** อนิจจา ** ฟ้าสีครามวิจิตรพิศเพียงแผ่ว ขอบฟ้าแก้วเรืองรองผุดผ่องใส ระวีส่องพิลาสสาดแสงไกล ยังฝากไว้ซ่อนเด่นเร้นละลาน ปานประหนึ่งฤทัยที่ไร้รส มัวจ่อจดฝากไว้คล้ายประสาน งดงามสิ่งไหลหลงดงตระการ ดังตำนานจินตนาแววพร่าลง ดุจเอนโอนพลิ้วไปคล้ายลมพัด เหมือนเซซัดหมุนวนระคนผง ฟุ้งกระจายลอยล่องละอองพง ดวงใจคงแลลับยากกลับมา สิ่งอยากได้วิไลคล้ายแนบเงา สร้างปวดร้าวโกรธามาผันหา หวังในสิ่งอิงหวั่นจนพรั่นอุรา ฤทธิ์เสน่หาฝากไว้ไกลฟ้าดิน ความอยากปองสรรค์หามาเศร้าจิต จงใจคิดเปลี่ยนแปลงแฝงมิสิ้น จนท้วมท้นปนจริตปลิดล่วงริน คงขาดวิ่นจนทุกข์เข้าปลูกทรวง อันจิตเราเกิดมาประภัสสร สิ่งยอกย้อนกิเลสเข้าเฝ้าห่วง หลงรูปร่างสร้างไว้ในคำลวง ปั่นเป็นยวงผูกมัดจัดสู่กรรม สิ่งไม่ดีที่ชั่วมัวหลงเพลิด คิดว่าเลิศฝากไว้คล้ายแสนฉ่ำ อันความดีกลับเกินจนเมินทำ เมื่อตัวต่ำซ้ำทรวงล่วงสิ้นทาง เกิดเป็นคนยากแค้นแสนสาหัส เปรียบเร่งรัดปองไว้มิได้ขวาง สร้างสรรค์ทุกข์ก่อไว้มิได้วาง หวังผูกสร้างลงไว้ในแนวเดิน อันความดีมากมายให้ผ่องแผ้ว ลืมเสียแล้วกลับหวนล้วนสรรเสริญ เพาะเม็ดโลภโกรธหลงจนเพลิดเพลิน เที่ยวได้เผชิญสิ้นลงตรงอบายภูมิ แสนเสียดายพุทธธรรมนำลิขิต ให้ใฝ่จิตพ้นทุกข์แสนสุขุม พิจารณาดีร้ายให้รัดกุม สิ่งร้อนรุ่มก็หายไปจากใจ จงค้นหาสาเหตุแนวแห่งทุกข์ แล้วเร่งปลุกขจัดสิ้นจินต์แจ่มใส ละปล่อยวางให้ห่างจนร้างไกล สร้างสมาธิศีลไว้ในปัญญา ว่าทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง เกิดทุกขังเปลี่ยนไปไม่หรรษา จะเกิดดับกลายเป็นอนัตตา สิ่งปรารถนามุ่งไว้ในทุกวัน ค่อยค่อยเป็นทำใจอย่าได้เร่ง อย่าได้เพ่งปล่อยไปให้ประสาน จนจิตรวมเป็นหนึ่งก็ถึงกาล พิจารณาพลันเกิดดับเข้ากับกาย ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อได้เกิด สิ่งประเสริฐควรดูอยู่สิ้นสลาย เหตุไฉนมีคนแก่แม้เจ็บตาย เป็นอย่างไรถึงลับดับฟ้าดิน ตายแล้วเกิดแล้วตายอาณาจักร หมุนประจักษ์รอยเกวียนวนเวียนสิ้น ขาวเป็นดำเหลืองแดงแฝงอาจินต์ เพราะราคินสิ่งหมายมิคลายครอง ดั่งอาทิตย์จันทร์ดาวเฝ้าลาโลก ยังเปลี่ยนโยกคืนกลับมิลับสนอง จะวนเวียนเหมือนกายในครรลอง หากใฝ่ปองกิเลสเฉดเดียวกัน มีทางเดียวเท่านั้นที่ทันกิเลส อริยสัจจ์สร้างเหตุมรรคสุขสันต์ รูปเวทนาสังขารสัญญาทัน ไม่อาสัญเกิดใหม่ได้นิพพาน. *** แก้วประเสริฐ. ***
21 กันยายน 2550 19:28 น. - comment id 757522
พระสังข์ทอง ยองใย ใช่ทองแท้ ความรู้แค่ ป.สี่ หามีไม่ ซึ่งกระเดื่อง เรืองอิทธิ์ ฤทธิไกร เพราะอาศัย รูปเงาะ เสาะลักมา เรื่องโชคช่วย เลิกใช้ สมัยนี้ จะให้ดี ต้องชยัน หมั่นศึกษา ถึงรูปชั่ว ตัวดำ ดั่งครามทา มีวืชา ดีกว่าชุบ รูปเป็นทอง.
21 กันยายน 2550 19:40 น. - comment id 757526
ความดีหมั่นทำ ก็ส่งผลให้เรามีสุขในภพหน้าค่เ
21 กันยายน 2550 20:14 น. - comment id 757543
ขอเข้ามาฟังธรรมคำไพเราะ อยากบ่มเพาะใจจิตวิศิษฏ์ใส จิตแล่นตามความธรรมพลันอำไพ อยากจะให้แผ่นดินนี้มีแต่ธรรม...
21 กันยายน 2550 20:24 น. - comment id 757546
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ใช่ของเราแม้แต่ร่างกาย ฉนั้นควรกระทำแต่ความดีไว้สร้างสรรค์โลกค่ะ.. สบายดีนะคะ แวะมาเยี่ยมค่ะ..
21 กันยายน 2550 21:43 น. - comment id 757571
คุยกับเด็กเด็กเรื่องบาปบุญเวรกรรม... คำตอบคือทางวิทยาศาสตร์ไม่เคยบอกเช่นนั้น.... คุยกันนาน..ท่าทางแกก้อไม่ค่อยเข้าใจ... ด้าก้อรู้ไม่จริง.....คงต้องศึกษาด้านนี้..อีกทาง
22 กันยายน 2550 00:14 น. - comment id 757601
เมื่อมีชีวิตอยู่......ให้รู้เท่าทันกิเลส ใช่มั๊ยคะ?? ขอบคุณค่ะ เข้ามาอ่านแล้วก็มีสติทุกครั้ง
22 กันยายน 2550 01:18 น. - comment id 757626
อนิจจาวะตะสังขารา.....ใช้สายสิญย์กับผ้าสบง บังสกุลด้วยรึเปล่าครับป๋า อิอิ บทนี้เยี่ยมจริง ๆ น่าจะห่มผ้าเหลืองด้วยเลย
22 กันยายน 2550 01:53 น. - comment id 757628
ดีคะ แวะมาทักทายค่ะ กลอนเพราะอีกแล้วอ่านแล้วซึ้งใจมากเลย black moon
22 กันยายน 2550 03:17 น. - comment id 757639
22 กันยายน 2550 08:50 น. - comment id 757698
สวัสสดีครับ อาจารย์แก้ว ดูปลงๆนะครับเที่ยว นี้ แต่ที่ไม่ยอมปลงคือกลอนยังไง ยังไงก็เพราะพริ้งเสมอครับ ผมก็อาจทำได้เหมือนอาจารย์ แต่ต้อง10ปีขึ้นไป
22 กันยายน 2550 11:00 น. - comment id 757759
ชีวิตเราอยู่ได้ไม่นาน แต่ "ความดี" คือสิ่งที่นานกว่าค่ะ.......
22 กันยายน 2550 11:22 น. - comment id 757773
อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา
22 กันยายน 2550 12:24 น. - comment id 757783
ชีวิตม้นสั้นนัก ให้ยึดปฎิบัติในไตรสิกขา ปฎิบัติในศิล สมาธิ แล้วปัญญาก็จะเกิด ภาวนาหรือบริกรรม( พุธโธ พุธโธ )เยอะๆ แล้วจะเจอหนทางที่ดับทุกข์ใด้ สาธุ..... เขียนได้ดีมากนะคะ
22 กันยายน 2550 14:25 น. - comment id 757829
รำพึง รำพันซะยาวเลยนะคะ สบายดีไหมคะ ช่วงนี้หวัดรุมเฌอค่ะ
22 กันยายน 2550 15:29 น. - comment id 757858
อนิจัง ทุกขัง อนัตตา...ปลงแล้วเหรอท่านท้าวฯ
22 กันยายน 2550 15:55 น. - comment id 757872
อนิจจา... ชิวิตสังขารไม่เที่ยง เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป-คงไว้แต่ความดี-ชั่ว ของปวงชน
22 กันยายน 2550 16:23 น. - comment id 757888
อนิจจาภาษาลุง(แก้ว) แต่งปรุงแล้วช่วงงามสม ภาษาปรุงแต่งแห่งคารม คือคำคมของลุงปรุงแต่งกลอน นานพอสมควรมิได้มาเยี่ยมลุง คงสบายดีนะครับ
22 กันยายน 2550 18:11 น. - comment id 757917
คุณ ใบไผ่ทะเลแก้ว บอกตรงๆว่าคุณหากเขียนกลอนละครจะได้ ดีทีเดียวครับ ขอบคุณนำกลอนมาฝากครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:20 น. - comment id 757931
คุณ มณีจันทร์ ถูกต้องครับ การสร้างความดีจะเกิดขึ้นทันทีครับ หากเราสังเกตุคือ จิตใจเราจะแจ่มใสร่าเริง เบิกบานในขณะที่ทำความดีนั้นๆ แต่คนเราไม่ค่อยได้สนใจถือว่าการทำบุญซึ่งเป็น ความดีอย่างหนึ่งนั้น เมื่อสร้างแล้วย่อมได้บุญไม่ ได้สังเกตุจิตใจเราหรอกครับ ส่วนจะมากน้อยหรือ ไม่ย่อมแล้วการกระทำครับ กรรมหรือเวรเกิดขึ้น ไม่เท่ากันเช่นการขว้างบอลใส่กำแพงหากเรา ขว้างไม่แรงการสะท้อนจะน้อยตามลำดับ หากเราขว้างแรงสิ่งสะท้อนก็ย่อมตามมามากฉันท์ นั้นครับ เปรียบเสมือนสิ่งที่ดีย่อมจะน้อยกว่าสิ่ง ที่ชั่วที่มีมากมายนักครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:24 น. - comment id 757936
คุณ แสงเหนือ เมื่อก่อนนี้ผมเขียนแต่ธรรมกลอนมากว่า กลอนธรรมดา แต่คนเราไม่ค่อยสนใจนัก จึงเห็น ว่าธรรมย่อมไม่เป็นสิ่งที่ปรารถนาของคนยุรใหม่ นี้เท่าไหร่นัก จึงเปลี่ยนแนวใหม่ แต่ก็ยังแฝงคติ ธรรมไว้สอดแทรกให้เขาครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:27 น. - comment id 757937
คุณ white roses ครับถูกต้องแล้วครับ ร่างกายเรานี้อุปมาดั่งบ้าน หลังหนึ่งที่จิตใจเราอาศัยอยู่ นานๆวันย่อมเกิดการ ผุพังไปตามกาลเวลา แต่จิตใจเรายังไม่เสื่อมสลาย ไปด้วยก้เพราะกิเลสเข้าครอบครองไว้ทำให้เกิด การเกิดดับๆไปเรื่อยเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เป็น ลคนบ้างเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นโอปาติกะบ้าง มากน้อยแล้วแต่เวรที่เขาสร้างมาครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:41 น. - comment id 757941
คุณ ด้า ฯ ทางวิทยาศาสตร์ยังค้นคว้าศาสตร์เร้นลับและ ยังไม่สามารถค้นพบความถ่องแท้จริงจังได้ แต่ก็ยัง เชื่อถือเรื่องเหล่านี้อยู่แต่หาทางพิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่ ใช่วัตถุเป็นแค่เพียงจิตใจที่เราเรียกกันว่าวิญญาณ คือการรับรู้ ผมจะบอกให้คร่าวๆนะครับ ทั้งรูปธรรม นามธรรมจัดอยู่ในรูปทั้งสิ้น เวทนาคืออาการ เสวยทุกข์หรือสุขหรือการวางเฉยเรียกว่าไม่ ทุกข์และสุข สัญญาคือการจำได้หมายรู้ แล้วก็ สังขารคือการปรุงแต่ง วิญญาณคือการรับรู้รับ ช่วงต่อจากสังขารอีกทีหนึ่งทั้งหมดจะวนเวียนกัน เรียกว่าจิต จะเกิดดับๆอยู่ตลอดเวลาครับ หาก ดับไปไม่เกิดนั่นแหละเรียกว่านิพพานเขาเรียก อีกอย่างว่าผุดในนิพพานต้องปราศจากกิเลส ทั้งใหญ่น้อยและผงธุลีใดๆทั้งสิ้นครับ เป็นอมตะ วไม่แตกดับสลายเสวยแต่สุขด้านใจด้านเดียว ฉะนั้นไม่ว่าเทวดา พรหมทุกๆชั้นนั้นถึงแม้ว่า จะมีอายุเสวยสุขยืนยาวนานก็ยังมีกิเลสอยู่เพราะ ยังตัดกิเลสคือตัณหา โลภ โกรธ หลงไม่หมดสิ้น เพียงแค่ให้มันสงบๆเท่านั้นครับ ผมเป็นคน ความรู้น้อยประดุจดั่งหางอึ่งมิกล้าสาธยายมาก กว่านี้ได้ครับ ขอบคุณนะครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:46 น. - comment id 757945
คุณ มัสลิน การจะรู้เท่าทันกิเลสได้นั้นมีทางเดียวคือปัญญา ที่ประกอบด้วยศีลสมาธิอันแน่วแน่ ทั้งสองนั้นจะขาด สติสัมปชัญญะมิได้ต้องพร้อมเสมอแต่มีจิตใจมี่มั่นคง ไม่แปรผันเด็ดเดี่ยวคอยสังเกตุอาการต่างที่เกิดขึ้น แก่ร่างกายเราตลอดเวลาที่มีสติไตร่ตรองพิจารณา อาการที่เกิดขึ้นต่างๆครับ โอ้ยบรรยายไปก็ยาว มาก เอาแค่นี้ก่อนนะครับ หากเรามีสติสังเกตุ อาการเปลี่ยนแปลงร่างกายเราได้นั่นแหละถึง จะเรียกว่ารู้เท่าทันครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 18:53 น. - comment id 757946
คุณ ฤกษ์ รูปหล่อ สายสิญธ์นั้นเห็นต้องใช้พร้อมผ้าเพื่อห่อร่าง กายครับส่วนสบงไม่ใช้ครับเพราะยังไม่คิดจะบวช ครับ อิอิ ผมก็เขียนเรื่อยๆเปื่อยตามประสาคนแก่ แหละครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:00 น. - comment id 757949
คุณ Black Moon ขอบคุณ ผมเคยพูดหลายๆครั้งแล้วครับว่า หากเราสามารถทำจิตให้เป้นกลอนได้ฉันท์ใด ในขณะที่อารมณ์เบิกบานแจ่มใส ผลงานย่อม เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่ว่าจะเขียนในแนวไหนๆ ก้ตามเถอะ ทุกๆตัวอักษรจะพลิ้วไหวตลอดตามใจเรา ครับ เพราะมันออกมาจากใจเราเองขณะที่อารมณ์ เราเบิกบาน อักษรย่อมเบิกบานตามครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:04 น. - comment id 757950
คุณ silver snitch ขอขอบคุณในน้ำใจยิ่งนักครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:08 น. - comment id 757952
คุณ ดาวระดา ไม่หรอกครับ พยายามทำตามที่ผมบอกไว้ เถอะไม่ช้าหรอกครับ ทุกๆอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ทั้งสิ้น หากใจเราไม่ท้อถอยแล้วก็ย่อมเกิดความ เบิกบานเมื่อเกิดการเบิกบานจิตก็แจ่มใส เมื่อจิต แจ่มใส ปัญญาก็เกิด ให้มันหมุนวนเวียนภายในใจ เราอย่างสม่ำเสมอๆ ไม่นานหรอกผมว่าไม่เท่าไหร่ ก้จะเก่งกว่าผม ขอให้เก่งกว่าผมเอาชนะผมให้ได้ ผมจะดีใจมากครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:12 น. - comment id 757954
คุณ whitelily ครับความดีหรือเรียกว่ากรรมดีนั้นจะติดตาม เราทกขณะจิตครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:14 น. - comment id 757957
คุณ เพียงพลิ้ว หลานกานต์ใช่แล้วจ๊ะ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในโลก นี้ไม่มีใครหลีกหนีพ้นหรอกจ๊ะ ดึใจที่หลานเราเข้า ใจเหตุของไตรลักษณ์จ๊ะขอบใจมากนะ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:24 น. - comment id 757962
คุณ นกยูง การภาวนาไม่ว่าจะเป็นบทใดๆก็ตามทีนั้นถือ ว่าเป็นสมถะกรรมฐานอย่างหนึ่งที่ทำให้จิตใจคนเรา ที่วอกแวกสัดส่ายไปๆมาๆสอดรู้สอดเห็นตลอดเวลา หยุดอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะกำหนดลมหาย ใจเข้าออกให้จิตลงไว้ที่ปลายจมูกที่กระแสลมผ่าน เมื่อจิตมีที่ยึดเหนี่ยวแล้ว ก็จะไม่เพ่นพ่านไปไหน แต่ก็พยายามดิ้นรนต้องใช้สติเราบังคับมันถึง จะให้ความเร่าร้อนจิตอยู่ได้ครับ เมื่อจิตที่สงบนิ่ง แล้วก็จะเกิดฌาณตามขั้นตอนหากไม่เลิกเสีย ก่อนจะไปถึงขั้นโลกุตตระธรรมเข้าสู้มรรคอรหันต์ จนถึงขั้นอรหันต์ผลล่วงเลยเข้าสู่นิพพานครับ นี่เพียงเราเริ่มต้นเพราะต้องอาศัยวิปัสนาญาน เข้าควบคุมกำกับด้วยเพราะวิปัสนาญานนั้นจะ พร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญาอันแก่กล้า ใคร่ครวญ ตรวจสอบอย่างละเอียดครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:28 น. - comment id 757963
คุณ เฌอมาลย์ ครับดีบ้างไม่ดีบ้างครับเจ้าหญิง ระยะนี้อากาศ หน้าฝนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเกิดไม่สบายเป็นหวัด กันได้ง่ายๆ หมั่นรักษาทานยาควบคุมเสมอๆนะครับ ขอบคุณครับเจ้าหญิง แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:30 น. - comment id 757964
คุณ บินเดี่ยวหมื่นลี้ โอ้ยท่านพระยาฯตั้งแต่ท่านนำพาไปผมก็ ปลงแล้วยิ่งสังขารตอนนี้นะ อิอิ อย่าพูดดีกว่าเดี๋ยว หัวร่อจนตายเสียเพื่อนไปอีกคน ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:32 น. - comment id 757966
คุณ ไหมไทย ขอบคุณครับที่เข้าใจยิ่ง ถูกแล้วล่ะครับความดี คนไม่ค่อยมองเห็นแต่ความชั่วหลอกล่อเห็นได้ง่าย ครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:32 น. - comment id 757967
สวัสดีค่ะครูแก้ว กลอนไพเราะและซาบซึ้งมาก ๆ เลยค่ะ หนูเพิ่งซ่อมคอมเสร็จวันนี้เองค่ะ ทุกวันนี้ก็พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ แต่คงไม่สม่ำเสมอ ขอให้ครูมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขทั้งกายและใจนะคะ จิตรำพัน
22 กันยายน 2550 19:36 น. - comment id 757969
คุณ ครูกันเอง ครับช่วงนี้ต้องติวเข้มศิษย์เพราะใกล้สอบแล้ว ยากจะหาเวลาได้ ที่เข้ามาเยี่ยมก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง ครับขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 19:40 น. - comment id 757972
คุณ จิตรำพัน ไม่เป็นไรครับ พยายามฝึกฝนนะครับผมเอง ติดตามเสมอ เห็นว่าไปได้แล้วพยายามค้นหา สาเหตุความเหมาะสมของอักษรที่จะใช้นะครับ ไม่นานหรอกหนูก้จะเก่งกว่าผมเสียอีก เพียงเรา ตั้งใจไว้ให้สม่ำเสมอเพราะงานนี้เป็นความดีอย่างหนึ่ง ที่สามารถถ่ายทอดออกสู่สังคมได้ครับ แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2550 20:29 น. - comment id 757979
สวัสดีตอนค่ำๆ ค่ะ ไม่เจอกันนาน สบายดีนะคะ...
22 กันยายน 2550 21:34 น. - comment id 758004
แวะมาอ่านงานลุงแก้วค่ะ นำภาพตะวันจะลับเหลี่ยมเขามาฝากค่ะ รพีถ่ายเองนะนั่น ช่วงนี้ยุ่งมาก ๆ อิ อิ ดูแลตัวเองนะคะ สวัสดีค่ะ
23 กันยายน 2550 00:19 น. - comment id 758049
ขอบพระคุณคุณชายอย่างยิ่ง.... ข้อความที่ท่านกรุณาลงให้คงพอ.... อธิบายก่อนได้ จะค้นหว้าเพิ่มเติม
23 กันยายน 2550 11:42 น. - comment id 758199
คุณ ชมพูภูคา สวัสดีครับ เรื่องสบายก็ดีบ้างไม่ดีบ้างครับ ทุกๆคนมีธุระไม่มากก็น้อยครับไม่เป็นไรคิดถึง แวะมาเยี่ยมบ้างนะครับขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
23 กันยายน 2550 11:46 น. - comment id 758204
คุณ bananaleaf ครับขอบคุณผมเก็บไว้แล้วครับ โอากาส เหมาะจะนำมาประกอบกลอนครับ แก้วประเสริฐ.
23 กันยายน 2550 11:48 น. - comment id 758211
คุณ ด้า มิเป็นไรครับ หากผมรู้จะไม่ปิดบังหรอกครับ หากสนใจเรื่องธรรมนั้น หากสังเกตุต้นไม้นั่นแหละ ก็จะทราบการเปลี่ยนแปลงเหมือนร่างกายเราครับ แก้วประเสริฐ.