ฝันถึง...ปลายฟ้า...ไกล...!

พุด

V264559.jpgV264558_CROP1.jpg
เห็นจันทร์เสี้ยวบนเรียวฟ้า
ปรารถนาสิ่งใดมายาฝัน
เก็บทุกสิ่ง ณภายในใจเงียบงัน
ให้คืนวันผันผ่านพ้นจนวันนี้
...........................

แหงนดูเดือนเสี้ยว สีทอง
เห็นดาวผ่องพรายพริบพราวเต็มฟ้า
ทรุดตัวนั่งนิ่งๆในกระท่อมหลังน้อย
กิ่งการะเวกเขียวไพลพันพ้อคลอเลื้อยไต่
ไปตามหลังคาจาก
ในราตรีที่เหงาเงียบ
มีเวลาชื่นชมความงามธรรมดาธรรมชาตินี้
ที่แสนเรียบง่าย ที่ยังชอบหมายมอง
ด้วยใจแสนเป็นสุขเสมอมาและจักเป็นเช่นนี้เสมอไป
อีกไม่นานแล้ว
ที่ฝันจะเป็นจริง
คลื่นคงซัดฝั่ง ดีใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะคืนหลังกลับบ้าน
กลับไปสานสร้างสิ่งที่รอคอยมาแสนนาน
ให้ดวงดอกรักแท้บานในดวงใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
....................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
ปลายฟ้า 
ปลายฟ้าปลายฟ้า
แค่หลับตาลง คงพบกัน
โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์
ท่ามกลางความฝัน ของเรา
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
ปลายฟ้า... 
 

V270224_W235CRGB.jpgV271154.jpgเด็กผู้หญิงช่างฝันดวงดอกไม้สวรรค์ริมทะเลไหมมรกต!

ตะวันดวงโตเท่ากระด้งฝัดข้าว
สีส้มสุกกำลังลอยเรี่ยผิวน้ำทะเล
ที่นะบัดนี้ทั่วทั้งท้องน้ำอาบประกายระยิบระยับ
ราวผืนผ้าไหมทะเล..ทอทองทาบทา...


ริมทะเลสีทองนั้น
หลับตา..
จะพาไปพบกับ
ภาพเด็กผู้หญิงผมเปียสองข้าง
นัยน์ตาสร้อยเศร้า
ผิวบอบบางราวแพรไหมไข่ปอก
ที่มีที่มาที่ไป
ที่คุณแม่เธอเคยเล่าให้เธอฟังว่า
วันที่เธอลืมตาดูโลกนั้น
เป็นที่อัศจรรย์นักกับทุกสายตา


ที่เธอ..เกิดมาผิวนวลใยละไมผุดผ่องจนใครใคร
พากันพูดเป็นเสียงเดียวว่า..งามแปลกนัก
ทั้งๆที่ถิ่นที่เธอเกิดนั้นคนมักจะมีผิวสี
และ


ที่แปลกดีคือหน้าผากเธอ..จะมีชาร์มและมีขวัญ
ใครๆเค้ามีขวัญเดียวแต่เธอมีสอง
อย่างคุณพ่อและน้องชายแบบกรรมพันธุ์แปลก
ที่คนมักทายทักกันไปต่างๆนานา
ที่จนนะบัดนี้ก็ยังปรากฎอยู่
ให้เวลาเธอแสกผมแล้วจะวนเป็นก้นหอยงอนงาม
ตรงกลางหน้าโหนกนูนนั้น..


แทบทุกวัน..เด็กผู้หญิง
เธอจะมานั่งใต้ต้นไม้แห่งนี้
ต้นทองหลางที่ไร้ใบในยามฤดูร้อน
ที่ออกดอกแดงสะพรั่งพรึบเต็มทั้งต้น
ที่ตัดฉับกับผืนฟ้าที่เป็นสีฟ้าจริงๆ
ฟ้ากระจ่างสดสว่างเข้มเต็มผืนแบบไร้มลพิษ


เพราะที่นี่
คือเกาะที่ไกลร้าง
ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่
หลายร้อยไมล์ทะล


ที่ราวไข่มุกทะเล
อันแสนพิไลใสสดขาวพร่างพราวพิสุทธิ์
ที่ถูกซุกซ่อนไว้โดยเงื้อมหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า
พระพรหมผู้บันดาล
ให้เป็นสถานที่แห่งรักแห่งหวังหวานยิ่งใหญ่
แด่ทุกดวงใจ..คนช่างฝัน


ราวฟ้าดินมอบกำนัลให้เป็นของขวัญ
แด่โลกและมวลมนุษย์ชาติ
ราวสถานทิพยวิมานบนหล้าโลก
มาลบโศก
ให้ได้เสพสุขสงบ พบความสุนทรีย์แห่งชีวาชีวิต


ที่จนถึงนะวันนี้
ก็ยังคงเป็น..
แม้นจะหลีกเร้น
หนีไม่พ้นมนุษย์มนามากมาย
ที่พากันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก
มาเพิ่มสุข ทิ้งโศก ฝากไว้แทน


มาสนุกสนานเบิกบานร่ายระบำรับขวัญ
รับหวานจากพระจันทร์ดวงงาม
ที่กล่าวขานไปทั่วโลกแล้วว่าหาที่ใดงามเท่าไม่มีแล้ว
นอกจาก
มีที่อินเดียอีกที่
หากทว่า..ที่นี่ได้องค์ประกอบครบถ้วน
ล้วนเลิศล้ำยิ่งกว่าจะหาถ้อยคำใดมาพร่ำพรรณนา


คือเป็น
สถานที่
พระจันทร์งามขึ้นระหว่างโค้งอ่าว
ที่มีทรายเนื้อละเอียดนวลนุ่มเท้า
ขาวสะอาดราวแป้งเนื้อดี
ที่ทุกยามเต้นรำนั้นหยุ่นนุ่มละมุน
ราวเยื้องย่างบนฟองเมฆสกาวพราวพอกับฟลอร์สวรรค์
ก็มิปาน..


ย้อนรอย
กลับมา...หาเด็กผู้หญิงช่างฝันดีกว่า
ในเมื่อเรื่องเกาะงามวิไลนั้น
เคยเล่ารจนามามากมายหลายฉากแล้วในเรื่องรักๆ
ของนักอยากจะเขียนเพียรฝันคนนี้


เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่บอบบาง
เกิดมากับทะเลกว้าง
กับงามงดของทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริง
ที่ใครใครมักงงว่าทำไมเธอถึงหลงใหลในแสงตะเกียง
แสงเทียนในโบสถ์คร่ำกันเล่า
ก็เพราะว่า*งามเงาแห่งอดีตนั้น*
เธอตราหอมแห่งความทรงจำที่ตอกตรึงสลัก
ไว้ในดวงจิตภายในอย่างงามไสวพร่าง
อย่างยากจะลบเลือนหาย
แม้วันปีเดือนจะเคลื่อนจะคล้อยลอยลาลับ..
ยากที่จะย้อนรอยเงาอดีต
อันงามงดสดชื่นแสนหวานหวนกลับมาก็ตามที


ยามนั้น
เด็กหญิงน้อย
ผู้ราวมีหนึ่งร่าง
หากราวสองภาคสองใจในคนๆเดียวกัน
ที่
ทั้งดูเดียวดายเศร้าสร้อยแสนเงียบเหงาช่างฝัน
กับอีกคนอีกภาคนั้นช่างเจรจาพาทีเป็นยิ่งนัก
และมีผู้ทายทักบอกว่าคงเป็นเพราะ
มีไฝเล็กๆสองเม็ด
ที่แทบมองไม่เห็นหากไม่สังเกตุ
แตะแต้มริมเรียวปากด้านซ้ายบนล่างคู่กัน
ภาคเดียวดายนั้น
เธอจะปลีกตัวจากผองเพื่อน


ที่ชวนกันมาวิ่งเล่น
โดยใช้หาดทรายริมทะเลกว้างดั่งสนามผืนโต
และมีสระน้ำทะเลแพรไหมสีมรกตเคียงข้างให้กระโดด
จากต้นมะพร้าวหักงอลงล้อคลื่นตูมตามๆ
ราวเป็นสระส่วนตัว
และราวสวรรค์บันดาล
ให้งามอย่างเกาะในฝันของอภิมหาเศรษฐีชาวกรีก
อริสโตเติ๊ล โอนาซิส ผู้ล่วงลับ
ที่มีเกาะแสนงามเป็นส่วนตัวไว้พักผ่อนลำพัง..


ยามนั้น
เด็กหญิงน้อยผู้เดียวดายช่างฝัน
จะหาทางมะพร้าวแห้งมาปูแทนเสื่อผืนงาม
และ
ค่อยๆเอนตัวลงนอน
เธอจะค่อยๆหรี่ตาดูท้องฟ้างามสีครามเข้ม
ที่นะบัดนี้
ราวถูกแตะแต้มตัดฉับ
ด้วยดวงดอกแดงโดดเด่น
ของดอกทองหลางทองพร่างสล้างไสว
หรือดวงดอกปาริชาติงามแสนงามตามนัยน์ตา


พาดวงจิตเธอดั่งสนิทแนบผสานร่าง
เป็นหนึ่งเดียวราวเกลียวทองผ่องพิลาสพิไล
ที่ใจเธอเท่านั้น..มองเฟ้นมองฝันพลันพาเห็นงาม
ตามดวงใจภายในดวงน้อยๆนี้
ที่ยากยิ่งจะบอกเล่าให้ใครรับรู้
และเข้าใจ
ยามนั้น
เธอฝันไกลและแสนจะขอบคุณในน้ำใจฟ้าแลดิน
ที่ช่างเมตตาปรานีให้ชีวินชีวิตจิตวิญญาณเธอ
ได้มาเกิดกลางเกาะ
ที่เพียบพร้อมแสนหวานแสนงาม
ที่แสนยิ่งใหญ่
ด้วยธรรมชาติแสนสวยสงบสุข
ไม่ให้ไปเกิดในแดนทุกข์ดั่งทะเลทราย
ที่ใครๆเล่าว่า
ผู้คนอดหยากยากไร้ไม่มีแม่น้ำสะอาดดื่มกิน
เด็กๆจะหัวโตพุงโรก้นป่อง
แมลงวันพากันมาตอมน่าเวทนานัก


เธอจึงรักผืนดินฝันอันอุดมผืนนี้
ที่
ในกาลต่อมา..
เธอก็ยิ่งกลับซาบซึ้งรู้ค่ามหาศาล
ว่าเธอนั้นแสนโชคดี
ที่ได้มาพบพานได้มาเกิดใน
*ร่มบุญพระบรมธิสมภาร*
ภายใต้ร่มฉัตรร่มธรรมร่มทอง
อันแสนยิ่งใหญ่
แสนดีแสนงาม
อย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณได้อีกเลยแล้ว...


และ
บางคราเธอจะใช้เถาวัลย์
มาถักร้อยดวงดอกไม้
ดั่งสายสร้อยแสนงาม
สวมเป็น
*มงกฎดอกปาริชาติ*
ที่วิลาศวิไล
สำหรับดวงใจเด็กผู้หญิงชาวเกาะชาวไพร
ที่เติบโตมาท่ามกลางความไกลห่างจากความเจริญศิวิไลซ์


ห่างไกล
จากคำว่าเมืองอันเรืองรุ่งด้วยแสงสี
และใจร่างดวงใสดวงดี
ก็แสนจะมีชีวิตชีวาเรียบง่ายติดดิน
ไร้วัตถุใดใดมาหลอกล่อใจ
ให้หลงใหลไปกับเงางามนามวัตถุ
ที่จำต้องแลกซื้อด้วยเงินแพงแสนมาเป็นของเล่นแก้เหงา
แบบกุมารเศรษฐี
แบบที่แม่พ่อมีเงินเปรอปรนเป็นถุงเต็มถัง


และบางเวลา
เมื่อเธอเด็กผู้หญิงน้อยเหว่ว้าอ้างว้างใจ
ดายเดียวอย่างสุดๆ
เธอก็จะมุดร่างใจ
ให้ท้องทะเลสีเขียวราวแพรไหมใสดั่งมรกต
ปลอบประโลมคลี่คลุมห่มร่าง
พาตัวเองดำดิ่งลงใต้ผืนทะเลลึก
อย่างไม่หวั่นสิ่งใด
เธอจะกลั้นลมหายใจให้ยาวนานที่สุด


และค่อยๆพาตัวแหวกว่าย
ราวกับสาวน้อยนางเงือก
เปิดดวงตาเฝ้าดูโลกสีคราม
ที่งามสะพรั่งสีจัดจ้านสวยสุดใจ
ด้วยปะการัง 
สาหร่ายสีน้ำตาลแผ่พรายร่ายงาม
ดูดอกไม้ทะเล ฟองน้ำ 
หอยเม่นและปลาหลากหลายชนิด
ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อลาย ปลาสินสมุทร 
ปลากระเบนทอง ปลาเก๋า
ให้ลืมเหงาใจ
แบบให้ธรรมชาติทะเลไทยทะเลใจ
ที่แสนชิดใกล้ได้เชยชิดชมห่มหอมใจ..


และ
เด็กหญิงน้อยๆ
จะค่อยๆนอนเฝ้าลอยคอรอดู
พระอาทิตย์ดวงโตสีหมากสุก
ค่อยๆลดระดับลงเรี่ยผืนน้ำ
ที่ยามนั้นจะสาดสายแสงสีทอง
ลงอาบต้องทาทาบผืนน้ำราวแสงเพชรพร่าง
วะวิบวับงามจับจิตเลื่อมประภัสสร


รอเวลาให้เธอนับถอยหลัง
จนกว่าตะวันดวงงามยามทิวาหวาม
จะค่อยๆจมหายกลายเป็นตะวันลับฟ้า
ไปกับท้องทะเลผืนงาม
ให้ราตรีตามต่อเติมมาเพิ่มหยาดหวาน
ด้วยพรายแสงจันทร์
มาหอมห่มงามพร่างสายแทน..

ชีวิตเด็กหญิงน้อยช่างฝัน
มีเพียงคุณย่า ให้คอยตามติดเคียงกาย
คุณย่าชรา ที่ช่างงามนักในรำลึก
ภาพหญิงชราผมสีดอกเลา
ที่ยึดมั่นในร่มเงางามศาสนา
ที่สอนให้เธอศรัทธาตาม
ในทุกยามค่ำคืน
ให้พร่ำเพียรท่องบ่นสวดมนต์ภาวนา
จุดธูปเทียนบูชากราบหน้าองค์พระปฏิมาบูชาพระรัตนตรัย
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์..


คุณย่า ที่มีชมรมวรรณคดีสัญจร
นัดไปนอนรวมกันนอกชาน
ที่บ้านเรือนไทยราวในหนังเรื่องโหมโรง
ค่าที่เรือนไทยนั้น
แฝงฝังงามอยู่ในท่ามดงมะพร้าว
และดอกไม้ไทยๆ ไสวพรั่ง
ส่งกลิ่นอวลหอมลอยล่องตามลมมาพาให้ใจยิ่งชื่นยิ่งฉ่ำ


บางค่ำคืน 
ที่ท้องฟ้าไร้เมฆ
จันทร์ดวงกลมสีทองราวลูกจันทร์แขวนฟ้า
จะทอแสงงามอร่ามเรือง
แจ่มดวงจรัสเจรืองใจเสียเป็นยิ่งนัก


เด็กหญิงน้อยจะได้ยินเสียงคุณปู่
ที่ขานขับเสภาได้อย่างไพเราะแสนเศร้าประทับ
ในบทของวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน..
และ
เด็กหญิงน้อย
จะค่อยๆผลอยหลับพับไป
กับแสงตะเกียงริบหรี่ไหว
กับเสียงกระรอกไพรวิ่งไล่กันจิ๊กจั๊กเหนือทิวมะพร้าวงาม
กับหอมงามแห่งดวงดอกไม้สะพรั่งริน
กลุ่นกลิ่นโมกมะลิซ้อนมะลิลา
และกอราตรีตรงริมชานเรือน


และ
หาก
ค่ำคืนไหน
ยังพอฝืนนัยน์ตาไหว
ก็จะหวั่นไหวไปกับเสียงเล่าอันเร้าใจ
ในเรื่องรามเกียรติ์
ตอนต่างๆ
ที่ทำให้เด็กหญิงน้อย
ค่อยๆเปิดดวงจิตกระจ่าง
เฝ้าซึมซับรับซึ้งตรึงตราไว้
ด้วยความดำดื่มระรื่นรสรักวรรณคดีไทย 
ได้อย่างล้ำลึกเมื่อ
ตรองตรึกนึกมาถึงทุกวันนี้


เด็กหญิงน้อย
มีหน้าที่ตามติดคุณย่าไปทุกที่
เสมือนเงาตามตัว
โดยหารู้ไม่ว่า*วันแห่งการพรากลา*ใกล้เข้าทุกขณะๆ
เธอจะเดินหิ้วปิ่นโตตามหลังคุณย่า
ที่ทูนกระเฌอสานสวยด้วยลวดลายดวงดอกพิกุลแสนงาม
ละเอียดละเมียดละมุนใจ


ในมือน้อยๆจะมีดอกไม้พื้นบ้านหลากสีสันหลากพรรณ
หอมงามประดิดประดอย
รัดร้อยด้วยสร้อยศรัทธาแห่งรักหวังน้อมนำไปถวาย
พลีบูชาพระพุทธในโบสถ์คร่ำ
ที่งามล้ำมลังเมลืองใจ
ให้ใสงามงดสว่างทุกยามที่ได้กราบกราน


สิ่งที่ดวงใจน้อยๆดวงนี้
ยังตรารอยจดจำรำลึกไว้ในดวงจิต
อย่างลึกชึ้ง อีกสิ่งหนึ่งคือคำสอนของคุณย่า
ที่ราวจะอ่อนโยนแว่วมา
ให้ได้สดับในทุกคราวยามรานร้าวเศร้าใจ
กับน้ำคำคนน้ำคำใครที่ไม่เข้าใจ..เรา


คำสอนที่ว่า
*ให้รู้เมตตา มีน้ำใจ ให้อภัย ทุกดวงใจผู้คน*
และ
*อย่าพิพากษาคนพิพากษาใคร ตามคำใครเขาว่า
ไม่นินทาคนลับหลัง
ให้รู้จักคำให้อภัยให้โอกาส คน
ที่สามารถทำผิดพลาดได้
ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนเดินดิน


จงใช้และให้ความปรานีมิรู้สิ้น
รินน้ำใจที่ใสงามดั่งหยาดน้ำค้าง
ลงพร่างพรมห่มหอมทุกห้องหัวใจ
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง


เพียรเพาะบ่มฝึกให้มีจิตดวงใสดวงดี
ที่พลีพร้อม
จะให้พลังใจกำลังใจทะนุถนอมทุกผู้คน
ไม่ว่าจนรวย หากทำได้*


ที่ไม่ช้านานเมื่อกาลเวลาลาล่วง
เด็กผู้หญิงน้อยจึงพึงได้ระลึกรู้ว่า
ท่านคือปูชนียบุคคลอันงามจิตงามใจอย่างที่สุด
ที่เป็นดั่งครู
ดั่งแม่ที่แผ่เมตตาสอนจิตใจให้เด็กหญิงน้อย
ได้เติบใหญ่และ
เพียรพยายามน้อมนำมาประพฤติปฎิบัติตาม
ทุกน้ำใจทุกความดีงามหอมห่ม
มาพรมพร่างให้แด่ทุกผู้ที่รักที่ได้ชิดใกล้
ให้เพื่อนมนุษย์
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อย่างยินดีอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

ภาพเด็กหญิงน้อยนั่งดายเดียว
หากใบหน้าเรียวละมุนเศร้านั้น
ดูช่างแสนสวยใสสงบงาม
ด้วยกำลังผสานพยายามสร้างสมาธิ


ตั้งใจ
ร้อยพวงมาลัยดวงดอกพิกุลพราว
ที่ราวธรรมชาติฝากสลักลายแสนบรรเจิดบรรจง
เป็นดั่งโซ่สายสร้อยจากจิตใจผจงเส้นยาว


ที่ได้งามแผกงามหอมมาถึงยามนี้
ที่ยังอวลกลิ่นกรุ่นหวานละมุน
ในอกในใจในมโนนึกทุกครั้งครา..
ยามที่คะนึงนึกระลึกย้อนหลังไปในอดีต..แสนงาม..


ภาพเด็กหญิงน้อย..ช่างฝัน
ที่นั่งพิงเสาในโบสถ์คร่ำ
ยามคุณย่าและพุทธศาสนิกชน
เพียรฟังธรรมในวันเพ็ญเดือนหก


ให้พานพาเงียบสงบหากงามใจ
เมื่อเธอเหลือบไปเห็นพลังกระจ่างสว่างวาบ
ดั่งดวงแก้ววิเศษที่จิตจับได้ 
ราวเกิดปาฏิหารย์รักจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่


ภาพแสงเทียนพรรษาแท่งใหญ่ถูกจุดให้สว่างไสว
จับจีวรสงฆ์งามกระจาย
พรายพร่างดั่งแสงสงฆ์มลังเมลืองพรายไปตามผนังโบสถ์
แสงเทียนเสียงธรรมจากพระสงฆ์
นำบทสวดก่อนให้ทุกจิตนิ่งสนิทสมาธิภาวนาพาพบปัญญาใส


ยามนั้น
ราวโลกเล็กๆใบสวยใสสงบงาม
ในดวงจิตใจดวงใจของเด็กหญิงน้อย


ราวค่อยหยุดคล้อยเคลื่อนหมุนช้าลงๆ
โลกเสมือนสว่างวาบด้วยปลาบปลื้มปิติ
ที่จิตไหวรับได้สัมผัสงามที่กระจ่างแจ้ง
ราวพบพร่างว่างวิบชั่วนิจนิรันดร..
....................

V271163_CROP1.jpgV271161.jpg				
comments powered by Disqus
  • คนบนเกาะ

    12 มกราคม 2551 07:38 น. - comment id 810286

    36.gif    ปลายฟ้าเป็นเสมือนหลาย ๆ สิ่ง  เป็นจุดมุ่งหมายของหลาย ๆ คนครวญถึง  สวัสดียามเช้าครับ
  • ดอกบัว

    12 มกราคม 2551 08:24 น. - comment id 810288

    สวัสดีค่ะพี่พุด
    ในบางครั้งสิ่งที่เราเป็น
    ก็ยากที่จะมีใครๆเข้าใจนะค่ะ
    บัวคิดถึงพี่พุดค่ะ
    36.gif46.gif
  • whitelily

    12 มกราคม 2551 10:39 น. - comment id 810322

    สวัสดีค่ะ.....
    
    
    ปัจจุบันนี้ก็ยังฝันถึงปลายฟ้า  ที่แสนไกลนั้นอยู่เลยค่ะ....11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน