๏ โอ้แผ่นดินอจลาที่ข้าฯรัก ข้าฯตระหนักบุญคุณเกื้อหนุนอยู่ ทุกสรรพชีพสืบได้ใครอุ้มชู ข้าฯรับรู้ปฐพีนี้ประทาน แหล่งกำเนิดทั้งหมดบรรพตมาลา ก่อพฤกษาพรรณไม้ให้อาหาร ทั้งสัตว์ป่าน้อยใหญ่แลสายธาร ล้วนบันดาลเพียงพอแม่ธรณี เกินเอื้อนพจน์รจนาชลาสินธุ์ ข้าฯดื่มกินสนานสนุกล้นสุขี ถิ่นอาศัยเหล่ามัจฉาวนาลี พระคุณนี้ฤๅลืมลงแม่คงคา ระรินไหลเย็นเยียบเปรียบแดนสรวง ทุกข์หนักหน่วงผ่อนได้ไม่รู้สา แม่บรรเทาเนืองนับซับน้ำตา พระกรุณาควรเคารพนบวรุณ แผ่วผัสสะพระพายกายแช่มชื่น แสนระรื่นรวยระรินหอมกลิ่นกรุ่น เหล่าบุษบาพฤกษ์ไพรใดละมุน วาโยหนุนภวังค์จิตสนิทใน จักกี่ร้อนคลี่คลายจนหายร้อน ช่วยพัดผ่อนปลอบขวัญคราหวั่นไหว เมตตานี้สุดร่ายเรียงสำเนียงใด ด้วยหัวใจของข้าฯนี้ชุลีกร ตราบสุรีย์ยังโชติช่วงชัชวาลย์ ความอาจหาญข้าฯมนัสประภัสสร ให้ฮึกเหิมปลุกใจไร้นิวรณ์ ชุบจิตอ่อนด้วยแสงแห่งประภา ข้าฯยังคงก้าวไปในความหวัง มิหยุดยั้งเพื่อสมมาตรปรารถนา แสงอนลที่เจือจานดั่งมารดา ขอรำลึกวันทนาชั่วฟ้าดิน ๚ะ๛
23 กรกฎาคม 2550 13:24 น. - comment id 728471
โห.... กตัญญูต่อแผ่นดินจังเลยเนอะ
23 กรกฎาคม 2550 14:00 น. - comment id 728500
๏ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทุกชีวิตต้องการและมีความสำคัญไม่แพ้กัน
23 กรกฎาคม 2550 17:24 น. - comment id 728630
ที่ก่อเกิดมาเป็นตัวตนก้อด้วยสิ่งนี้ แล้วสุดท้ายทุกสิ่งก้อคืนกลับสู่ที่เดิม แวะมาสวัสดีค่ะ ใกล้เลิกงานหรือยังเอ่ย
23 กรกฎาคม 2550 22:36 น. - comment id 728730
ยิ้มด้วยความเข้าใจค่ะ เยี่ยมมากค่ะ.... ไพเราะ...... อ่านแล้วศรัทธาคนเขียน
23 กรกฎาคม 2550 23:04 น. - comment id 728746
ธาตุดินน้ำลมไฟได้รวมกลุ่ม เกิดเป็นปุ่มเป็นปมผสมผสาน ก่อเกิดกายงดงามตามวงศ์วาน แล้วหย่อนยามแตกดับลงทับดิน ต่างก็รอวันนั้นวันที่ไฟธาตุแตกดับ แล้วถ้าสมมุติว่าพรุ่งนี้ดาวหางจะวิ่งชนโลกต้องแตกดับแน่ วันนี้จะทำอะไรกันดี
24 กรกฎาคม 2550 10:09 น. - comment id 728945
ธาตุทั้งสี่ อืมน่าคิดเนอะ
24 กรกฎาคม 2550 11:22 น. - comment id 728985
ราวสองปีก่อนข้าพเจ้าได้รับการทาบทามให้เป็นบรรณาธิการบทกวีเกี่ยวกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ ช่วงเวลาที่ผ่านมา..ข้าพเจ้าก็ตีโจทย์ไม่แตกซักที ความเข้าใจกระจัดกระจายไม่เป็นรูปทรง แล้วจะเป็นบรรณาธิการได้อย่างไร ? ในเมื่อข้าพเจ้ายังค้นหาจุดประสงค์ไม่เจอ ใครต่อใครต่างก็บอกว่า..พระเจ้าสร้างโลก และทุก ๆ สรรพสิ่งตามธรรมชาติ องค์ประกอบของแต่ละธาตุ นอกจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ยังมี ทอง ไม้ ฯลฯ.. ด้วยสายตาข้าพเจ้าจะเห็น ดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่รอบ ๆ ตัว ด้วยความรู้สึกข้าพเจ้าสัมผัสได้ใน ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่อยู่ในตัวตน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่ก่อร่างเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เลือดที่ไหลวนไปยังทุกระบบ ลมหายใจที่ผ่านเข้าออกทางช่องจมูก และพลังงานในร่างกายที่เป็นกระแสวนโดยตลอด ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออย่างใดอย่างหนึ่งแปรปรวน ก็อาจหมายถึงชีวิต ข้าพเจ้ามีธาตุทั้ง ๔ อยู่ในตัว แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยทำความรู้จักธาตุที่อยู่ในตัวข้าพเจ้าอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ามัวแต่สนใจสิ่งภายนอก วุ่นวายกับสิ่งเร้าต่าง ๆ จนกระทั่งบางธาตุเริ่มงอแงก่อหวอดจนรู้สึกได้ อันที่จริง อย่างที่เกริ่น .. ข้าพเจ้ายังตีความไม่แตกถึงปริศนาที่มาแห่งธาตุนั้น ๆ ในหลักธรรมของพุทธศาสนา ธาตุทั้ง ๔ ถูกนำมากำหนดกสิณ .. ด้วยความที่ไม่ค่อยรู้ แต่อยากเรียนรู้ ใครรู้มากรู้น้อยก็ช่วยต่อยอดความคิดนี้ด้วยจักขอบคุณยิ่ง มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
24 กรกฎาคม 2550 11:37 น. - comment id 728999
คุณเขมรน้อย .. ก็ที่ทุกวันนี้ ก็ต้องอาศัยบนผืนแผ่นดินนี่นา.. คุณก่องกิก .. ใช่แล้วค่ะ องค์ประกอบที่จะขาดเสียมิได้เลย คุณชมพูภูคา .. หลายสัปดาห์แล้ว ที่เลิกงานหลังเวลาเลิกงานจริง ค่ะ กลับบ้านก็แทบหมดสภาพ โปรเจคใหญ่ที่จะขึ้นระบบในต้นเดือนหน้าค่อนข้างงานช้าง แต่วันนี้เพลาลงแล้ว ทุกอย่างเสร็จสรรพ รอวันขึ้นระบบเท่านั้นค่ะ คุณมัสลิน .. อัลมิตราพยายามทำความเข้าใจกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาสองปีกว่าแล้ว แต่ยังไม่ค่อยบรรลุผลเลยค่ะ ด้วยความที่พยายามจะนึกเรื่องราวที่จะอยากสื่อในรูปแบบ เพื่อนบางคนที่หวังจะให้เกิดสิ่งดี ๆ ในความเชื่อมโยงของธาตุทั้ง ๔ รูปแบบบทกวี ก็พลอยชะลอด้วย คุณฤกษ์ .. จากคำถาม ต่างก็รอวันนั้นวันที่ไฟธาตุแตกดับ แล้วถ้าสมมุติว่าพรุ่งนี้ดาวหางจะวิ่งชนโลกต้องแตกดับแน่ วันนี้จะทำอะไรกันดี อืมม .. ชวนไปทานข้าวสิ จะได้รับนัด แต่ต้องแถว ๆ พระราม ๓ นะ .. ฮา คุณแม่มดใจร้าย .. เฮ้อ .. อัลมิตรายังคิดไม่แจ่มแจ้งเลยค่ะ
24 กรกฎาคม 2550 12:30 น. - comment id 729032
เสน่หาตะวันออก! พุดพัดชา เสน่ห์ตะวันออกบอกโลกรู้ ชีวีอยู่กับว่างห่างสะสม มีชีวิตประจำวันดินน้ำลม ตั้งอยู่บนพื้นฐานความพอดี.. มีกลิ่นหอมดอกไม้สยายกลีบ ไม่เร่งรีบรับนวลเนื้อใจละไมนี้ มีธรรมชาติวาดเวิ้งฝันฝากชีวี มีดนตรี นก น้ำไหล ไหวระริน เป็นชีวีที่เรียบง่ายไร้และว่าง มีใจร่างกลางพงไพรในถวิล เรียนรู้โลกโศกไกลห่างว่างใจจินต์ มีเพียงดิน น้ำ ลมไฟ ในชีวา ฝันฝากร่างห่างไกลโลกโศกสุกสุก(สุขสุข) ขอเคล้าคลุกพสุธาข้าโหยหา นอนนับดาวพราวสุกใสเอื้อมมือคว้า เป็นปรัชญาหาเงียบงามตามตะวัน.. ตามฉันมาคนดีที่ฉันรัก มีอ้อมตักมีอ้อมใจเติมไฟฝัน มาเคียงข้างร่างและใจไปนิรันดร์ ให้อิ่มขวัญฉันสอนโลกโศกห่างเธอ...
24 กรกฎาคม 2550 13:20 น. - comment id 729069
สุดท้ายก็...สี่คนหาม...สามคนแห่..หนึ่งคนนั่งแคร่...สองคนเดินตาม... ..วันนี้ฝนตกอีกแล้วหละลิง..
24 กรกฎาคม 2550 16:02 น. - comment id 729219
สวัสดีคุณอัลมิตรา คุณ คุณ ทุกท่าน แวะมาเยี่ยมค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะค๊ะ
24 กรกฎาคม 2550 16:03 น. - comment id 729222
ตอนนี้แผ่นดินไทยมีแต่ ลม กับ ไฟ...ไม่รู้ ดินกับ น้ำ จะมีพลังพอดับไฟที่กระพือเพราะลม หรือเปล่าหนอ
25 กรกฎาคม 2550 17:36 น. - comment id 729846
คุณพุดพัดชา .. ขอบคุณค่ะ เป็นความสุขที่เรียบง่ายจริง ๆ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. ...สามคนแห่..หนึ่งคนนั่งแคร่...สองคนเดินตาม... (ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ) คุณทักทาย .. ฝนตกบ่อย ๆ ค่ะ ดูแลสุขภาพให้ดีนะคะ คุณโคลอน .. แล้วทุกอย่างจะหล่อหลอมใหม่ค่ะ
26 กรกฎาคม 2550 18:31 น. - comment id 730431
ยามเมื่อวายปราณ... ...สี่คนหาม...ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ..ที่ประกอบเป็นตัวตน สามคนแห่...อนิจัง..ทุกข์ขัง...อนัตตา หนึ่งคนนั่งแคร่...ดวงจิตของตนเอง.. สองคนเดินตาม...ความดี...ความชั่ว..ที่กระทำตอนที่ยังมีลมหายใจ...
26 กรกฎาคม 2550 21:00 น. - comment id 730495
คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. อืมม เข้าใจแล้วค่ะ ตอนแรกนึกไม่ออก .. ในงานศพญาติ ๆ คนแห่เพียบ ยิ่งตอนพิธีการกงเต็กด้วยแล้ว เดินเรียงตามลำดับอย่างกะงูกินหาง ตอนแรก คิดไง รู้มั๊ย คนแบกโลงศพ 4 คน 3 คน แห่มา อีกคน ใครหว่า ก็ไม่รู้ นั่งแคร่ น่าจะเป็น ยมทูต และอีกสองที่เหลือ ก็เป็น สุวาร สุวรรณ เนี่ย เห็นมั๊ยล่ะ ..อัลมิตราคิดได้เท่านี้เองค่ะ :)