รวงทิพย์รวงทองในครองฝัน วันสวรรค์เมตตาพามาพบ งามเกินงามรักดื่มด่ำมิรู้จบ ตราบผืนดินกลบหน้ายังตราจำ คือเส้นทางสายรุ้งสู่ทุ่งข้าว ระย้าพราวท่ามหยาดฝนระรินร่ำ วิถีไทวิถีทองวิถีธรรม หยาดเหงื่อพรำจากจิตใสใจชาวนา หวังหล่อเลี้ยงผองชนบนผืนโลก ลบเลือนโศกสร้างสันติมีคุณค่า สอนสัจจธรรมสรรพสิ่งอิงพึ่งพา รู้เมตตาเสนอสนองครรลองคน รอเวลาโลกแหลกสลายลา พลีน้ำตาท่วมท้นทุกแห่งหน คงสายเกินแก้นาฏกรรมช้ำกมล วันทุกข์ทนวันสิ้นโลกโศกนิรันดร์...! .................................................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2068.html รอยไถแปร ทุ่งนาแดนนี้ ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซาก คันไถแล้วเศร้า เห็นนาที่ร้าง นั้นมีแต่ฟาง แทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยว เหน็บติดเสา เล่นเอาใจเรา สะท้อน ทุ่งนาแดนนี้ ข้าเคยไถทำ สองมือ ข้าเคย หว่านดำ ฤดู ฝนพร่ำ หน้าก่อน แต่มาปีนี้ ฤดี ข้าแสนจะสะท้อน เพราะมา ไร้คู่ กอดเคียงหมอน ทิ้งให้เรานอน ระกำ รอย ไถเอย ข้าเคยไถถาก เดี๋ยวนี้ เจ้ามา คิดจาก ฝากให้ เป็นรอย ไถช้ำ เปลี่ยนรอย ไถใหม่ ทิ้งรอย ไถเก่า ระกำ อกใคร ใครบ้าง ไม่ช้ำ เมื่อยาม เห็นรอย ไถแปร ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย...
6 เมษายน 2551 13:28 น. - comment id 837221
แด่ คุณพุด ชอบภาพสวยมากค่ะ ชอบดูท้องทุ่งนา เพลิดเพลินพักผ่อนสายตาดีค่ะ เดาจากเพลงที่นำมาประกอบ คิดว่าอายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่าหลักสี่ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพที่มาให้ชมค่ะ
6 เมษายน 2551 14:03 น. - comment id 837230
คุณไหมแก้ว สีฟ้าคราม นามปากกาที่แสนเก๋ แสนหวานมากค่ะ พี่พุด เพิ่งกลับจากการเดินทางล่องใต้มาค่ะ และ.. มีโอกาสได้สัมผัสเส้นทางสายรุ้งสู่ทุ่งข้าว พราวดวงดอกตะแบกฟ้อนอ้อนสายลมริมทาง ที่กำลังพร่างด้วยพรายฝนพรำ ได้เดินทางสู่ด่านสิงขร ไปเดินอรชรดูเนินผาที่ชั่วพริบตาไม่กี่ก้าวก็ จักพาเราไปสู่แดนดินพม่า เพื่อนบ้าน ไปดูพรรณพืชป่าที่ชาวบ้านนำมาขาย อย่างน่าเสียดาย เสียใจ เพราะกลัวพงไพรจะหมดสิ้นเสน่ห์ไป ด้วยน้ำมือกิเลสมวลมนุษย์ ผู้มิรู้หยุดยั้งการทำลาย สายโซ่วัฏฏธรรมชาติค่ะ พี่พุด แลเห็นทุ่งข้าวเขียวขจี ด้วยดวงชีวีที่แสนเงียบงาม จากบ้านภายในใจดวงละมุนละม่อม ที่น้อมรับความเป็นธรรมชาติ รักธรรมชาติมาแต่อ้อนแต่ออกค่ะ มีหลากเรื่องราว ที่ยังรอเวลาถ่ายทอด เช่นดงดอกลั่นทมพราวหลากสีสันพรรณรายเคียงหาดทรายเนียนนุ่มนาม*นวกร * และ.... ทิวสนนับร้อยปีที่พลีปลิดใบร่วงควงหล่น จนกลานเป็นผืนพรมสีน้ำตาลนวลนุ่มเท้าค่ะ ยามก้าวเดิน ไม่นับน้ำทะเลสวย สีมรกต ที่แสนงดงาม ยามพี่พุด นำอังคารคุณพ่อไปลอย ให้จิตวิญญาณคุรพ่อไปสถิต ทอดยังบ้านเกาะบ้านเกิดอันแสน รักแสนสวยราวสรวงสวรรค์ค่ะ และ.. สำหรับอายุพี่พุดนั้น จักเท่าไรไม่สำคัญดอกค่ะ วัยวันคงมิอาจผันแปรอัญมณีจิตดวงนี้ ที่จัก รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ และ... เพียรเมตตา ปันพลี ปันดี แด่ทุกดวงใจ ในถนนสายฝันสายดวงดอกไม้งาม ไปตราบชั่วกาล ตราบจนกว่าดวงชีวันจะมอดดับ ลับลาไปกับสายแสงตะวันสุดท้ายยาม หมดเพรงบุญค่ะ บทเพลงคุณจำรัส เศวตาภรณ์ เป็นบทเพลงอันยิ่งใหญ่งดงาม เป็นนิรันดร์รักค่ะ เพื่อนรุ่นน้องพี่พุด*ลำน้ำน่าน* กับพี่พุดฟังกันมาหลายปี ก่อนถึงวันนี้ ที่กลายเป็นบทเพลงอมตะนิรันดร์กาล แล้วละคะ ขอบคุณ และแสนซาบซึ้งใจมากค่ะ ที่เข้ามาเยือนถึงเรือนรักแห่งพี่พุดนะคะ
6 เมษายน 2551 18:22 น. - comment id 837244
งดงามกวีในวิถีชนบท ในรูปแบบของคุณพุด สาวบ้านนา อย่างเสมอต้นเสมอปลาย บทเพลงทีเลือกนำเนื้อเพลงมาใส่ เท่าที่ดูมากับงานกลอนของคุณพุด ผมรู้จักเกือบทั้งหมด อารมณ์คงจะคล้ายๆกัน ภาพทุ่งหญ้า ทุ่งข้าว สวยมาก เป็นภาพที่เพลินตา ดูมีชีวิต ผมรักภาพเหล่านี้จัง แต่กลับไม่รู้สึกแบบนี้กับทะเล ผมไม่ชอบมัน ทั้งๆที่อยู่เกาะพะงันเกือบ ๘ เดือนแล้ว หาดท้องนายปานน้อยก็สงบดี แต่ความรู้สึกสดชื่นไม่มีเหมือนมองทุ่งข้าว ขอให้มีความสุขครับ
6 เมษายน 2551 19:20 น. - comment id 837258
แปลกใจค่ะ ที่ทราบว่าคุณฤทธิ์อยู่ที่พะงัน มานานถึงแปดเดือน จริงๆพะงันมีความงดงาม ทั้งทะเลและป่าฝนนะคะ ลองเข้าไปเที่ยวในพงไพรพะงันดูสิคะ พุดรจนางาน เกี่ยวกับความงามของพะงันไว้ คงนับได้เป็นร้อยเรื่องเรียง ที่มีฉากฝันพะงันงามแกม แถมให้ทุกดวงใจพบสุขสงบงามเงียบค่ะ เช่น.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64192.html กระท่อมรจนากลางป่าฝน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem49748.html มังกรรอนภิรมย์ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem49612.html ปลายฝนต้นหนาวกับทุ่งข้าวแห่งความฝัน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem41827.html แม่ดอกผักบุ้งทะเล และ.. ยินดีพลีเรื่องนี้แด่คุณฤทธิ์นะคะ ................................... แม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song273.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song138.html (ที่รัก) *กล้วยไม้* เป็นสาวบ้านป่าบ้านไพร เกิดมาในป่าเขาลำเนาไพร กับหัวใจดวงละมุนละม่อม.. หอมด้วยดวงดอกความดีที่แสนพิเศษพิสุทธิ์ ที่ตามติดเป็นเนื้อนาบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ให้ดวงใจแสนอ่อนหวาน งามไสวสว่างราวดวงดอกไม้สวรรค์ และ มาตรแม้นว่า... ร่างจะเหว่ว้าอ้างว้างดายเดียว เพราะเหลียวไปไม่มีใคร..ไม่พบใคร.. ในครอบครัวแล้วก็ตาม แต่.. กล้วยไม้ไพรดอกนี้ ก็แสนโชคดีนัก.. ที่ยังมีพ่อ..สุดที่รัก คอยดูแล ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างดี ในยามเยาว์วัย ก่อนที่ท่านจะขอพรากลาไปทำใจใสสงบ ไปพบงามเงียบวางว่างห่างอาวรณ์ในร่มธรรม ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ด้วยท่านหวังคิดจะดับรัก หักอาลัย ยอดหญิงในดวงใจ แม่ของ*กล้วยไม้*. ที่มาด่วนพรากลาไป..ตราบชั่วนิจนิรันดร ก่อนถึงวัยอันสมควร และ เมื่อ..กล้วยไม้ไพร ได้เติบใหญ่อย่างงามพร้อม สาวน้อยละอออ่อนที่ท่านถนอมนวลมาด้วยห่วงหวง ดั่งดวงใจ ท่านได้ พิจารณาไกลและ รู้เย็นเห็นว่าจักครองชีวิตนี้ ได้อย่างงามงดแล้ว จึงได้มอบมรดก...ผืนดิน ที่แผ้วถางและ ปรับที่ทางที่มีมากมายหลายร้อยไร่ ลงผลหมากรากไม้ พร้อมเกี่ยวเก็บไว้ให้เลี้ยงชีพชอบ หากรู้จักใช้ชีวิต อย่างสมถะพอเพียงเพียงพอก็จะไม่ลำบาก ณ.. หุบเขานั้น ดั่งไพรรกโตรกธาร ลดหลั่นละไล่กันไป มีทั้งที่ราบลาดหลั่น ไล่ระนาบลงสู่ลำธาร สายสวยสายหวาน ที่ค่อยๆระรินเทสายน้ำ งามราวแพรไหมสีขาวสกาวพฤกษ์ แล้ว ไหนยังจะได้ประโยชน์ ช่วยในงานการเกษตร ในที่ดินยังมี หินงามหินธรรมชาติราวแผ่นผากว้าง ที่ไว้นอนอ้างว้างนับดาวเดือนดวงโต ที่ราวกระด้งฝัดข้าว และกับหวานพราวสุกใสสกาว ด้วย ดาวพรายพร่างนับพัน ในอ้อมฝันอ้อมฟ้า ให้อ้อมใจลืมเหว่ว้า สักเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ก็แสนดีแสนงามพอแล้ว ให้ห้องหอมห้วงหัวใจ ได้รับหวานระริน จากดวงดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร ที่โชยกลิ่นระรินร่ำ ทุกค่ำคืนแม้นไร้ใคร แม้นมีเพียงสุนัขไทยแสนรู้พันธุ์บางแก้ว ชื่อเจ้าสิงโตเป็นดั่งเพื่อนใจผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดี พร้อมพลีพิทักษ์เจ้านายสาวอย่างรู้ใจ อย่างแสนดุ กับทุกผู้ที่คิดจะบุกรุก..ทั้งบ้าน..ใจ.. ก็พอแล้ว และอีกทั้ง กับมรดก กระท่อมทับปีกไม้ลายสวย.. ที่พ่อคนดี ใช้เวลานานมาก... นับเป็นปีปี ที่ค่อยๆเลื่อยไม้ป่า ที่หักรานถอนรากถอนโคนลงมาเอง ค่อยค่อยนำมาเก็บไว้ และค่อยๆลงมือวาดแปลน สำหรับกระท่อมแห่งความฝันหลังงาม ที่ ตั้งใจสร้างอย่างพิถีพิถันแนบเนียน เพียงเพื่อ *อุทิศแด่ใครคนหนึ่งคนเดียว ที่เกี่ยวเกาะกระจ่างสว่างนะกลางใจ และจะเป็นดั่งดวงดอกขวัญ เป็นหอมหวานแห่งความทรงจำ ตราบชั่วนิจนิรันดร* ซึ่งพ่อเคยบอก ให้*กล้วยไม้*ได้รับรู้ว่า *คือคำมั่นสัญญารักของพ่อที่มีต่อแม่* เหมือนกับชาล์สที่สร้างกระท่อม ท่ามกลางทะเลสาบสีเงินงามให้ภรรยา* ในชุดเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่* ที่ทั้งแม่พ่อชอบอ่านด้วยกันอย่างไหลหลง ในมนต์เสน่หาป่าไพร การรู้จักต่อสู้บุกเบิกแผ้วถาง พลิกสร้างผืนดินอย่างหาญกล้า และ เป็นรื่องวิถีงามแห่งการผจญไพรผจญภัย ที่แสนยิ่งใหญ่เสียไม่มี ในสมัยที่ป่าใหญ่ในอเมริกา ยังอุดมและเต็มไปด้วยอินเดียนแดง เป็นวิถีงามง่ายแสนอบอุ่นเป็นสุขกับครอบครัว กับไพรกว้างมิร้างรัก กับความรักอันมากมาย ได้มีกันและกันมิอ้างว้าง ภายในวิมานกระท่อมน้อย กับป่าอันสงบสุขเงียบงามนิ่งงัน ราวสรรค์ไพร สวรรค์ใจ และ อาศัยพ่อ..เคยเป็นครู และมีหนังสือให้อ่านมากมาย จึงคิดอะไรไม่เหมือนใครไม่เหมือนชาวบ้าน ที่สร้างกระท่อมในดวงใจหลังนี้เสร็จแล้ว กลายกลับไปละม้าย คล้ายสไตล์อิงลิชคันทรี่ที่งามน่ารักนัก ที่ฝรั่งบางคนแวะผ่านมาทายทักด้วยตะลึงหลง และงงงันกับหลายสิ่งอันรายรอบงามด้วย เช่นบึงบัวบานพราวอวดดอกไสวใกล้ลุ่มธารธรรมชาติ ที่พ่อหว่านกอบัวสายพรายพันธุ์พร่างไว้อย่างงาม ให้แตกกออวดช่อดอกโผล่พ้นน้ำ...โผล่เหนือน้ำ ไว้ให้*กล้วยไม้* ใช้เรือลำน้อยค่อยค่อยพายเด็ดทั้งสายบัว และดอกบัวตูมบัวบานที่หวานแย้มยั่วมวลหมู่ภมร ที่ร่อนภิรมย์ราวกับบทเพลง ทั้งในยามรอนแสงตะวัน และในยามอรุณรุ่ง ที่จะนำไปพับจับจีบ ด้วยใจละไมละมุน ไปบูชาหลวงพ่อในโบสถ์.. กับบนหิ้งบูชาที่บ้านวิมานดินวิมานไพร ในยามช่วงคืนที่แสนงาม ยามจันทร์อิ่มดวงเต็มดวง และกับคืนใสฟ้าสวย ด้วยดวงดาวพราวฟ้าสุกสกาว ในราตรีฝัน ที่พ่อชอบสีไวโอลิน ฝากม่านมนต์เพลงเสน่หา สู่ปลายฟ้าไกล ราวอยากให้ใครสักคน ได้ฟังฝากฝังใจถึงใจสู่สวรรค์ไกล ผ่านทางช้างเผือกโค้งคุ้ง ราวเรียวรุ้งแสนรักแสนหวานที่เฝ้ารอ บทเพลงเก่า หากเกี่ยวใจให้*กล้วยไม้ไพร* ตั้งแต่ยังเป็นเพียงดวงดอกเยาว์นี้.. ได้แสนซาบซึ้งตรึงใจเป็นยิ่งนัก ในงามค่าคำรักงามภักด์พลี ที่น้ำตากล้วยไม้นี้ จะละหลั่งรินสังเวยทันที ที่ได้ยินได้ฟังแทบทุกครั้งครา กับละออใจในบทเพลงลาวดวงเดือน หรือไม่ก็เสียงขลุ่ยพ้อคลอแมกไม้สายลม ผ่านไผ่พลิ้วละลิ่วล่อง ท่องไปกับสายธารหวานระริน มิยอมสิ้น..ยอมขาด.. สายใจสายใยรัก สายสวาท สายเสน่หาแห่งดวงใจรัก ฝากภักดิ์พลีภักดีใจ และ นี่คือ..วิถีใจอันละไมละมุน ที่สาวงามนาม*กล้วยไม้* ได้ใช้ดำรงใจร่างและพลีจิตวิญญาณรัก หากจักเป็นนิรันดร์ในหวานงาม แห่งความทรงจำในอดีต และ กับปัจจุบัน กลางหุบไพรพะงันอันลี้ลับ ที่ยังคงมีป่าดงดิบอุดมร่มครึ้มนับแสนไร่ ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สูงใหญ่หลายคนโอบรอบ สูงละลิ่วเทียมทิวทิพย์เมฆ ราวป่าเรดวูดในรัฐแคลิฟอเนียร์ ที่ยังมีไม้ยางใหญ่ผิวเปลือกขาวพราวชมพู ไม้สักทอง ไม้แดง ไม้เต็งรัง และไม้ที่ยังหายากมากมี ไล่ลดหลั่นซ้อนซับสลับสล้างพร่างไพร ไสวสดชื่นไปทั้งราวป่า ทั้งเขียวแก่เขียวไพลเขียวใสอมน้ำตาล เขียวพร่างอมเหลืองทองละออละออง ทอทอดสอดก่ายเกี่ยวสลับกับเถาวัลย์พันเลื้อย จนแทบไม่เห็นดาวเดือน และยังมีสัตว์ป่ามากมายนานาชนิด ทั้งหมูป่า กวางป่า ลิง ค่าง บางชะนี กระแตกระรอกชะมด..มากมีมายนัก รวมทั้งนกไพรนานา มีทั้งนกเอี้ยงสีน้ำตาลปากเหลือง นกขุนทอง นกแซงแซว นกแก้วป่าสีเขียวมรกตหากทว่าปากสีส้มอมพู และที่น่าอัศจรรย์คือ ป่านี้นั้นเคยมีนกเงือก พญานกสีดำ ปีกคาดดำคาดขาวเหลือง หางสีขาวคาดดำ โดดเด่นตรงปากสีเหลืองอมส้มโง้งงอ และ ที่ว่าเหลือจะมหัศจรรย์คือ นกประเภทนี้นั้นชอบป่าดงดิบที่ยังอุดมสมบรูณ์ บางคราจะพากันมาจิก*ลูกมะเดื่อ*หลากสี เขียวอมส้มอมเหลืองอมแดง ที่ผลคล้ายแอปเปิ๊ลหากขนาดเล็กกว่า ที่คงจะหวานหอมอร่อยล้ำ พาให้นกแทบทุกพันธุ์มา สถิตจิกกินอย่างเอมอิ่มโอชารส และบางทีก็ยังมีต้นหว้าสูงหลายสิบเมตร ที่ออกลูกสีดำระดะดกไปทั้งต้น พาให้ทั้งคนและนกปากดำปี๋เสียไม่มียามลองลิ้ม และ เคยมี*คนเก่าคนแก่*เล่าว่า ป่าดงดิบอันแสนงามนั้น หากคนโบร่ำโบราณเดินป่าเข้าไป แค่ยามบ่ายเพียงนั้น พลันต้องหยุดหาร่มไม้บังหรือกระท่อมไม้ให้ร่ม เนื่องจาก ป่าดงดิบแสนชื้น จะทำให้เกิดน้ำค้างพร่างสายราวฝนตกเลยทีเดียว.. นะบัดนี้จากป่าอุดมสมบูรณ์แสนดี ที่มากมีมากมายดอกไม้ป่าหวานระริน กล้วยไม้ไพรน่าถวิลสีม่วงละมุนกรุ่นกลิ่นหอม บานพร้อมกันทีนับร้อยนับพันเหนือกลีบใบสีเขียวสด ที่ขึ้นตามโขดหินหรือเหนือปุ่มปมรากไม้ ไหนยังมีกล้วยไม้ ที่พลีสีเหลืองทองสดอร่ามงามอวบอิ่มขนาดเท่าฝ่ามือ และบางพันธุ์ที่คนภายนอกบอกว่าเหมือนกันกับพันธุ์ อ้อยช้างที่มากมีในป่าเมืองกาจญ์ และพันธุที่คล้ายว่าน..ที่คนเกาะเรียกว่า*พันธุ์เพชรหึง* ที่เป็นงามกล้วยไม้ดอกใหญ่ที่สุดในโลก ที่มากมีบนลานหินและคาคบไม้ จนอยากเรียกนามว่า *มงกุฏไพร* ที่มีกลิ่นหอมสะพรั่งรินออกดอกละลานตา และผสานงามอย่างมิรู้ซึ้งซา ราวจากหลายช่อรวงบุปผาสุมาลีหลากพันธุ์ ทั้งมะลิที่หอมเย็น ทั้งกุหลาบที่หอมหวาน ทั้งจากหอมรานร้าวเจ้ากระดังงา ทั้งหอมแบบอ้อยช้างที่แสนตราตรึงในรู้สึก และลำต้นมีลักษณะอวบอิ่ม ความสูงราวสามเมตรใบสีเขียวมรกต ยื่นยาวออกจากลำต้นทั้งสองด้านราวห้าสิบเซนต์ และจะแตกก้านดอกเฉียงออกไป ในอากาศยาวราวสามเมตร แต่ละช่อดอกจะประกอบด้วย ดวงดอกพราวะละมุนม่วง ไม่น้อยกว่า แปดสิบถึงร้อยดอก แต่ละกลีบดอกจะตูมแฉกแหวกพรายดอก ออกอวดอวบอิ่มเอมอีกห้ากลีบ และ ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ที่ราวกับเป็นความทรงจำอันหวานหอมตระการ ที่*กล้วยไม้ไพร*ดวงดอกนี้ ถูกหล่อหลอมให้รู้หอมงามซึ้งค่า ได้ซึมซึ้งตรึงซับรับรู้ ก็จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ และที่สำคัญคือ จากการยินดีพลีเปิดให้ นวลเนื้อใจไหวงามนี้ ที่แสนรักผืนดินเกิด หุบเขาไพรพะงันได้รับรู้รับทราบ ว่ายังคงมี ป่างามอุดม แม้นจะผ่านฝันร้าย ทีมากคนมากหลายได้โค่นไม้ มาสร้างบ้านเรือนหมดไปเกือบสามหมี่นไร่ไปแล้ว แต่ ก็ยังมีไม้ไพรอันสมบูรณ์ดี ที่ยังมีโชคถูกรัฐไหวทันอนุรักษ์ไว้ทันการณ์ ให้เป็นเขตหวงห้าม*อุทยานแห่งชาติ* ที่ใครมิบังอาจรุกล้ำได้แบบคดีที่ดินสปก แบบที่เกาะภูเก็ต ที่ตอกย้ำให้หันมาเผชิญหน้ากันกับคำว่านายทุน และเหล่าเหลือบผลประโยชน์ ที่แฝงฝังในวงราชการ และ หุบเขาไพรพะงัน ภูผาแห่งความฝัน พันธุ์ไม้ไพรนานาพรรณ กล้วยไม้ไพรนานามี ก็เลยยังเหลือยังมีซ่อนละอองาม *ราวอัญมณีไพรอัญมณีใจ*ในสภาพ อันอุดมที่ยังคงเหลือน้อย ให้ทอยทอดตัวลดหลั่นคดเคี้ยวเลี้ยวซ้อนซับสลับสล้าง ราวมังกรกลางเกาะ..ราวผู้พิทักษ์..เพื่อนรักษ์ผืนไพร ไว้กลางใจกลางเกาะให้ยาวนานยาวยืน และ ชีวิตสาวไพร นาม*กล้วยไม้* ก็ยังจักดำเนินต่อไป ฝ่ากระแสโลก ที่บ่าโหมเชี่ยวกราก มาฝากรอยร้าวไว้ให้ทั้งกายและใจคน ที่ต้องผจญกับคำว่า..กิเลสเงิน..กิเลส โลกย์..โลกาภิวัฒน์..ที่จะวิบัติ หรือแสนดีแสนงาม ก็คงต้องอาศัยใจดวงดีจิตวิญญาณดวงงาม รู้รักษ์รู้ถนอมสืบทอดไป..สืบต่อไป *กล้วยไม้*.. จึงจำใช้วิจารณญาณตามรอยเท้าพ่อ เพียรใช้สมองสองมือ แผ้วถางทางต่อไป..ในเส้นทางที่งามที่ควร พยายามสวนกระแส..หันมาใช้ชีวิตดิบเดิม เป็นเกษตรกรทำการเกษตรกรรม ลงผลไม้หลากพันธุ์มากมี เช่นเงาะ มะม่วง ลางสาด ทุเรียน มังคุด กระท้อน ละมุด ชมพู่ ฝรั่งพันธุ์เนื้อหวานสีชมพู กล้วยมะละกอ และอีกมากมายมากมี ทั้งแปลงผักนานาพรรณ ที่รุ่นพี่เกษตรกรอำเภอ ที่จบมาจากแม่โจ้คนเก่งมากประสบการณ์ ได้ให้คำแนะนำและให้พันธุ์มาทดลอง และทั้ง ดอกไม้หลากสี ที่สามารถทำเงินได้งาม มีกุหลาบ..บานชื่น..หน้าวัวดอกยักษ์ และ แม้กระทั่งกับดอกบัว ที่ตัดส่งขายตามบังกาโลว์และรีสอร์ทแทบไม่ทันความต้องการ เพราะ ผักผลไม้*ในไร่กล้วยไม้ไพร* ใครใครยอมรับและเชื่อถือว่าไร้สารพิษ และเพราะในวันนี้ ไม่มีใครหันมาทำอาชีพเกษตรกรกันแล้ว ทุกคนมีร้านรวงสวยงาม ขายเหล้าขายเบียร์ขายกาแฟ มีร้านเนตมากมาย ให้นักท่องเที่ยวคนต่างชาติวาดฝันใช้ติดต่อกัน แค่คลิ๊กมือเดียว... และ ทุกดวงใจ....ทุกใครๆ ได้ก้าวล่วงล้ำผ่านรั้วไม้ไผ่พลิ้วไหว ที่กำลังระบัดใบไกวกิ่งก้านกอเป็นแนวยาว เข้ามาในอาณาเขต*ผืนดินแห่งฝัน* ราวสวรรค์ไพรนี้ ก็พลันราวกำลังจะหลุดโลก ลอยเหนือโลก หรือไม่ก็ราวค้นพบโลกอีกโลกหนึ่ง ที่แสนอัศจรรย์ราวกับฝันไปในงามเงียบสงบสุข ทุกรักทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักอุทานกันเป็นเสียงเดียวว่า *พาราไดซ์ ๆ* ที่ถึงแม้นสาว*กล้วยไม้*แสนดีใจ แต่ก็กลับกังวล กับกระแสโลกและสังคมการท่องเที่ยว ที่เกี่ยวพันพากันรุกล้ำรุกรานเข้ามา ราวไล่ล่าพรหมจรรย์ก็มิปาน ใจ*กล้วยไม้.*.ซึ่งแสนรักเกาะมหัศจรรย์นี้ ที่ยังมีฝันงามบรรเจิด ราวสวรรค์หวานประทานพรให้มา และแม้นจะถึงกับเหว่ว้าสักเพียงใด ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป *กล้วยไม้*.. ผูกพันกับผืนป่ากลางไพรพะงันนี้มาก ด้วยตั้งแต่ยามเยาว์ ที่ได้เห็นสองมือพ่อผู้กร้านกล้า พร้อมหยาดเหงื่อหยดแล้วหยาดเล่า ได้เฝ้าเพียรแผ้วถาง และเพียรคงไว้.. ให้ยังมีไม้ใหญ่อายุนับร้อยๆปี อย่างรู้คุณค่า พยายามสร้างป่าให้ยิ่งหอมงาม ด้วยดอกดวงพวงพะยอมนานา และด้วยพืชผักผลไม้มากมี ที่ใช้เลี้ยงชีวีชอบได้อย่างพอเพียงเพียงพอ และ พลันไม่นานนี้ ที่ทางการออกหมายเวนคืน ขอสร้างทางเลียบลัดเลาะหุบเขาลง ตรงไปยังอีกชายฝั่งฝัน ที่มีริมเรียวหาดกว้างเคยไร้ร้างผู้คน หาดทรายขาวราวไร้แปดเปื้อน มีเพียงทรายงามปรายปน ราวนวลเนื้อแป้ง ยามสัมผัสให้ได้หยุ่นเท้าบางเบาราวปุยนุ่น ถนน..ที่มีเหตุผล เพื่อเฝ้ารองรับกระแสนักท่องเที่ยว ที่ต้องใช้เส้นทางวิบาก มิสะดวกสบายมากรายกล้ำ.. *กล้วยไม้ไพร* ใจจึงหวั่นหวั่น มิใช่หวั่นเพราะต้องสละผืนดินงามละออฝันมา แต่อ้อนแต่ออกให้แก่รัฐ เพื่อเป็นทางสาธารณประโยชน์ หากทว่ากลัวการคอรัปชั่นเสียละมากกว่า ที่เจ้าที่รัฐนั้นอาจจะนำที่ดินไปออกโฉนดเสียเอง มิเกรงใคร เพียงเพื่อขายนายทุน ที่เห็นมานักต่อนักแล้ว แล้ว..จะให้ หัวใจ*กล้วยไม้ไพร* ที่หอมใสหอมซื่อดวงนี้..ทำไงได้ จะต้องใช้ปัญญา วิทยายุทธิ์ไหน มาต้านกระแสอำนาจรัฐ นอกจากได้แต่สวดมนต์ภาวนา ให้วิญญาณหลวงพ่อในโบสถ์ ได้โปรดช่วยปกปักรักษาให้ผืนดินเกิด ได้เอื้อประโยชน์ ในทางที่ถูกที่ควรด้วยเถิด บางครั้ง หัวใจ*กล้วยไม้* ก็คิดได้ ก็คิดดี หัวใจดวงดี พยายามบอกรู้หักห้ามอย่าคิดมาก เหมือนคำหลวงพ่อเทศน์โปรดทุกวันพระ ให้รู้ทำใจ ละวาง ปลดปล่อยว่าง วางทุกอย่าง อย่าไปหลงยึดติดยึดมั่น ตามโลกให้ทัน ดับใจให้ดีเมื่อมีไฟ หรือขยะคนมากมายมากมีมากวนกิเลสใจ ชีวีชีวิต*กล้วยไม้* จึงแค่ใช้ชีวิตไปวันวันอย่างเรียบง่าย ใช้เวลาแทบทุกอรุณรุ่ง ลุกขึ้นมาพร้อมดาวประจำเมืองเรืองรุ่งประจำใจ กับพร่างหอมดอกไม้ไพร ให้ดอกไม้ใจเบ่งบาน บางย่ำรุ่ง ก็เปิดเพลงลูกทุ่งเนื้อหางามใจฟัง ให้นวลเนื้อใจไหวระริกรับระรินในถ้อยระยิบงาม ในถ้อยความถ้อยภาษา ที่ฝากตรงไปตรงมาแสนงามใจ และ ก่อนที่หลวงพ่อจะสิ้น *กล้วยไม้* มีหน้าที่ไปวัดทุกวันถวายข้าวพระ จึงต้องลุกขึ้นไปตักน้ำเก็บผัก เดินแหวกหวานผ่านดงดวงดอกไม้ ผ่านเรียวร่องท้องนาสะพรั่ง ดั่งผืนผ้าไหมสีทองกำลังโบกสะบัด และในบางคราผ่านฤดูกาลใกล้เกี่ยวเก็บ กับรวงเรียวห้อยย้อยคล้อยหนักแทบเคลียดิน ที่เป็นเส้นทางเรียบง่าย พร้อมเจ้าสิงโตคู่กายเคียงใจ มิเคยเกรงกลัวใครทำร้าย เพราะ *กล้วยไม้*ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพียงพอมานานวันจนชาชินจนชินชา และสามารถยังชีพชอบ ได้ด้วยผลไม้รายรอบกระท่อม ที่สลับกันออกผลให้ตลอดฤดูกาล แล้วยังมี รุ่นพี่คนดีคนนั้นยังเฝ้าสอน ให้ลงพันธุ์ไม้ไทยหอมๆพร่าง เช่นโมกจำปีจำปาปาการะเวก ลีลาวดีหรือลั่นทม ทองกวาวชัยพฤกษ์ ลำดวนดง และมากมายนานาพันธุ์ ให้สวนขวัญไร่หอมได้ หอมพรั่งระรินพร่างขจรขจายไกล บางครั้ง *กล้วยไม้*ก็แสนภูมิใจปลี้มใจ เมื่อ.. ได้ยินเพื่อนผู้ปรารถนาดีมาเล่าให้ฟังว่า กล้วยไม้ไพรดอกนี้นั้นถูกกล่าวขวัญว่า ชูช่อได้ละออขวัญละออตาได้งามสง่า งามพิสุทธิ์แม้นอยู่แดนดงในพงไพร ด้วยงามดวงใจใสเย็นเป็นผู้ให้ ทั้งกับสังคมและคนรายรอบข้างอย่างโอบเอื้อเฟื้อ ใช่แล้ว *กล้วยไม้*คิด ราวชีวิตอยากชดเชยระทมโลก ที่หยิบยื่นโชคร้าย ที่สิ้นไร้ใครไม่มีแม่พ่อ ต้องเรียนรู้กล้าสู้โลกเพียงลำพัง ต้องรู้จักยืดหยุ่นรู้ทันเท่ากระแสโลก มิโศกรานมิโศกนาน รู้หักห้ามใจ ไม่เพ้อบ้าหาเงินมิงาม คล้อยตามคล้ายบางคนบางใครมากมาย ที่มากร้ายกิเลสแห่งความอยาก มากมีอยากๆตามๆกันไปในเกาะนี้ ที่คิดหลงผิดหลงพลาดยอมเป็นทาสเงิน ขายยาเสพติดมอมเมาเยาวชนและพวกพ้องไทยกันเอง จนต้องติดคุกไปตราบชั่วชีวาชีวิต *กล้วยไม้ไพร*ดอกนี้ จึงหวังผลิเพียงดอกละออช่องามงาม ฝากนิยาม*ให้*หากมีโอกาส แด่ ทุกผู้คนจากกมลละไม ไม่ว่าจะเป็นการให้คำสอนกำลังใจพลังใจ เพื่อปลุกปลอบประโลมใจ ก็พร้อมก็ยินดียอมพลีทำ..กับคนรอบข้าง ที่อาจจะยังหลงในทะเลโลกย์ทะเลรัก ไร้ฝั่งฝันเป็นที่พึ่งพิงพักใจ ยังพาโศกใจอ้างว้างเสียยิ่งกว่า ฉะนั้น ทุกวันนี้ ชีวีชีวิต*กล้วยไม้* จึงงามพรายหอมดอกดวงด้วยฉะนี้ และ มานะวันนี้ หลังจากที่ *กล้วยไม้* หุงข้าวหอมข้าวไร่แล้วโรยด้วยงามดอกมะลิ ที่หอมหวานหว่านเอง ใส่ขันเงินวะวาววับไปวัด และ จัดพับกลีบดอกบัวงามอย่างละเมียดละมุนใจ กับหอมกรุ่นของกับข้าว และจัดผลไม้ไทยหลากพรรณ ที่ไปเด็ดเดี๋ยวนั้น และพลันพาไปฝากให้สายน้ำจากลำธารฉ่ำเย็น ให้ไหลผ่านจนสดฉ่ำน่าลิ้มรสกรอบอันโอชารส เพื่อน้อมนำไปถวายบูชา พร้อมด้วยงามใจเป็นดั่งพุทธบูชา และ กลับมารอเวลา.. ที่วันนี้ พี่เกษตรกรอำเภอคนดีที่นับถือ ที่แสนดีมากมีน้ำใจคอยช่วยเหลือแนะนำ บอกว่า จะมีผู้ชายสองคน หนึ่งไทย..หนุ่มไทยชื่อมังกร ที่ยอมเป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้ หนึ่งฝรั่ง.. ซึ่งกำลังศึกษาพันธุกรรม ดอกกล้วยไม้ป่าที่แสนหายาก ในป่าดงดิบแบบ ที่ได้ยินได้ฟังว่ายังมีหลงเหลือนะที่แห่งนี่ ที่กลางหุบไพรพะงันเพียงแห่งเดียว และ เป็นอาณาบริเวณที่*กล้วยไม้*เป็นเจ้าของ เขาขอเพียงมาดูและหากเป็นไปได้ อยากเก็บไปทดลองเผยแพร่พันธุ์ อันหอมหวาน*ราวไม้สวรรค์* อันนับวันจะหายากยิ่งนัก และจักเป็นประโยชน์ กับวงการน้ำหอมอย่างมากมหาศาล *กล้วยไม้* จึงยินดี และพร้อมที่จะพาไปยังดินแดนลี้ลับมหัศจรรย์นี้ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก และ ที่*กล้วยไม้*โชคดีได้รู้จักสถานที่ในดวงใจ นะแห่งนี้ดียิ่งกว่าใครในละแวกนี้ก็เพราะ *พ่อคนดี*เคยนำทางไปหลายครั้งหลายหน ช่วงเวลาที่รอ กล้วยไม้รีบพาร่าง แหวกวงล้อมหอมกอข้าว ที่กำลังออกรวงพราวกับพยอมไพร ไประเริงสายน้ำเล่น เพื่อรอเวลานัด และทุกครา ที่ได้ลงมาอาบฉ่ำระร่ำริน ในสายธารแสนหวานสวยใส ให้ค่อยๆไหลผ่านร่าง ช่างเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษ ราวได้ปลดปล่อยร่าง ราวนางไม้นางไพรระเริงรมย์ ชื่นชมชื่นฉ่ำใจกับงามธารน้ำใสไหลเย็นนี้ ที่ราวเป็นเพื่อนใจให้มาพิงพักใจในทุกทิวาราตรี *กล้วยไม้* นอนนิ่งๆ ดูดวงดอกจิกปลิดปลิวละลิ่วลอย หว่านหวานพร่างพรายละออละอองเกสร เรียวนัยน์ตา พาเห็นดวงดอกกระจิ๊ดกระจ้อย ราวพวงชมพูดอกน้อยน้อยลอยควะคว้าง ลงกลางลำธารและร่างงามของตัวเอง ตะวันทอแสงอ่อนอุ่น ราวแสงทองทอทอด ลอดแมกไม้ใกล้ชายชล ให้กมลระรินรับเงียบงาม กับกรวดทรายในท้องละหาน ที่เกิดประกายสะท้อนวะวาววับ ราวกับเพชรพร่างกลางสายธารแห่งรัก *กล้วยไม้ไพร* หลับตาพักใจ มีเพียง*เจ้าสิงโต*ทิ้งตัวเป็นผู้พิทักษ์..นอนเงียบรอริมตลิ่ง ยิ้มและแย้ม เมื่อคิดถึงนิยายรักนักผจญไพรบางเรื่อง ที่เคยอ่านแล้วประเทืองประทับใจ จนบางคราเมื่อหัวใจว่างร้างไร้ใคร มักคิดฝันให้มีพระเอกสักคนมาโผล่พลัน! และ ก่อนที่จะทันหยุดฝัน! ก็บังเกิดมหัศจรรย์รัก..พลันจริง *กล้วยไม้* ได้ยินเสียงกระแอมกระไอ คล้ายเตือนให้*กล้วยไม้*ได้รู้ตัว และให้ทันไหวตัวร้องห้ามเจ้าสิงโต ที่ร้องเสียงดังเห่าขรมใส่ชายแปลกหน้าสองคน ที่หยุดยืนอยู่เหนือเนินทรายใกล้ชายธาร และกับร่าง*กล้วยไม้ไพร*ที่สล้างละอองาม ด้วยผ้าถุงที่เปียกน้ำรัดร่างนวลหนั่นแน่น ราวนางไม้นางไพร *กล้วยไม้* ลืมตัวผวายืนขึ้นเหนือน้ำ เพื่อร้องห้ามเจ้าสิงโต และ ทันทีนั้นหัวใจ*กล้วยไม้*ก็พลันแทบหยุดเต้นตาม เมื่อสบตางามกับผู้ชายไทยนัยน์ตาเศร้าสีสนิมเหล็ก ที่ดูราวกำลังวะวาววับ ด้วยพลังบางอย่างที่สว่างวาบไหวราวกระแสใจ ที่ส่งมามีพลังไฟฟ้าดึงดูด ให้กาย*กล้วยไม้*ระริกไหวหวั่นสั่นพลิ้ว ราวกับโลกจะค่อยๆหมุนช้าลงและช้าลง ราวกับจะหยุดหมุน กรุ่นไปด้วยกลิ่นของดวงดอกรักกลีบกุหลาบงาม ที่กำลังพรายพร่างหอมหอมหอมล้อมกายและรายรอบ..ใจดวงงาม...
6 เมษายน 2551 19:27 น. - comment id 837261
หนึ่งในทรวง! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2068.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html จากเจ้าพระยาถึงไพรกว้างมิร้างรัก กี่เศร้าหนักกี่ฝนหนาวกี่ร้าวฝัน กี่ลมร้อนอ้อนดอกไม้พรายพระจันทร์ กี่วสันต์ หว่านสายครวญ หวนหานา..! เก็บภูผาเดียวดายซ่อนไว้ในใจขวัญ เก็บคืนวันเปลี่ยวเหงาใจเหว่ว้า เก็บวัยเยาว์ทอดซึ้งเงากาลเวลา ยามรอนล้าติดปีกฝันพลันสู่ไพร..! ทิวเขาสูงถูกโอบกอดยอดเคลียเมฆ งามราวเสกสรวงหวานปานสายไหม กี่ลมแล้งแกล้งพัดพายุใจ มิหวั่นไหวทายท้าโลกโศกสุขคลาย..! คิดถึงรอยเท้าพ่อรอตามย่ำ ดอกฝนพรำ เรียวรวง เพชรพร่างสาย ภาพผืนนาอาบทองทาหอมพร่างพราย หัวใจร้องไห้กับคืนฝันวันตื้นตัน.. ไผ่เสียดกอ ออดออเซาะ ซัดส่ายไหว สายลมไกวพลิ้วระบัดพัดรวงฝัน ขลุ่ยหวานแว่วแผ่วผ่านทุ่งพ้อผูกพัน เพลงเรียมขวัญเที่ยวท่องล่องตำนาน.. ดวงดอกรักฝากรักร้อยสร้อยสวาท ดอกพุทธชาติวาดวัยเยาว์ซ่อนกลิ่นหวาน พิกุลแกมแก้วเกศหอมชั่วกาล ละอองซ่านหวานดอกหมากฝากมิคลาย.. กล้วยแตกกอคลอรั้วทั่วแนวบ้าน ห้อยหวีหวานสุกงอมหอมไม่หาย มะละกอลูกคลอต้นดกมากมาย ตำลึงพรายเลื้อยพันช่อล้อหลักไพร.. บัวหลากสีคลี่กลีบรับน้ำค้าง อุษาสางพร่างเกสรน้ำค้างใส พายเรือน้อยเด็ดบัวตูมตูมตั้งใจ บนหิ้งใจแทนศรัทธารักจักธำรง.. จุดเทียนทองส่องบูชาหน้าพระพุทธ เงาผ่องผุดจับพระพักตร์งามสูงส่ง กระท่อมน้อยเงียบงามในไพรพง ทั้งแดนดงดนตรีไพรลั่นไพรวัลย์.. กลิ่นข้าวใหม่หอมอวลร่ำกับลมหนาว ใบเตยเคล้าอรุณรุ่งกรุ่นกลิ่นฝัน กระดังงาหอมหวลกับนวลจันทร์ สาวนาพลันซุกซบหมอนนอนหนาวใจ.... กลิ่นฟืนไฟจากก้อนเส้าแตกปะทุ หอมระอุนวลหอมน้ำข้าวใหม่ ตำน้ำพริกแกงเลียงตำลึงไพร แว่ววิหคไพรไก่นาขันกระชั้นมา.. ตัดใบตองรองกระเฌอนำไปวัด จีบบัวจัดดอกไม้เจิมอุษา งามดวงใจนุ่งผ้าถุงเรียบงามตา วันพระมายินเสียงฆ้องเสียงกลองชัย.. เดินเรียงรายผ่านสายธารหวานดอกไม้ วัดใกล้ใกล้เดินขึ้นเขินเนินไศล ในดงไม้เจดีย์ทองโผล่รำไร สวรรค์ไพรใจสาวนาพาอิ่มบุญ.. ชีวิตงามเงียบฟังธรรมล้ำกุศล กลางกมลนิ่งใสน้อมใจหนุน แก้วกระจ่างว่างหัวใจอิ่มเอิบบุญ โลกละมุนใจละไมใฝ่งามธรรม เป็นอดีตที่สาวนารอท่ากลับ โลกลี้ลับราวสวรรค์ฝันเลิศล้ำ ภาพในฝันวันวัยเยาว์เฝ้ารินร่ำ ลืมระกำกรรมเก่าก่อนเพียรสอนใจ สร้างสมาธิ มีปัญญา อย่าหม่นหมอง มิได้ครองหัวใจใครไม่หวั่นไหว ในชาตินี้มิว่าเรามิว่าใคร สุขทุกข์ใจเวียนว่ายชดใช้กรรม.. หวังโซ่กรรมตัดขาดสวาทสิ้น มิถวิลมิไห้หวนทวนวนซ้ำ ถอดหัวใจดวงน้อยน้อยลอยถวายวัดเลิกระกำ สิ้นรักกันทุกทุกชาติสวาทวาย!!! *************** พุดพัดชาเขียนบทนี้ขึ้นมาด้วยแรงฝันบันดาลใจ สองประการ.. จากลำนำบทกวีของลำน้ำน่าน..จากทุ่งนาจรดเมือง..และ.. จากชีวีที่ดิบเดิมติดดินถวิลไพรของพุดพัดชาเอง.. จากคำงามล้ำ..ลำน้ำน่าน..ในที่มา..ว่า.. หลายๆคนที่กำลังคิดถึงบ้านในยามที่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง คงจะเศร้าไม่น้อยสำหรับความรู้สึกนี้ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ช่างเป็นคำโดนใจกระหน่ำใจ.. ที่ตรึงใจจนน่าขอบใจลำน้ำน่าน กวีดีไรท์ได้แน่..จากใจพี่พุดดวงนี้ที่ยินดียกให้นะคะ ผู้ที่รับบทนักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝัน รจนางานงามชมธรรมชาติได้ล้ำเลิศเป็นยิ่งนัก.. ซึ่งมิพักต้องถามก็พอรู้ว่า.. ลูกผู้ชายชาติไพรหัวใจสิงห์ หัวใจทรนง คนนี้นั้น เกิดมาจากเนื้อดินผืนใด เนื้อดวงใจจึงพิสุทธิ์ใสเข้าถึงแก่นกระพี้ผู้ยากไร้ ได้อย่างดิบเดิมถึงแก่นใจเสียนี่กระไร และ... อย่าได้สงสัยเลย... ทำไมพุดพัดชาถึงให้กำลังใจ พลังใจ ในงานงามล้ำนี้อย่างซาบซึ้งถึงแก่นใจเฉกกัน เพราะระหว่างเราสอง..นั้น. เนื้อดิน..ผืนดินเกิด..คงก่อเกิดก่อเกื้อมาจากพงไพร จากลำธารสายใสหวานละไมละมุน หลอมละลายร่างหลอมละลายใจ ให้กลายผ่าน มาเป็นเนื้อใจ เนื้อจิตวิญญาณใกล้เคียงกัน.. อาจจะห่างกันแค่วัยวันและ ผืนดินฝันก็คงแค่ชั่วทะเลกั้น.แค่นั้น..ก็แค่นี้.. พุดพัดชา..ถึง รักงานแนวนี้.. และบอกได้อย่างเต็มปลื้มอย่างเต็มภาคภูมิแทนใจว่า.. นานทีปีหนจะได้พานพบกับคน.. ที่รักงานเขียนในแนวธรรมชาติไพร ได้อย่างถึงแก่นกระพี้ใจ ที่พุดพัดชาอ่านทีไร น้ำตาในดวงใจในดวงตาก็ร่วงก็ริน.. และ. อีกแรงบันดาลใจ... จากชีวิตพุดพัดชาเอง.. ที่เกิดมากับไพรพงพะงัน ที่ใครบางคนฝันและคิดเอาเองว่า.. คงไม่มีทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร ลำธารสวยใส สัตว์ป่านานา..ดวงดอกไม้ในหุบผา.. และที่งามยิ่งกว่าสิ่งใดคือบุหลันราตรี.. ที่ทั่วโลกต่างบินมาชื่นชมโสมนัสจัดปาร์ตี้เริงระบำรับ และ..แน่นอนค่ะ เกาะของพุดพัดชา มีมากกว่าทุกสิ่งที่ว่าเสียอีก ในงามละเอียดละเมียดละมุนไพร เพราะว่าเกาะมหัศจรรย์รักของพุดพัดชานั้น มีทะเลฝัน ทะเลกว้างอยู่ตรงหน้า และอีกด้าน.. ในป่งดงดิบล้ำลึกลึกลับกลับงามเงียบ ด้วยพันธุ์ไม้ร้อนชื้นนานาพรรณ มีกล้วยไม้พันธุ์มงกุฏไพร ที่งามล้ำหายากยิ่งนักในปฐพี.. อยากรู้จักเกาะมหัศจรรย์รัก ก็ไปหาอ่านจากแผงหนังสือ และกับอีกสองชื่อเรื่องราว พลังแสงสีเงินและมนต์รักเกาะพะงัน จากนามปากกา ..นาวี..รังสิวรารักษ์.. นักเขียนคนเกาะ ผู้เป็นดังดวงใจพุดพัดชานะคะ ขอฝากไว้ด้วย.. และด้วยเหตุฉะนี้เพราะมีที่มา พุดพัดชาจึงมีชีวิตยามวัยเยาว์ที่ติดดินถวิลไพรเฉกเช่นนี้ ทุกฤดูร้อน.... ที่ดวงดอกไม้เบ่งบานตระการตาตระการใจไปทั้งราวป่า พุดพัดชาจะเดินข้ามทุ่งนาป่าละเมาะ และลำธารสายหวานระริน ผ่านสายลมระรินบางเบาพัดโบกโบยในทุ่งนา ที่กำลังโอบอุ้มรวงเรียวระย้าย้อย จนหนักห้อยค้อมเกือบถึงดิน พุดพัดชาจะแอบเก็บลูกไม้ในป่ากิน จนปากเขียวเลยค่ะกว่าจะถึงที่หมาย ดีที่ไม่ตายเพราะผลไม้ป่าเป็นพิษ.. คิดคิดก็ทั้งตลกและน่าสงสารตัวเอง.. ... คุณตาพุดพัดชา เป็นเจ้าของเทือกเขาทั้งลูกเลยค่ะ ครอบคลุมทั้งแนวเนินไศล ที่พุดพัดชาแอบเรียกชื่อ.. ให้ว่า..เทือกเขาไพรพะงัน.. มีหินงามระเกะระกะก่ายกอดกัน ก้อนใหญ่ยักษ์เท่าตึกสองชั้นก็มี ทางขึ้นไปนั้นจะเป็นทางสายงามสายเล็กๆ ทอดคดเคี้ยวเลี้ยวลัดเข้าไปในซอกหินงาม ที่พุดพัดชาเคยรจนาบางฉากฝากเอาไว้ในเรื่องกระท่อมใบไม้ไงคะ และที่พุดพัดชา ซาบซึ้งใจมากคือ คุณตามีกระท่อมไม่ไผ่ขัดแตะ ปลูกตรงที่เนินสล้างสวยสุด มองไกลไปจะเห็นฝั่งทะเลล่างละลิบ ผ่านดงไม้ดงมะพร้าวหลายพันไร่ มากมาย บางเวลาเราจะมองเห็นเรือลำน้อย ฝ่าคลื่นฝองฝอยขาวนวลฝ่าทะเลเงินระยิบระยับ และ.. ยามตะวันรุ่ง..ตะวันรอน.. คุณตาจะหุงข้าวไร่สีแดงๆหอมๆด้วยหม้อดิน ด้วยเตาไฟที่ใช้หินสามก้อนวางไว้ เรียกก้อนเส้า.. และจะใช้กระบอกไม้ไผ่เป่าโหมกระพือไฟ ยามต้องการให้ไฟลุกแรง พุดพัดชาชอบรอ..ขอน้ำข้าวแดงจากข้าวไร่หอมๆ ที่ชาวนาที่เกาะมีพันธุ์พิเศษเพาะปลูกไว้กินเองอุดมวิตามิน. คุณตาจะมีชามอ่างใส่ไว้หลังจากรินออกมา โดยใช้ไม้ไผ่แข็งแรงเหลาละเมียดไว้ขัดหม้อ มิให้เลื่อนหลุด และต้องหันหม้อไปหันหม้อมา เรียกว่าการดงข้าว ดงไฟมินานนาที มิให้ข้าวไหม้ เพียงให้ข้าวในหม้อระอุ อิ่มนวลหอมงามพอดี..พอดี. พุดพัดชาจำรายละเอียดเหล่านี้ได้ราวหลับตาเห็น และ อยากเก็บซ่อนเร้นค่อยๆ ละเมียดละไมเทใจถอดใจถ่ายทอดออกมา ที่หวังว่าจะงามระยับในความงามดิบเดิม ของชีวิตไพรในป่าดง แต่นะวันนี้..ขอเพียงตีแผ่เศษเสี้ยวที่เกี่ยวกระชากใจ ให้ไหลทะลักออกมาเสียบ้างเพียงนั้น.. ........ พุดพัดชา.. จะรอกับข้าวง่ายๆ(ที่จะไม่ขอเขียนบรรยายรายละเอียดเก็บไว้เขียนคราวหน้า) แล้วจะพาตัวเองไปนั่งรับประทานบนก้อนหินใหญ่ ที่ต้องปีนไปจนชามข้าวจะตกมิตกแหล่ แต่แฝงความลุ้นระทึกและตื่นเต้น และสนุกเสียยิ่งกว่าเด็กเมืองที่ต้องสิ้นเปลืองเงิน ขอแม่พ่อปีนป่ายภูเขาและผาหินจำลอง ในงานเมืองทองธานีที่พุดพัดชาเคยเห็น ยามโปรโมทการท่องเที่ยวทั่วไทย .......... .......... ทั้งเทือกไพรพะงันของคุณตา.. จะมีดงมะพร้าวขึ้นลดหลั่นไปตามแนวไศลไพรพง งามไปทั้งดง ด้วยมะม่วงพิมพานต์พร่างพร้อยพวงชมพูดั่งชมพู่ห้อยระย้า มีเม็ดโผล่อะร้าอร่ามทายท้าเด็ดดึง..แต่ห้ามเด็ดดมพรมจูบ เพราะจมูกจะพังด้วยยางรัก.. และยังมีพันธุ์ไม้ผลนานาพันธุ์ หัวมันหลากพันธุ์หลายชนิด ที่นำมาย่าง มาต้มและโยนลงเตาหุงข้าวรออบแบบธรรมชาติ ไหนจะสับปะรดพันธุ์พื้นเมืองกรอบฉ่ำหวานลูกน้อยๆมีจุกแฉกน่ารัก.. ยังมีลูกกำซำกินแล้วอร่อยล้ำแถมปากฟันดำปี๋ตาม และยังมากมีมากมายมากพันธุ์.. ที่นำมาเก็บกินมิรู้สิ้นมิรู้เปลืองเงินเลย ..และ.. ที่เป็นเสน่ห์มนตรา.... ตามตรามาตรึงให้โหยหาพาคะนึงครวญก็คือ ภาพยามสายัณห์รัญจวน.. ยามบุหลันลอยเลื่อนข้ามขอบโค้งภูเขา สาดแสงเงินงามหวานนวลแอร่มแต้มราวไพร กวาดเอาหวานหอมดอกไม้ไพรลอยละล่องลมละมุน มากรุ่นกลางใจเด็กผู้หญิงช่างฝัน..ที่ จะพาตัวเองปีนภูหินงามแห่งฝัน.. มานอนรอนับดาวพราวเต็มอ้อมฟ้า เต็มอ้อมฝันและ เต็มผืนตาคือพระจันทร์ดวงโตสีส้มสุกจัด หยาดสายหวานผ่านม่านเมฆลอยล้อใจ ให้ไหวหวามละเมียดละมุน เด็กหญิงจะค่อยๆช้อนตา หากระรอกตัวน้อยน้อยจ้อยจ้อยที่หางห้อยเป็นพวงพวงฟูฟูที่พากัน กระโดดกันกราวเกรียวจากกิ่งไกวไหวทางมะพร้าว หยอกเย้ากันระงม ยามนั้นเด็กผู้หญิงจะทำเสียงจิ๊กจั๊กขับไล่ให้พากันหนีไปให้ไกล มิฉะนั้นแล้วไซร้ หากโชคไม่ดี มะพร้าวที่ถูกกระรอกเจาะกัด อาจสลัดร่วงลงกลางกระบาล..ให้หวานหาย..ตายเงียบได้.. .. นี่คือความจริงในใจ ที่เต็มอิ่มงามในทุกยามแห่งความทรงจำ อันงดงามหวานหอมอันหายากยิ่ง และสิ่งสุดท้ายนาทีนี้ที่ขอเผยต่ออีกนิด นอกนั้นขอขยักอีกหน่อยไว้ค่อยรอเวลารจนา ในเรื่องใหม่ให้งามเนียนมากเนื้อหาละเอีอดละออยิ่งกว่า..นี้.. คือเสียงสุดท้ายที่ยังหวานแว่วแผ่วมา ในสายลมหนาวให้ร้าวใจ คือเสียงระฆังก้องกังวานไพร หวานแว่วแผ่วผ่านพ้นทิวไม้ กึกก้องกลางหุบเขาใหญ่ไพรกว้าง เศร้าใสหวานปานดนตรีจากสรวงสวรรค์ทิพยวิมาน เป็นเสียงระฆังยามสนธยาที่สะท้อนไพร มาสู่ดวงใจละไมละมุนนี้ ราวดังดนตรีไพรหอมกรุ่นกลางใจ ให้ทุกคราที่รำลึกให้เศร้ารำงับ และกลับสร้างงามเงียบในใจดวงน้อย ให้งามล้ำดำดิ่งผนึกแน่นแม้นวันคืนจะล่วงลาลับ... เดือนดวงงามจักแปรฟ้า และแม้นว่าพุดพัดชาจะร่อนเร่พเนจรรอนแรมร้างไพร ห่างไกลสุดฟ้าไกลตาแค่ไหน ก็ไม่มีวันลบลาเลือน..ไปจากงามดวงใจใครเลยจะรู้นี้ ที่จะเป็น..งามนานเนิ่น..นานเนานิรันดร์... ............... กลับมา..จากแรงบันดาลใจ..ทูอินวัน ให้พุดพัดชานั้นได้รจนาบทกวีที่ยังด้อยค่า ด้วยมิอาจ ทำได้ดีไปกว่านี้ ที่อยากเผยใจเผยในรักไพร เฉกเช่นลำน้ำน่านผู้ชายชาติไพร ที่มีพรสวรรค์ไพร พรสวรรค์ในดวงใจละไมละมุนรจนาคำได้งามล้ำกว่า ซึ้งใจกว่า ดิบเดิมกว่า.. แต่ทว่าก็ยังดี.. และบางทีและบางครา พุดพัดชาจึงต้องพาตัวเองนี้ ข้ามเรือมาหาบรรยากาศช่วยอีกแรงใจ ในฝั่งฝันตรงข้ามวิมานดินพุดพัดชา ที่พุดพัดชาแอบขนานนามเพิ่มเอาเองว่า..เกาะเกร็ดตระการ ในทุกยามที่หัวใจพุดพัดชาต้องการงามเงียบสงบสุขไร้ร้างผู้คน พุดพัดชาจะมานั่งสุขใจละเมียดละไมกับต้นไม้สูงใหญ่ ริมฝั่งชล ฝังฝัน และที่งามด่ำดิ่งใจ ยังมีต้นพิกุล..ต้นไม้ในดวงใจในวัยเยาว์ ของพุดพัดชา ที่โหยหาในคำนึงมิคลาย และสิ่งแสนงามยิ่งใหญ่ ศรัทธาใจ ที่ทำให้จิตวิญญาณไพรพงพุดพัดชาเลิกหมองเศร้า ทุกคราคราวที่มีเรื่องกระทบใจ ในภาคปุถุชนผู้หญิงคนธรรมดาๆ ที่ยังมีหัวใจยังมีเลือดเนื้อยังมีนวลใจอ่อนล้า ยังมีสุขทุกข์ผันผ่านทดสอบใจ ให้ดวงตายังมีพรายน้ำใสใสในบางวัน ยังมีฝันพร่างในบางคืน ยามที่ดวงใจหันไป ไม่มีใครแสนไหวเหว่ว้า ไร้สิ้นหวัง ไร้สิ้นใคร เหลียวมองหาฝั่งฝันมิพบเจอ.. พุดพัดชา จะพาตัวเองพร้อมมาลัยดอกไม้สด หรือไม่ก็ดอกไม้รายรอบบ้าน ที่แสนงามแสนรักเจียดใบตอง ห่อหอมอย่างละเมียดละมุน กรุ่นกลิ่นหอมจากดวงใจพิสุทธิ์ใสนี้ ที่มิหวังให้ใครรับรู้ น้อมนำก้มกราบเบื้องหน้า พระพุทธสิริไสยาสน์ในวิหาร ที่งามอร่ามมลังเมลือง ผ่องผุด..ให้หัวใจพุดผุดผ่องตาม หยุดและวาง ...... เหว่ว้าทุกเรื่องราว ให้ใจนิ่งงัน เกิดปัญญาสมาธิพลัน.. เพียงชั่วยามก็ยังดีก็แสนดี..แล้ว ให้หัวใจหอมมงคลงาม หลอมดวงใจให้รำงับดับเหตุทุกข์ได้แม้สักชั่วขณะหนึ่ง .......... พุดพัดชารจนาบทกวีข้างบนนี้ ณ.เจดีย์สีขาวกลางน้ำ.. หากใครนั่งเรือผ่านมาในเจ้าพระยาฝั่งฝัน ระหว่างร่องน้ำแยกนั้น เป็นสองฝั่งสายพรายพราก.. จะเห็นภาพผุ้หญิงในชุดน้ำเงินขลิบขาวสวมหมวกฟางถักละออ ล้อวงหน้าเศร้าละมุน.. กันสายฝนลมแรงที่กำลังพร่างสายปรายโปรยพร่างพรม และอาจงามจนอาจเป็นดั่งฉากเด็ดในดวงใจ หากทุกดวงใจใส่จินตนาการพลัน ให้ภาพนั้นเป็นดั่งนางใจนางในฝัน ในนิมิตรของตัวเอง ผู้หญิงอันเป็นที่รัก..ในดวงใจรักในดวงใจฝัน ของคนดีทุกท่านที่ได้อ่านผ่านตานะนาทีนี้นะคะ และเคียงใกล้ นางใจนางในฝันนั้นคือพราวลั่นทมหลากสี ชูช่อดอก..ระบัดไหวไปกับลมรำเพยผ่านผิวแผ่วประพรมดวงใจ กับลำนำลำน้ำเจ้าพระยา ที่เป็นดั่งนวลใจในสายน้ำนิรันดร์นานเนา ลาด้วยภาพ... แพนจับร่างงามล้ำ ทัดดวงดอกลั่นทมหวานริมแก้ม ดวงตา นิ่งงันฉ่ำเศร้างามเงียบ ท่ามกลางสายฝนพรำ ที่พร่างสายสู่สายชลเบื้องล่างและกับ เรียวน้ำค้างหยาดสายราวพรายเพชรร่วงลงเคลียนวลแก้มเรียว..และ ราวฉากฝันสวรรค์ชะลอวิมานลอย...!