หากหนึ่งนั้น คือสายน้ำ เย็นฉ่ำใจ อีกหนึ่งคือ ป่าไม้ ปกทิวผา นี่คงคือ แสงสว่าง กลางนภา กระทบพา หักเห กลายรุ้งงาม และรุ้ง นั้นพาดผ่าน ณ ที่ใด ก็ก่อให้ ในใจ เกิดคำถาม ว่าไฉน รอบลาย ปลายรุ้งงาม จึงนำความ สดใส และเบิกบาน แล้วจึงรู้ ต้นแสง แห่งฟากฟ้า ที่คอยส่อง แสงมา เมื่อดินขาน แต่ก็รู้ อยู่นับเนิ่น เพียงไม่นาน รุ้งก็พลาน ลางเลือน ละลายไป ใจก็พลัน หวั่นเศร้า เคล้ามัวหมอง ฟ้าที่รอง เรืองสุข เคยสดใส กลับหมองหม่น มืดคลึ้ม กลืนจิตใจ แล้วร้องไห้ กลายเป็น หยดน้ำฝน ฟ้าก็ร้อง แวบดัง ดั่งปวดร้าว ดินที่กร้าว กลับกลาย มลายป่น หยาดฝนหยด จากฟ้า ที่เบื้องบน สู่ปวงชน เบื้องล่าง ที่ใจหาย ณ บัดนี้ไม่มีแล้วละ...รุ้งงาม ผู้ทอความ สุขสดใส แห่งแสงสาย แต่ละออง รักนี้ มิเสื่อมคลาย จะขยาย ละลอยล่อง ไปทั่วคาม ขอปลายรุ้ง ที่ลับแล้ว ละเลือนหาย อย่าเดียวดาย กลางฟากฟ้า น่าเกรงขาม แต่จงอยู่เคียง แสงจันทร์ ตะวันงาม และสายลม ที่พัดความ ชื่นฉ่ำเย็น
5 มกราคม 2551 20:54 น. - comment id 808122
รุ้งงามยังคงมี และสถิตอยู่กับทุกหัวใจของปวงชน
7 มกราคม 2551 23:23 น. - comment id 808779
ลาลับแล้วดวงแก้วพริ้งแพรวใส สู่สวรรคาลัยไกลหนักหนา ปวงประชาต่างสะอื้นกลืนน้ำตา พระมาลาจากข้าไทไปนิรันดร์ น้อมอาลัยพระองค์พระทรงศรี ต่อจากนี้ไม่มีแล้วดวงแก้วขวัญ เคยปลดทุกข์บำรุงสุขไทยทั่วกัน โอ้มิ่งขวัญลาลับแล้วดวงแก้วไทย ขอพระองค์ทรงสถิตย์วิมานแก้ว งามเพลิศแพร้วสู่สวรรคาลัย ขอพระองค์ทรงนิทราทั้งกายใจ ชนชาวไทยส่งเสด็จพระพี่นางฯ ขอร่วมไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยคนนะคะ ขอพระองค์ เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา แก้ว กลางไพร