กลิ่นดวงดอกพิกุลกำจายมากับสายพิรุณ หยาดเย็นในยามค่ำ ฟ้าร่ำไห้อย่างหนักมาหลายทิวาวันนักแล้ว กับวิปโยคโศกสะเทือนขวัญ ทั้งแผ่นดินไหว ไหนจะลมพายุใหญ่ไซโคลนนาร์กีสนากรรม นาฏกรรมแสนเศร้าสะเทือน เสียงเพรียกเตือนภัยจากธรรมชาติ ที่มาพิโรธเกรี้ยวกราด กวาดล้างสั่งสอนมวลมนุษยชาติให้พึงมิประมาท ได้จดจำสำนึก รำลึกรู้ถึงความแตกดับ อันนับวัน จักนับเนื่องต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หาก.. มากมนุษย์ยังมิยอมหยุดทำลายโลก อันสวยสดงดงามของผองเรานี้ ที่มีคุณมากล้นมหาศาล จนยากจักจารความยิ่งใหญ่ ที่.. เราพลเมืองนี้ไซร้ ราวมดปลวกธุลี ที่ได้รับมากมีความเมตตา เอื้อโอบให้พึ่งพาพึ่งพิงอิงอาศัยมาตลอด ให้ดำรงอยู่รอดอย่างปลอดภัย ที่เราทุกคนมีเพียงหน้าที่เดียว คือรู้เกาะเกี่ยวกันสามัคคีกตเวทิตาคุณ รู้ทะนุบำรุงอนุรักษ์ ป้องปักรักษาผืนแผ่นดิน สิ้นทั้งดินน้ำลมไฟ ให้ยังคงผสานผสมกันไป อย่างพอเหมาะพอดี เพื่อให้ชีพชนม์คนบนผืนโลกนี้..ได้ธำรง ได้ยังคงพบโลกอันแสนสดใสงดงาม ได้อยู่อย่างแสนสงบร่มเย็นเป็นสุข เมื่อ.. เรายังต้องเวียนว่ายเกิดมาเป็นมนุษย์ ยังต้องมีภพชาติ เพื่อมาชดใช้กรรม มาสร้างสรรทำกุศลธรรม มาต่อยอดคุณธรรม ความดี พลีไว้ให้โลกอย่างสมที่ได้เกิดมา พบพระพุทธศาสนา... ได้เกิดมาใต้ร่มฉัตรเพชรอันยากยิ่งจะหาได้ จากแผ่นดินใดไหนเทียมอีกแล้ว.... ..................... เด็กๆรายรอบวัดป่าธารน้ำทิพย์ ที่อำเภอสีคิ้ว โคราช ที่พุดพัดชา ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตปลีกวิเวก อันแสนสงบสงัด ได้พบความรัก หยาดน้ำค้างทิพย์ธรรม หยาดน้ำใจอันแสนบริสุทธิ์ใส เย็นฉ่ำประดุจดั่งหยาดน้ำค้างฟ้า ต่างได้โทรศัพท์มาชวนให้พุดพัดชาไปเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขปุณมี ณ ราตรี*เพ็ญพูนดวง* ในหอมห้วง แห่งความทรงจำอันแสน ยิ่งใหญ่ในศรัทธาใจของพุทธศาสนิกชน คนไทย แล..คนหัวใจธรรม ทั่วทั้งผืนหล้า ที่เพียรระรินร่ำ น้อมนำคำสอนของพระบรมศาสดา มาบ่มพร่ำภาวนารู้รักษาศีล สมาธิ ให้เกิดปัญญา อันเปรียบประดุจ *อัญมณีแก้วล้ำค่า*ที่พร่างพรายฉายฉาน ให้จิตดวงงามเกิดแสงประภัสสร ตระการ ดั่งบัวบานเหนือโลก เหนือโศกตรมระทมทับ จากสร้อยโซ่กรรมแห่งการเกิดดับนับมิสิ้นอสงไขยกาล แล... ในท่ามวันวาร อันแสนเกษมปิติ สองดวงชีวี กระวีกระวาด นักอยากจะเขียนเพียรสานฝัน ผู้เพียรรังสรรค์ถ้อยธรรม ธรรมชาติ *ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายธาร* และ..อีกนาม *สาวบ้านนา พุดพัดชา ผู้หลงรักป่าไพร* ผู้มีอารมณ์ละไมละมุน ขอหลอมรวมดวงใจอันหอมกรุ่น ด้วยดวงดอกรักรจนา ดอกพุทธรักษา ดวงดอกไม้ป่า พวงพะยอมผลิประดับทั้งหล้าโลก มาพลีกำนัล..ณ บัดนี้ ด้วยบทกวีธรรมและความเรียงอันละไม ให้พลันพา..ดวงดอกศีล สมาธิ ปัญญาจงได้ผุดพราว ลบหนาวโศกจากโลกแห่งความวายวุ่น หมุนทุกวงชีวิน ให้รู้รักผืนแผ่นดิน น้ำ ลม ไฟ อัน.. แสนบริสุทธิ์ใส สงบงามเงียบ ตราบยังมีลมหายใจ..ใฝ่ธรรมค่ะ วิสาขปุณณมีนิรันดร์ (Everlasting Enlightenment) ลำน้ำน่าน พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น อาบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า หยาดน้ำค้างพร่างสายพรายดารา ภาวนาอยู่ระวางวิมานพฤกษ์ ดุจริมฝั่งสายธารนิมานรดี เมทินีสว่างสรวงแม้นห้วงดึก รับบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก ผลผลึกอภิญญาณ-ฌานภิญโญ เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์ มนต์พุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร ทิวาวันวิสาขปุณณมี มะลุลีผลิรับจากหลับใหล หยดน้ำค้างหยาดเย็นค่อยเป็นไป ว่อนไหวเหล่ารุกขชาติดาษอัมพร ริมธารธรรมสายน้ำยามรุ่งเช้า ใต้ร่มเงาวนาวัลย์บรรจถรณ์ โพธิสัตว์แสงประทับจับจีวร พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร กรุ่นสุคันธ์สุชาดามาถวาย เครื่องพลีกรรมอวลกลิ่นมิสิ้นวาย โลกบาลร่วมเรียงรายรับพิธี รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา เมื่อทิพย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี ทินกรร่อนเริงเวิ้งวารี บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์ สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ อรุณยามฤกษ์ล่วงดั่งสรวงสรรค์ ถาดทองทวนลอยย้อยสาครครัน ทวนกระแสเนรัญฯ เป็นมรรคา ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง ยามโสมสรวงเสวยแสงแหล่งเวหา สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์ ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น นิรมิตทิพย-จักขุญาณ สรรพสัตว์เพรงกาลมาวางวาย ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์ หยั่งพินิจปัจจยาการมินานหมาย อริยสัจรู้แจ้งสำแดงกาย คลายซึ่งปฏิจจสมุปบาทอวิชชา เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา ดับสูญสิ้นกิเลสกล้าอัตตามาร มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน ใต้ร่มโพธิญาณอุรุเวฬาฯ ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท เอนกชาติสังสารังองค์คาถา สัปบุรุษตรัสรู้แล้วแก้วสัมมาฯ พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ ---------------------------------- ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ อุรุเวฬาเสนานิคม ไม่มีสรรพสิ่งไหนจะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึงบรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม ดินแดนพุทธคยา ครั้งสมัยพุทธกาล พร้อมกับบทเพลงบรรเลงดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม มหาอุบาสิกานามสุชาดา และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ ตั้งแต่บำเพ็ญเพียรภาวนา ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล มหาอุบาสิกานามสุชาได้นำข้าวมธุปายาสถวาย ทรงอธิฐานลอยถอดทอง ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย ณ เวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า "ในขณะนั้น ก็พอเป็นเวลาที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ เป็นสมุจเฉทปหาน พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ.." การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้ ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา ------------------------------------------------- ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ รจนาบูชาในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖
18 พฤษภาคม 2551 12:49 น. - comment id 851056
มีความสุขรับวันเพ็ญเดือนหก นะคะพี่พุด
18 พฤษภาคม 2551 12:54 น. - comment id 851058
วิสาขมาศแม้ มาฉลอง ผันเปลี่ยนเวียนครรลอง หล่งหล้า เวียนเทียนประณตสอง กรกราบ เอกอัครศาสดาคู่ฟ้า ฟูสวรรค์
18 พฤษภาคม 2551 13:35 น. - comment id 851071
สองกรสิบนิ้ว วันทา วันแห่งพระศาสดา จรัสแท้ ขอพุทธศาสนาจง ดำรงค์ อยู่ ขอไทยเป็นไทแหน้ นับนา
18 พฤษภาคม 2551 14:28 น. - comment id 851076
ศศิวิสาข์ว้าเหว่.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86350.html แด่เธอคนดีที่ชื่อศศิวิสาข์.. ตอนที่1 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86384.html ศศิวิสาข์น้อมดวงใจใสเย็น...ตอนที่2 และ.. ตอนที่สาม..ศศิมาฆะว้าเหว่ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html (เธอคนเดียว) ดึกแล้ว... น้ำค้างแก้วเริ่มหยาดเย็น เธอ..หยิบผ้าฝ้ายผืนงามมาคลี่คลุมไหล่ ค่อยๆเดินลัดเลาะเลียบเนินผากลับที่พัก แสงจันทรานวลนุ่มสาดสายมาทายทัก ให้.. ดวงใจยิ่งแสนสวยใสสงบงาม... หยาดน้ำผึ้งจันทร์ช่างแสนหวานนัก และ.. ช่างมีบทบาทให้มวลมนุษย์ทั้งหล้าต่างพากัน หลงฝันหลงมายา หลงรอท่ารอคอยฝันฝากใจ อย่างมิเคยสิ้นสุด หยุดคิดถึงในมนตราเสน่หาได้เลย หาก.. ตราบใดดวงใจยังมิสิ้นฝันสิ้นหวัง เธอ.. แหงนเงยวงหน้าซูบหากงามเศร้า รับหยาดสายพรายแสงจันทรา ที่มาแตะแต้มโลมไล้ให้คลายเหงาใจลำพัง ทั้งๆ.. ในใจเธอนั้น.แสนสงบงัน ไม่เคยฝันเคยหวัง..ถึงใครและสิ่งใด.. มานานวันมานานปี..แล้ว ...................... นับตั้งแต่นาที.. ที่เธอ..ได้รับข่าวร้าย คล้ายๆกับในคืนค่ำเช่นนี้ หาก.. เป็นคืนที่.. ฟ้าไม่มีจันทร์.. โลกมีเพียงมืดมิดหมองหม่นเงียบงัน ดั่งสีน้ำเงิน..สิ้นไร้งาม รับรู้...โศก...สะทือน เป็น... คืนฝนปลายวสันต์ ที่หยาดสายพรายพรมหนักมาก ราวหยาดลา... และ เสมือนหยาดน้ำตาละหลั่งรินมิสิ้นสาย ไปกับเธอ ยาม...ที่ทราบว่า... คนดีที่เธอแสนรักนักรักหนา ได้พรากลาไปแล้ว..กับอุบัติเหตุ..! อย่างไม่มีวันหวนคืน......... คืนที่.. ก่อนหน้าไม่กี่นาที เขาคนดียังโทรมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า กระซิบบอกเธอว่า.... *เขาแสนคิดถึงเธอ..จนล้นใจ จนทนรอไม่ไหว ต้องตัดสินใจขับรถบึ่งมาจากกระท่อมกลางไพร ให้... เธอเตรียมเสื้อผ้าไว้ เขา..ตั้งใจจะมารับเธอ ไปสัมผัสกับบางสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่ ในคืนฝันวันพระจันทร์เพ็ญที่กำลังรอท่า.. หากทว่า*เขามาไม่ถึง...**มาไม่ถึง... วันที่มี.. ความหมายล้ำค่า*วันมาฆมาศ* วันคล้ายวันเกิดเธอ.. เพราะ... ทุกคราที่*เขา*มองจันทร์ *เขา* ก็จะฝันเห็นเธอละเมอหมาย *ดั่งกระต่ายน้อยหลงคอยจันทร์ * เมื่อ.. เธอยังละล้าละลังใจไม่ยอมตัดสินใจ รับคำขอแต่งงาน ที่เขาเพียรคุกเข่าเฝ้าขอ รอคอยมานานนับเกือบสิบปี.. เพราะ.. เธอ..บอก.. ยังหนีพันธะชีวิตและภารกิจหน้าที่มิพ้น เขา.. จึงได้แต่ทน...รอ รอ และรอ ให้กับกาลเวลาได้พิสูจน์ว่า เหนือคำพูด..คำมั่นสัญญา เหนือปรารถนาใด... ระหว่างคนสองคน คือ *ความเป็นพื่อนทางจิตใจทางจิตวิญญาณ* ที่คือรักแท้ยิ่งใหญ่เหนือค่ากว่าการครอบครอง หลายครา.. ที่เธอคิดว่าเขาคงทนความเหงาไม่ได้ เมื่อไร้เธอเคียง และ.. คงเสี่ยงพวงมาลัยรับหญิงสักคน ไปเป็นนางใจไพรเทพีแทนที่เธอ ผู้หญิง.. ที่เขาเคยเพ้อ ตราบวันตายจะไม่มีวันลืม ผู้หญิงที่ติดดินจนเขาปลื้มนักปลื้มหนา ว่าช่างหายากหาเย็น หาคนที่เป็นทุกสิ่งในชีวิตเขา ให้เขามีพลังมิสิ้นฝันว้าเหว่ คนดี... ที่เธอ..ได้แต่กล่อมเห่เขาคนดีในอ้อมตัก ยามที่เขายังมีลมหายใจและรักแสนรัก เธอเป็นยิ่งนัก... ชี้กันชวนชมดาวพราวไสว ยามดึกดื่น ให้ตื่นตาชม ในยามน้ำค้างพรายพรม ยาม.. *เขามีเธอมาแนบสนิทชิดใกล้ มาใช้ชีวิตในวันหยุดทุกฤดูฝนที่ปรายปรน พร่างโปรย..ให้หอมงามใจ ณ..กระท่อมกลางป่าไพร ที่.. ได้หลอมรวมวิญญาณทั้งสองดวงให้ราวหนึ่งเดียวกัน.. เขาเพียรลงแรง นำร่างห่างไกลความศิวิไลซ์แสงสี มาพลีหยาดเหงื่อ เม็ดเงิน เนรมิตรผืนดินอุดมริมบึงธารหวานใส ที่ไหลรินมิสิ้นสายมาจากเทือกเขา ที่.. รายเรียงโอบล้อม ดั่งปกป้องอาณาเขตแห่งรักแห่งฝัน ให้.. พลันแปรเป็นทุ่งทองรวงเรียวระย้าระยับ ดั่งอาบทองทา ไปจนไกลสุดตาดั่งผืนพรมสวรรค์ ที่... นับนานวันนานเดือนนานปี ที่เขาเททุ่มสุดตัวสุดใจ พลิกฟื้นป่าไพร ให้มีชีวิตชีวา ด้านนึงคือบึงบัวกว้างไกล ที่มีแดงดอกนับหลายพัน เป็นเวิ้งน้ำธรรมชาติเขตป่าสงวน อีกด้าน... ชิดเชิงชายเขาเป็นไร่สวนผสม มีผลไม้หลากพันธุ์ ให้เก็บกินไม่ทัน ผลัดกันป้อนปรน จนเขาต้องนำมาใส่ชะลอมหอมหวาน ไปไล่แจกญาติมิตรเพื่อนฝูง ไหนทั้ง.. ผลไม้พันธุ์ยืนต้นที่ให้ผลราวทองคำน่าอัศจรรย์ใจ เช่น.. ทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด กระท้อน มะม่วง และ ยังมีสวนสมุนไพรแทบทุกชนิดที่หายาก จนพ่อค้าคนกลาง..ต่างพากันมารับซื้อ ส่งเป็นสินค้าออก... ไม่ว่าเปล้าน้อยรากต้นหางกระรอก..... หัวอัญชันป่า .. พนมสวรรค์(ดอก, ต้น) ใบบุนนาค ประยงค์ป่าใบผักคราดทะเล ใบผักบุ้งทะเล ................. และ... อีกมุมหนึ่งริมเรือนกระท่อม เขาเพียรปลูกดอกไม้ไทยหอมๆ แล้วน้อมเด็ดมาวางไว้ริมหมอน ให้เธอดอมทุกคืนค่ำ..ได้ระร่ำรินแสนชื่นใจ ไม่ว่าจะ.. ลำดวน..ปีบ..จำปีสูงใหญ่ เคลียชายคา มะลิวัลย์...มะลิลา..ลีลาวดี โมก... ที่พลีน้อมให้หอมดอกค้อมลงดินแบบถ่อมตัว บัวดอกบานในบึง พวงชมพู... ดอกกระจิ๊ดนิดน้อยห้อยย้อย แสนน่ารักนัก ไหน.. จะมาลัยสวรรค์ นมแมว รสสุคนธ์มาทายทัก ถึงเตียงนอนนวลนุ่ม ที่.. ให้หอมอวลปนมากับดวงดอกราตรีกลิ่นการะเวก ที่เสกมนต์หวานหว่านงามไปทั้งกอ พ้อพร่างมากับเล็บมือนางสามสวยสามสีสลับ ไหน.. จะยังมีกุหลาบนานาพันธุ์ดอกใหญ่กลีบหนา ที่มีทั้งตูมตั้ง ทั้งเบ่งบานตระการตาตระการใจ พากันแย้มบานไสว ทั้งเหลืองแดงชมพูสีโอลด์โรส ที่.. ต่างพากันชูช่อล้อลมไพรมาทายทัก ยามเธอนอนหนุนตักหนุนแขนเขาอย่างแสนรัก ณ..นอกชานเรือน.. ไหนจะยัง แม่ดวงดอกพุดซ้อนกลีบอ่อนหวาน ให้ซาบซ่านซ่อนซึ้งหอมให้ค้นหา ให้เขาคอยเด็ดมาเสียบริมแก้มไรผม แล้ว.. คอยเวียนดอมดมแกล้มอย่างแสนชื่นใจ ไหนจะดงผักพื้นบ้านนานา ทั้งค้างแตงกวา แตงร้าน แตงไทย ฟักแฟง บวบ ลูกอวบใหญ่ห้อยย้อย ตำลึง ผักบุ้งในท้องนา ทั้งปลาในหนองน้ำ ที่.. มากมายวนว่ายอย่างแสนเสรี ที่เขาให้ชีวีมันทุกตัวได้เริงร่า ใช่เลี้ยงไว้บริโภค เพราะเขา เลือกมีชีวินกินเพียงข้าวผักถั่วแทนโปรตีนแบบชีวจิต เขาคนดี.. ที่พลีไถ่ชีวิตวัวควายที่ใกล้ถูกเชือด ให้เลือดแดงที่เคยพลีหลั่งรินเคียงคู่มิรู้สิ้น กับหยาดเหงื่อชาวนาไทย ในพื้นพสุธา ได้ยังคงดำรงธำรงวิถีข้าวกล้ายังมานาหว่านไถ ใช่แปรไปเป็นผืนดินของนายทุนพลิกเป็นทิวตึกไสวแทน จน.. หมดเงินทองที่เคยสะสม หากเธอกับเขาต่างมีอุดมคติ ที่คิดว่าชีวีของสัตว์เพื่อนยาก ย่อมสำคัญกว่าทรัพย์อนันต์ค่าใด ในเมื่อ.. ตราบใดยังมีลมหายใจ ชีวียังไม่สิ้น ต้องดิ้นไป หากยังมีเรี่ยวแรง มีสมองสองมือมีปัญญา ไม่ตายก็คงหาใหม่ได้ เพราะ..... ชีวิตวัวควายที่อยากไถ่ คงไม่รอหายใจ...หวนมาให้ได้ทำสิ่งแสนงาม อย่างน่าภาคภูมิปิติใจ สิ่งที่จะตามติดเป็นรอยบุญหนุนใจ นำทางใจให้แสนสวยไสว อิ่มเอมแสนปิติเกษมเป็นยิ่งนักยามหวนคิด และ... จักสถิตทอดเป็นนิรันดร์ในดวงใจอันใครยากแย่งยื้อ ............ และ.. นี่คือวิถีสุภาพบุรุษไพร ที่แสนยิ่งใหญ่ในดวงใจเธอ ดั่งคู่กรรม คู่ธรรมคู่ทอง ... หาก.. มิทันได้ครองคู่... ราวสวรรค์ไร้เมตตารับรู้.. มาพรากลาคนดีที่เธอประจักษ์ค่า และถึง... มาตรแม้นว่าจะมิได้เคียงร่าง หาก ทุกอณูนึกยังเต็มพร่างในหอมห้วงหัวใจเธอ อย่างยากที่จักหาใครมาเทียบเทียม ............ วันที่*เขา*พรากลาไป...กับคืนฝนพรำ แม้นฟ้าดิน ยังมิสิ้นโศกศัลย์กำสรวลสะอื้นไห้ ราว.. หยดเลือดหยาดน้ำตาระร่ำรินมิสิ้นสาย รวมกับจิตแลกายเธอ .. ที่เทวษถวิลทุกข์โทมนัสเกินกว่าจะมีน้ำตา มี.. เพียงชุกตัวเหว่ว้า ลำพัง จนใครๆพากันเป็นห่วงเป็นใย ทุกคืนค่ำ...ที่วัด ทุกคน.. จะสัมผัสร่างบอบบางราวลมจะพัดปลิว ในชุดดำนั่งนิ่งเงียบสนิทราวรูปสลักไร้ชีวิต ทอดตาสงบงันไปยังผู้เป็นที่รัก ใน..กรอบรูปอันงามนัก ในจำหลักพักตร์พริ้มรอยยิ้มซื่อใสแสนไร้เดียงสา หนุ่มชาวนา ผู้เกิดมากับท้องฟ้านากว้างแสนกระจ่างแจ่ม กับในอ้อมแขนมีเพียงฟางข้าว หมวกสานผานไถ และ.. กับหัวใจที่แสนซื่อใสบริสุทธิ์ พอกันกับหยาดน้ำค้างจากฟ้า หยาดน้ำฝนหล่นลา ไหลรวมบ่ามากับสายธารระริน มาฝากรอยถวิลให้อาวรณ์เทวษ อย่างยากจะเลือนลืม *เขา* ผู้ชายชาติไพร ที่มีนวลเนื้อใจแสนพิเศษพิสุทธิ์ หาก.. ทว่ามิอาจหยุดเพรงพรหม เพรงกรรมมาพรากลา..จากฟ้าดินเบื้องบนได้... ............. นั่นคือ.. อดีตทรงจำ... ที่ฝังใจ ที่แสนงดงาม เมื่อกาลเวลาผันผ่านลาเลยล่วง รอยแผลใจ.. ที่.. กลายเป็น*แผลเก่า*ฝากเพียงเหงาให้งาม ในทุกยามรำลึกนึกย้อน มาตรแม้น.. ทุกฉากตอนมิหวนกลับ หากคือ.. ความรักภักดิ์พลีที่แสนดีที่แสนสว่างไสว ใช่...จะเศร้าใด เมื่อเธอมีธรรมในดวงใจ มานำทางพร่างสว่างไสว... สอนสัจจะให้ระลึกถึง คำว่า**มรณานุสติ* เสมือนคำ.. ที่เขาเคยคอยย้ำเตือนเธอเสมอมา *อย่าละเมอหลงไปวังวนในทุกข์กระแส อย่ายอมแพ้พ่าย อย่าตกหลุมพรางที่ขุดล่อบ่อบ่วงกิเลสไว้ ลวงหลอนมวลมมนุษย์มากมายมากมี ให้.. หลงติดกับความยึดมั่นอยากได้ใคร่ดี มีเพียงโลภโกรธ หลง พะวงเพียงสุขภายนอก ที่มายวนยั่วหยอกเย้า ให้ได้ก้าวเท้าไปสู่บ่วงห่วงพันธนา และ... สุดท้าย ทุกชีวาชีวี ใช่หมายผัดผ่อนพญามัจจุราชได้ฤาก็หาไม่.. หาก... ใช้ชีวิตเปล่าเปลืองไปโดยประมาท ยัง.. .มิทันหันมาวาดวง รับ*สายทองแสงธรรม* พร่ำเพียรภาวนา หาหนทางก้าวข้ามห้วงมหานทีสีทันดร ก่อนวันที่สายเกิน... มิมัวหลงเพลินรูปรสกลิ่นเสียงเพียงนั้น.. และ.... ให้รู้ปันร่างใจใฝ่งามธรรม ไปด้วยกัน มาตรแม้นยังมีวังวนมิพ้นวิบากรัก อันหนักแสนหนักราวศิลา .. ก็ เพียงให้รู้ค่า.. รู้จำรู้จัก เลือกเส้นทางธรรม นำชักพาคู่ชีวิต... ให้.. นำพาดวงจิต มาสถิตฝากไว้ในเอื้อมหัตถาแห่งพระพุทธาสวรรค์ อันคือ.. เส้นทางกระจ่างพร่างพรายสู่ความว่างนิรันดร์เกษม อันคือรักที่แสนอิ่มเอม อย่างยากหารักใดเทียมเทียบ.. ................ ณ..ราตรีนี้ ที่แสงเดือนยังแจ่มจ้า ยังคงหยาดมาโลมหล้า ปลอบประโลมเธอ.. *ศศิมาฆะคนนี้* คนที่เพียรเพียงรอวันเวลา ที่จะข้ามมหานที เพื่อไปสู่ฝั่งฝันสำนักวิปัสนา ที่.. รอท่าเธอเลือกตัดสินใจ.. จะ *ฝากชีวิตเลือดเนื้อจิตวิญญาณดั่งอัญมณีไพร อันแสนไสวพรายพร่าง เลือก..สู่เส้นทาง... *สายสว่างสะอาดสงบ* เพียงรอพบบานประตูพระนิพพาน ที่แย้มบานรอท่า... ทุกผู้มีบุญวาสนาใต้หล้าโลกไปตราบจนชั่วชีวิต ให้ลืมโศกลืมสุข สิ้นทุกข์หยุดคิด... ตั้งใจอธิษฐานภาวนาจิต ดั่งบัวบุญ ในทิพยนิรมิต ผ่องพราวราวบัวเพชร ยอมเด็ดกิเลสทิ้ง แล้ว.. ผลิบานตระการชูช่อพลีรอสายแสงธรรม อันคือ *ความเป็นนิรันดร์เกษม...* มาตรแม้นหนทางยังแสนห่างไกล ที่.. ถึงอย่างไรอย่างไร เธอมิเคยท้อใจ ที่จะเพียรภาวนา ตราบจนกว่าลมหายใจจะสิ้น.... .................................. ติดตามตอนต่อไป.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html เธอคนเดียว เธอรู้ไหม ฉันอยากให้ย้อนเวลา ให้เดินช้าช้า ให้อยู่ด้วยกันนานนาน อยากมีเวลา ทำสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ฮืม...
18 พฤษภาคม 2551 16:51 น. - comment id 851130
มาอ่านบทกวีที่ทรงคุณค่า.. งานของพี่พุดงดงามและมีคุณค่าเสมอ...... พรุ่งนี้ไปทำบุญกันค่ะพี่พุด..
18 พฤษภาคม 2551 20:04 น. - comment id 851197
โห กว่าผมจะอ่านจบ ขอบคุณมากครับ ที่หาอะไรอย่างนี้มาให้อ่าน
19 พฤษภาคม 2551 15:45 น. - comment id 851383
สวัสดีค่ะ พี่พุด บัวเย็นสบายมากค่ะเมื่อมาหาพี่พุด เราจะสงบร่มเย็นด้วยกันค่ะ