื้นนาป้าลุงมุ่งใจจด หลังฝนหยดรดให้เตรียมไถหว่าน ป้าสั่งลุงพรุ่งนี้คงได้การ อย่าให้ผ่านเลยไปมันไม่ดี ขอบคุณฝนที่ด้นมาให้นาตื่น ก่อความชื้นยื่นความสุขทุกข์จางหนี ขอบคุณเมฆที่ก่อตัวชั่วนาที รู้หน้าที่ของตนคนทำนา กลิ่นตอซังน้ำขังยังหอมกรุ่น คือความคุ้นหลงรักเป็นหนักหนา ยังยึดมั่นถือมั่นคำสัญญา เป็นชาวนาปลูกข้าวเพื่อเลี้ยงคน
23 พฤษภาคม 2551 11:27 น. - comment id 852688
อืม..อ่านแล้วชุ่มฉ่ำ กับผืนนา..หว่านข้าว นะคะ..คุณดาวระดา
23 พฤษภาคม 2551 11:28 น. - comment id 852689
ถ่ายทอดชีวิตชนบทได้ดีเลยค่ะ คิดถึงกลิ่นไอดินหลังฝนตกใหม่ๆเลย
23 พฤษภาคม 2551 12:33 น. - comment id 852723
ไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็มีคุณค่าในตัวของมันค่ะ... ชอบมองทุ่งนาที่เขียว ๆ สดใสดีค่ะ....
23 พฤษภาคม 2551 12:53 น. - comment id 852731
ทุ่งนาเขียวผมชอบมองเหมือนกัน มองทีไรสดชื่นทุกที เคยขับรถไปแถวปากท่อนะจอดรถดมกลิ่นหอมของต้นข้าวมาแล้ว
23 พฤษภาคม 2551 15:23 น. - comment id 852821
ทั้งเหงื่อคนเหงื่อควายละลายน้ำ กำซาบซ้ำสู่ข้าวกับพราวฝน เข็ญความทุกข์เป็นปุ๋ยใส่รวมปน ส่งให้คนเนรคุณกับชาวนา ให้ข้าวแค้นติดคอทุกคาคำ ถ้าจะทำสิ่งใดไป่ก้าวหน้า จำทนทุกข์ท่วมท้นเวทนา ต้องสมาวัวควายจึงหายคืน
23 พฤษภาคม 2551 16:13 น. - comment id 852856
สมัยที่ผมแข็งแรงนั้นปีหนึ่งจะไปท้องทุ่งนาครับ ผมเรียกว่าไปเปลี่ยนอากาสหายใจ แต่ตอนนี้ยาก เสียแล้วครับ ชนบทอากาศดีครับ เขียวไสวไปด้วย ต้นข้าวราวกับปูพรมเขียวชะอุ่มจริงๆครับ เขียนได้ ดีครับ แต่บางคำไม่ต้องเน้นเสมอนะครับ เพราะ คนอ่านเขาจะรู้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 พฤษภาคม 2551 16:29 น. - comment id 852857
ขอบคุณครับอาจารย์แก้ว ที่เอาใจใส่ผมเสมอมา ยกเป็นครูในดวงใจเลย
23 พฤษภาคม 2551 17:38 น. - comment id 852876
สวัสดีค่ะ พี่ดาวระดา ทุ่งรอฝนหล่นรดจดผืนนา ข้าวรอฟ้าโปรยปรายพิรุณร่ำ ประชากรลูกหลานตาดำดำ รอเมตตารดหลั่งยามหิวโซ ชาวนายากลำบากแสนลำเค็ญ ต้องบุกเบิกพลิกเข็นอย่างอักโข ข้าวทุกเม็ดหยาดเหงื่อหยดกองโต กว่าจะโชว์เม็ดได้แทบวางวาย ดอกบัวขอให้พี่ดาวระดามีความสุขมากๆค่ะ
23 พฤษภาคม 2551 20:45 น. - comment id 852925
ขอบคุณฟ้าฝน และ ชาวนาค่ะ .... อ้อ... กลอนบทนี้ด้วยค่ะ
23 พฤษภาคม 2551 21:16 น. - comment id 852954
แวะมาชุ่มฉ่ำ...( ต้องกางร่มอ่านเลยค่ะ ) ...
24 พฤษภาคม 2551 00:19 น. - comment id 853000
ขอบคุณน้ำฝนนะครับ ข้าวกำลังมีราคา ชาวนากลัวน้ำแล้ง ต้นทุนแพงเหลือทน มีแต่ฝนที่ช่วยเหลือผู้คนไม่คิดมูลค่า ช่วยเหลือชาวนาให้มีความหวัง กลอนเพราะมากครับ
24 พฤษภาคม 2551 01:58 น. - comment id 853007
ขอบคุณน้องดอกบัว ที่น่ารักถ้าจำไม่ผิดเราอยู่ไม่ไกลกันนักนะ อยู่ราชบุรีใช่ป่ะ น้องดอกบัวเช่นกันนะครับกลอนน้องไพเราะขึ้นมากมากเลยล้ำพี่ไปไหนแล้ว รักษาสุขภาพด้วยล่ะ ขอบคุณครับกุหลาบขาวกำลังใจที่ให้มาตลอด ยอมเปียกสักครั้งเราจะรูว่ามันได้อะไรมากกว่าที่เราจะกลัวมันนะเมื่อวานพี่ยังเล่นน้ำฝนกันเลยกับหลาน ขอบคุณครับแม่มณียังคิดถึงเสมอนะครับ ขอบคุณคุณรัมณีย์ที่มาให้กำลังใจ ทุกครั้งที่เขียนกลอนเกี่ยวกับชาวนาผมมีความรู้สึกว่าผมได้บอกเรื่องราวพวกเขา เพราะการที่เขาจะลุกมาเขียนกลอนมันน้อยมาก แต่ผมยังแย่ที่ไม่สามารถแต่งได้ดีๆ เพราะเรื่องราวพวกเขามันน่าเทิดทูน
24 พฤษภาคม 2551 06:16 น. - comment id 853033
สวัสดีค่ะ น้องดาวระดา เห็นภาพแล้วคิดถึงไอ้ทุยนะคะ ตอนนี้ข้าวแพง ชาวนาคงได้ยิ้มกันบ้างล่ะ
24 พฤษภาคม 2551 09:04 น. - comment id 853051
สวัสดีครับพี่อักษราลี ครับมันคงแรงจูงใจได้บ้างน่ะนะครับ อย่าให้ความก่อตัวที่เขาเลย
24 พฤษภาคม 2551 10:55 น. - comment id 853072
สวัสดีค่ะคุณดาวระดา ทางนี้ชาวบ้านเริ่มเป็นชาวนาแล้วค่ะ ฝนตกแล้ว เริ่มทำนากันหลายบ้านแล้วค่ะ พอขับรถผ่านก็จะได้รู้วิถีของพวกเขาตลอดทั้งปีเลยค่ะ
24 พฤษภาคม 2551 20:59 น. - comment id 853247
คุณเสือทะมัดทะแมง ท่าทางจะไถเก่งนะคับ
25 พฤษภาคม 2551 13:32 น. - comment id 853375
กลิ่นตอซังน้ำขังยังหอมกรุ่น คือความคุ้นหลงรักเป็นหนักหนา ยังยึดมั่นถือมั่นคำสัญญา เป็นชาวนาปลูกข้าวเพื่อเลี้ยงคน ;วรรคทองมีความหมายดี สะท้อนเรื่องราวได้ลงตัวดีเยี่ยม...ครับ
15 กันยายน 2551 08:13 น. - comment id 895799
ดีเพื่อนๆๆๆๆๆเราชื่อว่าฟ้านะ เราคิดว่าชาวนาสมัยนี้ต้องลำบากมากเพราะกว่าจะได้เมล็ดข้าวนั้นยากลำบาก อยากเป็นกำลังจัยให้ชาวนาสู้ต่อไปนะค่ะ จากฟ้านะ