**.. เถลิงยุค สายลม ชมแสงแดด วงล้อมแวด แดกสุรา แจ่มราศี เบิ้ลรถโชว์ โรเล็กซ์ เทคโนโลยี ชุมนุมนี้ นามว่า มหาลัย.. **.. ถึงคราวยุค เสื่อมสิ้น แสวงหา ใครใคร่ค้า สวย-หล่อ ก็ค้าได้ ใครใคร่หรู แฟชั่น นั้นตามใจ ใครใคร่ใคร่ เพลิดเพลิน เชิญสืบพันธุ์.. **.. ฉันร่าน ฉันมัน ฉันเว่อร์ มหาลัย เพ้อเจ้อ เหมือนฝัน หน่วยกิต แลกเหงื่อ เพื่อลูกนั้น กระสัน โหยกลิ่น ปริญญา.. **.. ความรู้ล้นหัว เอาตัวไม่รอด ทางใบ้มืดบอด ไม่เห็นเป็นท่า ลืมเสียสละ เพื่อนร่วมโลกา เกียรตินิยมไร้ค่า ตราหน้าปัญญาชน.. **.. ฟ้าสีทอง อำไพ อยู่ไกลโพ้น อยากตะโกน กู่ร้อง ก้องสักหน ชีวิตเกิด เพื่อสิ่งใด ให้ใครยล ค่าของคน เธอนี้ มีเท่าไร.. ( อย่าคิดแคบ แค่ตำรา มหาลัย คนยากไร้ ยังรอเกื้อ เอื้อแบ่งปัน ... ) ด้วยความหวังดี ก.นพดล รักษ์กระแส ก.ประแสร์ ศิษยาพร ( วรรคที่สาม ได้แรงบันดาลใจจากบทกวี เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน ของอ.วิทยากร เชียงกูล ที่ว่า สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว ) **.. หลังจากที่ผมได้อ่านหนังสือ " ฉันจึงมาหาความหงอย" ของคุณไพบูลย์ วงษ์เทศ ที่ตีพิมพ์เมื่อคราวปี 2525 เป็นวรรณอำ สมพาสกรุงรัตนโกสินทร์ ปีที่ 200 ก็ชอบในลีลาการเขียนและวิธีการนำเสนอมาก จนอาจเรียกได้ว่า นี่เป็นแนวการเขียนอีกแนวก็ว่าได้......เป็นการที่คุณไพบูลย์อำเป็นนักเขียนชื่อดังหลายท่าน เช่น อ.วิทยากร เชียงกูล ( ฉันจึงมาหาความหมาย ) ก็ถูกอำเป็น วิทยากร กุนเชียง ( ฉันจึงมาหาความหงอย ) แทน ผมอ่านไปได้สักระยะ จึงเกิดแรงบันดาลใจตามที่ได้อ่าน จึงตัดสินใจที่จะเขียนกวีนิพนธ์ขึ้นสักชุดหนึ่งและมันคงเป็น รวมบทกวีชุดแรกของผมด้วย เพราะผมไม่เคยเขียนบทกวีที่เป็นชุดมาก่อน โดยใช้ชื่อว่ารวมบทกวีชุด " วิสาสะนิยม" แปลง่ายๆว่า นิยมการถือวิสาสะ ถือความคุ้นเคย วิจารณ์สังคมไปเรื่อยๆ ( ตามใจตน อิอิ ) ในชิ้นแรกนี้ เป็นการตีแผ่ให้เห็นถึงสภาพสังคมที่อยู่ใกล้ชิดผมมากที่สุดคือ มหา'ลัย โดยผมได้รับอิทธิพลทางความคิดมากจากบทกวีของอ.วิทยากร เชียงกูลมานานแล้ว ( ก่อนจะเข้ามหา'ลัยเสียอีก ) บ่อยครั้งเข้าจนเหมือนกับว่าผมกลายเป็น " กบฏมหา'ลัย" เพราะผมไม่ชอบเห็นการที่หนุ่มสาวนิสิตนักศึกษาเมามันแต่ความสุขส่วนตน จนหลงลืมการเสียสละเพื่อสังคมส่วนรวม และด้วยประการนี้ผมจึงเป็นเด็กกิจกรรมมากกว่าที่จะเป็นเด็กเรียน และเห็นความสำคัญของประสบการณ์ชีวิตจริงมีคุณค่ามากกว่าการศึกษาถือจริงถือจังแต่ทางตำรา สุดท้ายนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงอภัยให้ผม หากกลอนในชุดนี้อาจดูหยาบกร้าน และถึงกึ๋นเกินไปกว่าจะใช้คำว่า " กวีนิพนธ์" ขอขอบพระคุณ
17 กันยายน 2550 01:50 น. - comment id 754745
ชอบมากๆครับ นี่แหละความเน่าของมหาวิทยาลัยปัจจุบัน โดนใจๆๆ แสบสะใจยิ่งนัก
17 กันยายน 2550 09:21 น. - comment id 754783
ฉันโง่ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันถึง มาหา ความหมาย ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้าย ได้กระดาษ แผ่นเดียว ..มหาลัยมีทุกอย่างที่คุณต้องการ..และไม่ต้องการ
17 กันยายน 2550 12:36 น. - comment id 754886
แต่งได้ดีจังคับ ก้อง เหอ ๆ อยากแต่งได้ และอยากตอบตัวเองให้ได้ว่า กำลังค้นหาอะไร แล้วที่อยากได้นั้นเจอหรือยัง... หายหน้าไปนาน ขอบใจที่ไปทักทายในไฟว์นะ
17 กันยายน 2550 16:02 น. - comment id 755037
18 กันยายน 2550 00:36 น. - comment id 755282
โป๊ะเชะ โดน... มาหารายว่ะ แสรดดด สวัสดีครับ ชอบตรงที่ว่า ฉันร่าน ฉันมัน ฉันเว่อร์ มหา’ลัย เพ้อเจ้อ เหมือนฝัน
18 กันยายน 2550 08:00 น. - comment id 755348
สองวันก่อน ตอนเดินทางไปคอนถมเพื่อไปงานแต่งงาน เปิดวิทยุในรถฟังเพลงคลอไปด้วย ก็ได้ยินเพลงหนึ่งน่าสนใจ ไม่รู้ชื่อเพลง .. แต่ความหมายเกี่ยวกับ นักศึกษาสาวในวิทยาลัย เพลงที่ชายตัดพ้อ .. และจบด้วยคำว่า จะเที่ยวบอกใคร ๆ ว่าวิทยาลัยนี้สอนให้คนเข้าผับ สอนให้กินเหล้า สอนให้หลายใจ ไว้ฟังอีกหน คงพอจะเล่าให้ละเอียดกว่านี้น่ะ แหะ แหะ ..
18 กันยายน 2550 08:07 น. - comment id 755355
ขอชื่นชมผลงานด้วยคนนะครับ
18 กันยายน 2550 08:25 น. - comment id 755361
สะท้อนสังคงดีจัง..(ไม่หยาบคายหรอก...น๊า) ตอนเป็นนักศึกษา ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม เน้นเรียน เพื่อให้จบเร็วๆ จะได้ออกมาหางานทำเร็วๆ แบ่งเบาภาระทางบ้าน.. เลยต้องฝึกวิชาสังคมในที่ทำงาน กว่าจะปรับตัวได้ ก็นานเหมือนกัน...รู้งี้ทำสองอย่างดีกว่ากันเยอะเลยเนอะ :)
19 กันยายน 2550 18:07 น. - comment id 756312
แวะมาทักทาย...ชื่นชมค่ะ สะท้อนสังคมมหา'ลัย.. ดีจริงๆ
12 มีนาคม 2551 23:21 น. - comment id 831514
ยังคงความเป็นตัวเองได้ดีมากเลยครับ น้องต้อง ไม่เจอกันนาน ฝีมือไม่ตกนะ