ใกล้วันแห่งความรักแล้วสินะ ตั้งใจว่าจะเขียนถึงเรื่องราวแห่งความรัก หากแต่เป็นรักที่ยิ่งใหญ่แสนสวยงามสงบเย็น รักนั้นคือรักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ไทย รักชาติ ใครๆก็ท่องคำนี้ขึ้นใจ ตั้งแต่เด็กที่ยืนเข้าแถวเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติไทยได้ หากทว่าเหนือกว่านั้น คือการทำความดี เป็นคนดี รู้หน้าที่ เริ่มต้นตั้งแต่เด็กวัยเรียน ที่ต้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด และพอถึงวัยทำงาน ให้เพียรพยายาม สนองกตเวทิตาคุณต่อแผ่นดิน ทำตัวให้มีประโยชน์ ทั้งต่อครอบครัวและสังคมส่วนรวม เพื่อให้ชาติของเรา มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี รู้รักสามัคคี เพื่อความเป็นปึกแผ่น จะได้มีแผ่นดินให้ลูกหลานเราได้ดำรงชีพชอบ อย่างมีอิสรเสรี..มีความภาคภูมิใจ..ไปตราบกาล.. ต่อมาคือ รักศาสนา..... กว่าที่พระพุทธองค์จะทรงค้นพบ อริยสัจจ์สี่ อันคือสัจจธรรม ต้องใช้เวลาหลายชั่วกัปป์กัลป์ แล้ว... เราแสนโชคดีนัก ที่ได้เดินตามรอยธรรมรอยทองนั้น เพียงสร้างจิตให้ใสใจจักว่างกระจ่างแจ่ม ด้วยความเพียรรักษา ศีล ภาวนา จักค้นพบประทีปแก้วแห่งดวงปัญญา ที่จัก.. นำพาเราไปสู่แดนดินแห่งความสุขเย็นเป็นนิรันดร์ เรื่องรักธรรมนี้ ต้องปฏิบัติเอง ไม่มีใครทำแทนได้ เสมือนเตรียมตัวไว้ให้พร้อม มิประมาททั้งชาตินี้แลภพหน้า ใช่ใครจักหามพาเราไปได้... สุดท้าย.. รักพระมหากษัตริย์ ... ซึ่งรักนี้เป็นรักที่ไม่ต้องร้องขอ เพราะ... ดวงใจไทยทุกดวง ได้แสดงพลังให้โลกประจักษ์ชัดแล้ว ว่าทุกวันนี้ ไทยยังคงมีร่มฉัตรเพชรอันแสนยิ่งใหญ่ พาให้ผองชนคนไทยแลแผ่นดินทุกธุลีหล้า มีเพียงความสงบสุข ไม่นับแดนดินภาคใต้ ที่หวังไม่ช้านานคงหยุดรบรากัน หันหน้ามาสมานฉันท์ สามัคคี เนื่องจากคิดให้ดีการฆ่าฟันกัน หาใช่ความสุขนิรันดร์ไม่ และ.... สงครามฤาความขัดแย้ง มีเพียงแต่ความวิปโยคโศกสะเทือนใจ ที่ต้องสูญเสีย พลัดพราก จากเจ็บไปตามๆกัน สู้หันหน้ากันมารู้รักสามัคคีปรองดองกัน สร้างสรรโลกนี้ให้สวยงาม เพื่อเตรียมการสู้รบกับภัยธรรมชาติจะดีกว่า ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น และ... รักท้ายสุด ที่ชายหญิงเกิดมาอยากพบพาน ด้วยแรงบุญพรพรหมบุพเพสันนิวาส ให้มีเสน่หาพิสวาท เพื่อ.. สืบทอดเผ่าพันธุ์ อันคือธรรมชาติ ธรรมดาโลก เพียงรักอย่างไร มิให้โศก สิ้นแรงใจ ยามผิดหวัง ด้วยคงไม่มีใครจักพบรักสมบูรณ์แบบ บ้างอาจจะต้องอกหักรักร้างลา บ้างอาจเหว่ว้าจำทนอยู่ กับคนที่ตัดสินใจเลือกมาแล้วพบว่ามิใช่เลย บ้างอาจจะต้องชาเฉยกับรักนี้ ที่เป็นรักสามเศร้า ร้าวราน หวานหาย กลายเป็นสงครามแห่งการแย่งชิงหึงหวง ตกในมายาลวงแห่งบ่วงเล่ห์เสน่หา มนตราน้ำผึ้งพิษ หากไม่รู้รักษาจิตให้รักเป็นรักให้เย็นใสงาม อันคือ.. นิยามรักที่จักต้องรู้อดทนอภัยเมตตาเสียสละ และ.. ที่สำคัญหากเกิดมาไม่พ้นบ่วงกรรม ก็จงชดใช้หนี้รัก.. ด้วยการสร้างกุศลสะสมเสบียงบุญบารมี เพื่อมิต้องมีชีวิต ที่ระกำช้ำทรวงอีกในภพภูมิต่อไป หากยังไม่ข้ามพ้นพันธนา และ.. ตราบจนกว่า จะหมดสิ้นกิเลสปรารถนา มายารัก ด้วยการถวายภักดิ์รักเพียงพระธรรม เท่านั้น อันคือ...... ความรักสูงสุด ยุติสร้อยโซ่กรรม อันจำต้องวนว่ายจนน่าเหนื่อยหน่าย เป็นยิ่งนัก นะที่รักนะทุกดวงใจ...! ....................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
13 กุมภาพันธ์ 2551 08:58 น. - comment id 822887
ในผืนทุ่งงาม..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html (ข้าวคอยเคียว) ................. ฝนพรำทั้งวันคืน ให้หัวใจสาวนาเหว่ว้าเหลือดี เพราะ.. สาวนาคนนี้... มีกระท่อมไพรมุงหลังคาจาก และ แสนหนาวเยือกใจ ยามเมื่อได้... ฟังเสียงสายฝนหล่นลากระทบหลังคาทีไร ให้ใจสาวหวิวหวิวหวั่นหวั่น ราวขวัญหายอย่างไรก็ไม่รู้ สาวนา... นอนดูสายฝนพร่างลงกลางใบบัว...บึงบัว ที่กำลังชูช่อสีขาวพร่างพรึบพราวนวลไปทั้งสระไสว จากกระท่อมไพรของสาวนา ที่มีชานเรือนเปิดโล่ง ให้นอนแลละลิบ ไปถึงทิวทิพย์ทุ่งนาป่าเขา ที่ทอยทอดซ้อนซ่อนสลับ สูงเสียดฟ้าท้าเฆมฝนอยู่รำไรรำไร กระท่อมไพร... ที่สาวนา ใช้ต้นไม้ใหญ่แบบไม่เหลากลมเป็นเสาบ้าน ให้ฝันงามโดดเด่นเป็นสง่า โชว์ลีลาความเป็นไม้ธรรมชาติ ราวต้นไม้จริงมาให้พิงพัก ไม้ฟากที่ปูพื้นกระท่อมก็แผ่นโต เป็นเนื้อไม้ดิบเดิม ไม่ทาสี...มีแต่ลวดลายไม้อันแสนงาม ที่รู้ว่า...ผ่านกาลเวลาร้อนหนาวมายาวนาน หลังคานั้น สาวนามุงเลียนแบบบ้านชาวป่าอัฟริกา และ... มีชานแสนกว้างไว้โอบกอดบึงบัว ให้ออกมายืนทอดทัศนายามฟ้าสลัวโพล้เพล้ และ... ดูดาวเดือนเกลื่อนฟ้าไพรในยามค่ำ ทุกอย่างสาวนาจำมาจากนิตยสารที่ผ่านตา และ... ฉลาดพอ ที่จะนำมาดัดแปลงให้เป็นวิมานนาสำหรับสาวนา ตามประสายาก อย่างอ่างอาบน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ที่จำลองแบบมาแล้วหล่อด้วยปูน ราวกับอ่าง..จากุชชี่..ที่ได้ยินช่างแอบเรียก ช่างงามกระจ่างหล้าน่านอนอาบนัก เพราะ... ได้นอนพักใจบ้าง แม้บางทีอย่างไรอย่างไรก็ยังชอบอาบน้ำ ในบึงบัวในโอ่ง หาก... ยามฟ้าโล่งอยากแลดาว สาวนาจึงจะเลือกไปใช้บริการ ให้ได้เฝ้านอนดู มวลหมู่ดารารายพรายพราวกระพริบระยิบระยับ มาหลิ่วตาล้อ มาพ้อพร่างอิจฉาสาวนา ที่อย่างไรๆ ก็ยังอายผีสางเทวดามิกล้าเปลือย มิกล้าอาบน้ำแบบเย้ยฟ้าท้าดิน ยังมิสิ้นนวลใยแห่งอาย ยังใช้ผ้าถุงให้วับแวมหวามไหวอยู่ สาวนา.. มีฝักบัวที่ทำจากลำรางไม้ไผ่ ที่แสนเก๋ไก๋และธรรมชาติดีจัง และ... ทุกสิ่งอัน สาวนาก็จำมาทำเอาเองทั้งนั้น... ให้ฝันเป็นจริง ด้วยทุกสิ่งจากธรรมดาชีวิตรายรอบ พยายามมาประกอบกัน ให้ชีวีชีวิตสาวนาสาวบ้านป่าบ้านไพร ได้ไสวงาม ตามมีตามเกิด หากที่แสนเลิศหรู โรแมนติก เสียยิ่งกว่าคฤหาสน์ ก็ตรงที่ฉลาดรู้อยู่ให้เป็น... เน้นอิสราจากงามฟ้าดิน มาแต่งแต้ม มาแกล้มใจให้มิสิ้นไหวหวาม ให้งามได้ด้วยความดิบเดิม และ สาวนาชอบใช้ม่านมุ้งฟูกนอนสีขาว ที่ดูสะอาดตาสบายใจ แสนสงบในท่าทีสมถะ มีความเรียบง่ายแบบพอดีพอเพียง และ ในชีวาชีวิตสาวนา ชอบนอนดูสายฝนหล่นลา จากหลังคาจากยามพรากเม็ดหยดย้อย ห้อยเป็นรวงรายพรายพริ้งทิ้งตัวลงมา ดูราวหยาดน้ำค้างเพชรจากฟากฟ้ากว้าง ช่างแสนสวยใสงามจับใจจับตานัก.. และ ชอบนอนนิ่งแนบหน้านวล แอบดู... มวลภู่ผึ้งบินว่อนร่อนภิรมย์คลึงเคล้า กลางกลีบเกสรอวลอรชร ของมวลดวงดอกไม้รายรอบเรือนกระท่อม ที่สาวนารักแสนรัก... ได้พักใจ... ไปกับ สีแห่งเขียวไพลไสวรวงเรียวระย้าย้อย ที่สุกห้อยเคลียไคล้ดิน ที่แสนทำให้ใจสาวนารู้สึกชีวินแสนสงบสุข และ กับวิถีไพรวิถีนา.. ที่ไม่จำต้องพาร่าง ให้เร่าร้อนรีบเร่งเคร่งเครียด ได้สุขใจ ไปกับความงามเงียบนิ่งงัน กับการหาผักปลามาแค่ดำรงชีพชอบ ได้ประกอบอาชีพสุจริต เป็นสาวนา... ที่ได้ปลูกข้าวทิพย์นิรมิตเลี้ยงท้อง...แด่ผองชนคนไทย ไปทั้งผืนดินทอง แผ่นดินธรรมที่แสนงามล้ำนี้ และ... กับชีวีที่ได้ฝึกสมาธิ มีความสงบสงัด มีวัดวาหลวงพ่อเป็นที่พึ่งทางจิต มิพาชีวิตหลงผิดทาง..ธรรมทางทอง และ.. นี่คือชีวิตที่..สาวนาพอใจแล้ว เพียงสิ่งดียว...ที่บางครั้งคราว หัวใจสาวนาคนดียังมีเลือดเนื้อ ยังเหลือความรัก สาวนา...ก็อดคิดถึงอ้ายไม่ได้ในบางครั้งครา ตามประสาปุถุชนคนธรรมดา ทั้งๆที่อ้ายตัดใจลา พรากสาวนาไปทำหน้าที่รักษาแผ่นดิน แถวชายแดนโน่นแล้ว สาวนา นอนคิดถึง...สงสารอ้าย จะดีร้ายอย่างไรก็ไม่รู้ นับวัน.. จะได้ข่าวแต่คนนั้นตายคนนี้หายไป แล้ว... อ้ายยิ่งไปเป็นทหารรับใช้แผ่นดิน จะให้สาวนาปิดตาปิดใจมิยลยินอะไรได้อย่างไร สาวนายังมีหัวใจดวงนวลนะ ถึงแม้นว่าจะเกิดมากับทุ่งนาป่าเขา ที่มีวิถีชีวิตให้ทนอดทนเอาในทุกสิ่ง และ.. ทนนิ่งถ่อมตนเงียบงามอย่างรู้รักพอเพียงสมถะ แต่มาวันนี้ .. ใจดวงดีสาวนาชักทนไม่ไหวแล้ว กับปัญหาบ้านเมือง ที่ฟังแล้วไม่ประเทืองประทับใจ และ แสนจะน่าห่วงใยเสียไม่มี ทั้งภัยจากธรรมชาติ สึนามิจากไปไม่ทันไร น้ำท่วมใหญ่ก็ตามมาหลายพื้นที่ ไหนจะผองภัยจากคนใจร้ายใจดำ ที่คอยฆ่าฟันกันไปมา ราวหนังจีนล้างแค้น ที่แสนจะน่าเวทนา ที่หารู้ไม่ว่า.. ในที่สุด... แผ่นดินที่ตัวเองเคยอาศัยข้าวสุกซุกหัวนอน ก็ไม่มีจะอยู่ .... แผ่นดินที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เรือกสวนผลไม้ไร่นา มาพากันแล้งไร้ .. ดั่งคล้ายตายดับไปกับความสิ้นคิด.. สาวนา..ไม่รู้ดอกว่าใครถูกผิด เพราะ...ในชีวิต สาวนาคิดแค่ว่า แผ่นดินไหนให้ร่มเงาอาศัยแด่เรา แผ่นดินนั้น... คือแผ่นดินแห่งกตัญญุตา ที่จะรักษาไว้ด้วยหยาดเลือดสุดท้ายพลี ที่ที่เรา.. จะได้ปิดเปลือกตา พาร่างวางกลางพื้นพสุธาได้อย่างสมภาคภูมิใจ ไม่เสียที ที่ได้อาศัยข้าวน้ำให้ลูกหลานอิ่มท้อง อยู่อย่างปรองดองสามัคคีสงบสุขมานานวัน ทำไม...! เราต้องมาผลาญพร่ากัน..ด้วยความไม่เข้าใจ และ... แบ่งแยกศาสนาใดศาสนาเขา ในเมื่อทุกศาสนา...ก็สอนให้เราเป็นคนดี มีเมตตา ฤาว่า... สอนให้ฆ่ากัน.... อันนั้นคงมิใช่ศาสนาแล้ว คงเป็นลัทธิของอมนุษย์ปีศาจ.. ที่ชอบความโหดร้ายทารุณ ให้ตายๆกันไปไม่ได้ผุดเกิด เพราะ.. มนุษย์ประเสริฐใครเขาจะทำกัน.. มีก็แต่..พวกมาจากโลกันตร์อเวจีนรกเพียงนั้น ที่มิจิตดำสกปรก คิดแต่เรื่องรกไร้ คล้ายเห็นความตาย! และ มรณะแห่งชีวีผู้อื่นเป็นผักปลา ไม่สงสารเด็กไร้เดียงสา หญิงไร้สามี ผู้ไม่มีทางสู้...ผู้บริสุทธิ์.. ต้องอยู่อย่างไร้ทิศทางหางเสือ เมื่อมาขาดนาวานาวีแห่งชีวีชีวิต คิดๆแล้วสาวนา ก็ว่าแสนน่าสงสารจิตวิญญาณ ผู้คนบนผืนโลกนี้... ที่แสนหาเรื่องทุกข์เทวษมิรู้สิ้น ขนาดดินฟ้ามาสอนสั่ง ก็ยังมิเคยสำนึก.. สาวนา..นึกนึกแล้ว ต้องรีบใช้สติสมาธิมากำกับ กับวิบากกรรมนี้ ที่แสนที่จะทำให้โลกแห่งดวงใจผู้พิสุทธิ์ ต้องมาสะดุดโศกสะเทือน ที่ทอดทับไปทุกหย่อมหญ้า ไหนจะน้ำฟ้าลงโทษ ไหนจะพิโรธจากพายุ ไหนจะน้ำมันแพงแข่งกันให้คนบ้า.. หากไม่รู้ค่าการรู้รักความสมถะพอเพียง สาวนา... รักแสงตะเกียงมาตั้งนานแล้ว และรู้ว่าอย่างไรๆ จะมีไฟหรือไม่มี สาวนาคนนี้ก็พอทำใจยอมรับได้ มิใช่... เพราะจำใจ หากเพราะ..ในดวงใจเคยชินมาแต่เด็ก และ.. คนเราทุกวันนี้ คงต้องทำใจฝึกใจไว้ ให้รำลึกนึกกลัวว่า... มิช้านาน คงถึงกาลที่โลกนี้จะไร้สิ้นทรัพยากร...แล้ว วันนี้... สาวนามาบ่นเพ้อละเมอหาทุกข์ใจจัง ทั้งๆที่... สาวนาแสนรักสายฝน กมลสาวนาแสนสุขใจ ยามได้ยินเสียง ไพรพงแมกไม้กรายกิ่งไกวไหวรับ หยาดละออละอองของพระพิรุณร่ำ หยาดน้ำตานางฟ้า ที่พลีมาฝากจากดวงใจ ไม่ให้ชาวนา ไร้ฝน ทุกข์ทนเพราะแล้งน้ำ ขอเพียงอย่าให้มากไป ไม่อย่างนั้น ก็พลันเศร้าไปอีกแบบ เพราะ รวงเรียวเขียวไสว จักจมไปกับสายน้ำ..อย่างน่าเสียใจเป็นยิ่งนัก วอนขอพระพิรุณได้รับรู้ อย่าให้อู่ข้าวพังทลาย ให้แม่พระโพสพ ต้องขวัญหายเลยนะหยาดสายธาราทอง .......... และ.. ทุกคราที่ฝนมาฟ้าหม่น ในกมลสาวนา... จะจำได้... ถึง.. คำอ้ายที่เคยให้คำมั่นกับสาวนาไว้ว่า... จะพาสาวนาไปดู... ความประหลาดของเมือง....*คำชะโนด* หนึ่งในตำนานพญานาคราช ดงชะโนด... ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบ้านดุง พื้นที่ราว 20 ไร่ ซึ่งมีน้ำล้อมรอบคล้ายเกาะ มีดงต้นปาล์มชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายต้นตาลผสมต้นมะพร้าวขึ้นอยู่ เรียกว่า..*ต้นชะโนด* คนสมัยก่อนเรียกที่นี่ว่า.... *วังนาคินทรคำชะโนด* เชื่อกันว่า.. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางดง เป็นประตูไปสู่เมืองบาดาล เป็นที่อยู่อาศัยของพญาสุทโธนาค ที่แปลกคือ.... ในดงชะโนดมีน้ำน้ำซับน้ำซึมอยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่มีน้ำท่วมเลย... และ.... จะพาไปไหว้พระอจนะ ที่เมืองสุโขทัย... ที่สาวนาอ่านมาจากหนังสือที่ยืมมาจากหลวงพ่อที่วัด ไปดูความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ ที่มีเรื่องเล่าขานเป็นตำนาน ที่สาวนาแสนจำจดไว้ด้วยความงดงาม ด้วยความเชื่อศรัทธา และ มากล้นค่า ในดวงใจสาวนานี้ ที่คิดดี คิดได้ คิดให้ คิดรัก คิดเพียง... อยากเดินไปตามรอยพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ที่.... สาวนาเชื่อว่า คือเส้นทางสว่างสะอาดสงบที่สุดแล้ว พระอจนะ ที่วัดศรีชุม หนึ่งในความพิศวงบนแดนดินมรดกโลก และ.. แม้ลักษณะวิหารของวัดศรีชุม จะเหลือเพียงองค์พระและผนังสี่ด้าน แต่... ความงดงาม ก็ยังคงประจักษ์แก่สายตาคนรุ่นหลัง องค์พระอจนะนั้นดูศักดิ์สิทธิ์เร้นลับ หากดินผ่านช่องบันไดแคบๆไปยังผนังด้านข้าง ที่... ช่องหลีบนั้น เมื่อเสียงใดถูกเปล่งออกมา ผนวกกับความอลังการขององค์พระประธาน คงเป็น.. ความอัศจรรย์หนึ่ง ซึ่งสืบเนื่องถึงที่มาของความเชื่อว่า *พระอจนะพูดได้* และ... สาวนาอยากไปดู.. ความงดงามแห่งเจดีย์ศิลปะสุโขทัยแท้ ที่อยู่ในวัดมหาธาตุ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ ที่เคยมีเจดีย์มากมายได้สำรวจพบถึง200องค์ ไหนจะโบราณสถานโบราณวัตถุอีกตั้ง215แห่ง ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย แล้ว.. ยังมีวัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว และ วัดนางพญา ไหนจะ.. มีเครื่องทองโบราณ ที่เมืองศรีสัชนาลัย ที่มี.. เทคนิคสีสันการลงยาแปลกตากว่าที่อื่น เช่นสีแดงสีเขียวและสีน้ำเงิน และ.. ยังมีเครื่องประดับที่งดงามแบบทองโบราณ ที่แสนตระการตาตระการใจ ที่ชาตินี้ สาวนา คงไม่มีวาสนาได้ใส่ แต่ก็ยังดีแค่ได้ดูได้รู้ซึ้งค่า หาได้ปรารถนายึดติดไม่ แต่อ้ายนั่นแหละสัญญา.. ไม่รู้กี่หน้าฝนแล้ว ว่า... ปีไหนฝนฟ้าดี ข้าวมีล้นฉาง จะแบ่งเงินให้สาวนาซื้อทองใส่ สาวนาดีใจ ... มิใช่ตรงจะได้ทอง หากทุกสิ่งที่มาจากใจอ้ายของสาวนา สาวนาซึ้งค่าทั้งนั้นแหละ เพราะ... คือความทรงจำความรัก ไม่ว่า...สร้อยฤากำไลแห่งรักแห่งภักดิ์นั้น จักจะเป็นเงินหรือเป็นเชือกถักธรรมดาๆ เพราะ.. สำหรับสาวนามันมากล้นคุณค่าทางใจ ว่า.. อ้ายยังมีเยื่อไย ยังมีน้ำใจรักคิดถึงสาวนา นั่นคงมีค่าเกินกว่าจะประเมินประมาณได้ละกระมัง..! สาวนา... นอนหนาว...ดูฝนพรำ พร้อมกับ.. ได้ยินเสียงอึ่งอ่างกบเขียดร้องกันลั่นบึง สาวนา... แสนสงสารเจ้าลูกควายสายน้ำ ที่ณ..บัดนี้เริ่มเป็นหนุ่มใหญ่วัยกำดัด หากทว่า.. ยังไม่มีคู่จัดแต่งให้ จะได้ผลิตพลเมืองควายน้อยๆมาห้อยหน้าตามหลัง ทั้งแม่ควายทั้งสาวนา...พาให้นึกเอ็นดู สาวนา.. นอนดูสายฝน แล้วทนไม่ไหว... เลยคว้าไม้กวาดไม้ไผ่ออกไปกวาด ดวงดอกแก้วที่พร่างหล่นจนเต็มพื้นลาน สาวนาดีใจ ที่เห็นลั่นทมสราญดอก..ในหยาดน้ำฝน และนั่น.. พรายพร่างพรมด้วยดวงดอก โมก มะลิ พุดซ้อน ไหนจะยังบานชื่นอวด อรชรอ้อนหวานบานแฉ่ง แย่งกันเริงรื่นชื่นฉ่ำใจไปกับสายวสันต์พร่างงาม ดวงใจสาวนา... จึงพร่างสด..ด้วยบทเพลงแห่งฝนฝันปันใจ ให้แสนไหวหวาม ในยามนี้ ที่สาวนาคนดี...ยอมพลีร่างให้ รับหนาวดายเดียวได้ลำพัง ... อย่างมิสิ้นหวังรอหวาน ราว... กลีบดอกไม้คลี่บาน รอเพียงหยาดน้ำผึ้งรักจากอ้ายในวันที่กลับมา และ... ไม่ว่าจะ... กี่ทิวาราตรี...กี่ฝนหนาว..กี่เศร้าฝัน ใจสาวนาก็ยังซื่อสัตย์มั่นคง... ยังคงรำลึก..นึกถึงบึงบัว ยามฟ้าสลัวเข้าไต้เข้าไฟในอ้อมอกอ้าย ที่อ้ายเคยพิร่ำพิไรรำพันว่า... แม้นบัวนับหมื่นนับพัน...ไหนเลยจะงามสล้าง เท่าบัวงามดอกหวาน..ของสาวนา และ... กับฟ้าครวญฝนคราง กับ.. เสียงพร่างพรมเปาะแปะๆ ของสายฝนยามหล่นร่วงลงบนหลังคาจาก ในยามยาก... ที่สาวนา.. ให้อ้ายนอนเอนอิงในอ้อมตักในกระท่อมไพร และ... ในท่ามแสงตะเกียงระริกระริกริบหรี่ไหว กับ.. ใจและร่างราวหลอมละลาย ไหวสะท้อนสะท้านสะทือนเลื่อนลอยราว ตกในหอมห้วงแห่งสวรรค์สรวง.. จนดุเหว่าแว่วแผ่วมาในยามฟ้าสาง กับ.. ร่างนวลสล้างของสาวนาในม่านมุ้ง ที่อ้ายบอก.. สุดแสนซึ้งยามสาวนาหนุนนอนซบไหล่ ได้อยู่ในอ้อมใจกันและกัน แล้วนิทราฝันดี..เมื่อพลีสิ้นรักแล้ว..... ราตรีฝนราตรีฝัน... สำหรับสาวนา ในวันนี้... ไม่มีร่างอ้าย สาวนาได้แต่ ถวายมาลัยบัวบูชา สวดมนต์ภาวนาวอนไหว้ หน้าพระพักตร์พระพุทธ ให้ทุกฝ่ายหยุดเข่นฆ่ากัน ให้อ้ายพลันได้คืนหลังกลับบ้าน กลับมาสู่อ้อมตักแสนหวานของสาวนา แต่ถึงไม่มีอ้าย..ในวันนี้ แค่หลับตาพลีฝันฝันฝัน คำหวานคำมั่นสัญญา ก็จักมาปรากฎพร่างแก่ดวงจิต.. เป็นสถิตรักนิรันดร์ไปตราบชั่วกาล......!!!!! ************************************ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html ข้าวคอยเคียว ผ่องศรี วรนุช ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย ปีเคลื่อนเดือนคล้อย รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์ ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย.
13 กุมภาพันธ์ 2551 13:19 น. - comment id 822964
ชอบฟังเพลงข้าวคอยเคียวค่ะพี่พุด
13 กุมภาพันธ์ 2551 13:54 น. - comment id 822987
อ่านเรื่องราวที่พี่พุดเขียนแล้วเพลิน ดีจังเลยค่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2551 14:05 น. - comment id 822994
13 กุมภาพันธ์ 2551 14:05 น. - comment id 822996