เป็นยามเช้าที่แสนหวานเหลือเกิน กับ.. นวลอากาศ..แสนสดชื่นระรื่นระริน กับเนียนแดดสีทอง. ที่ส่องฉายฉานผ่านมวลแมกไม้ ให้เกิดแสงเงาพร่างพรายกระพริบวะวิบวับ ราวกับใบไม้แก้ว..ใบไม้ทอง.ไปทั้งแนวไพร ยามที่ไหวกิ่งรำไพต้องลมพัดระบัดโบกโบย ให้พลิกพลิ้วไปตามแรงลมเป่า ไพล..นั่งนิ่งนิ่งทอดตาดูทัศนียภาพรายรอบ อยู่ที่ร้าน..ชานเฉลียงไม้ ริมทาง..กลางป่า อุทยานแห่งชาติ นั่งวาดฝันว่า นี่คือ.. *ป่าหิมพานต์วิมานแมนแดนสวรรค์สรวง* ในท่ามโลกแล้งลวงแห่งการแย่งชิงรบรา.. ใกล้ตาก็เขียว... ไกลตาก็เขียว... กระจ่างแจ่ม... แตะแต้ม... สลับสีสันพรรณรายพร่างพร้อยแพรวพราว ระย้าย้อยห้อยระยับ ด้วยเรียวใบไม้ใหญ่ไพรพฤกษ์ต่างสีสัน แดงส้ม น้ำตาลอมทอง เหลืองไพล ซ้อนทบสลับสล้างให้ดูแสนงามเงียบสงบใจ ในท่ามพงพนา ที่ฟ้าสวยสดใสด้วยอวลไออากาศ ปราศจากมลพิษ.... ราวช่อฉัตรร่มใจ ที่ดิบเดิมด้วยพันธุ์ไพรสูงใหญ่ยาง เสลา นนทรี จามจุรี สักทอง ผ่องชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์เหลืองอินทนิล และ.... อีกมากมายนานาพรรณ มิสิ้นนับนึกดำดื่มล้ำลึกในคลองตาคลองใจ อันไสวยืนต้นอย่างเฉิดฉันท์ระหง ทรนงราวกองทัพทหารธรรมชาติ ที่.. พึงจักพิทักษ์รับภารกิจ รักษ์ วัฏฏจักรชีวิต ทุกมวลสรรพสัตว์ป่า สัตว์เมือง ให้ยังคงดำรงอวลอากาศ ดิน น้ำ ลมไฟ ให้.. เป็นไปอย่างผสานผสมกลมกลืนพอดิบพอดี เพื่อความมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ตราบนานแสน... ไพล...สุขใจ สุขจริงที่ได้วิ่งหนีมนต์มารม่านเมือง ที่ไม่เคยประเทืองประทับใจ หากจำใจต้องอาศัยอยู่ไป.. จนยอมรับได้ให้เห็นเป็นธรรมดาชีวีเช่นนั้นเอง เพื่อบรรเลงบทเพรงพรหมวิบากรักพันธนา รับภารกิจ วิบากชีวิต ที่ยากจะหนีพ้น ตราบจนกว่าลมหายใจจะสิ้น หาก..ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปี ที่คืนฝันทิวาวันจะผันล่วง ใจดวงนิดดวงน้อยดวงนวล นี้ ก็มิเคยจะที่หมดสิ้นฝันเพื่อพบวันงาม...!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2535.html ป่าลั่น เมื่อ อาทิตย์อุทัย ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร โลก แจ่มใสอีกครา เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song273.html กล้วยไม้ กล้วย ไม้ ของเราแต่เก่า ก่อน อยู่ในดง ใน ดอน เจ้าซ่อนช่อ ซ่อน ใบ ไกล ภู่ ไกล ผึ้ง เจ้าอยู่ถึง ไหนไหน ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย โอ้ กล้วย ไม้ เอย น่า ชื่น น่า เชย เจ้าไม่เคยชอก ช้ำ เช้า สาย บ่าย ค่ำ ชื่นบ่ช้ำ ชอก เลย เดี๋ยว นี้ ดูรึ กล้วย ไม้ มาชูช่อ ชู ใบ บานอยู่ใน กระเช้า ลืม ดง ลืม ดอน ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง โอ้ กล้วย ไม้ เอย เจ้า ไม่น่า เลย ที่จะมาไหล หลง เจ้าลืมสุมทุม พุ่ม พง ลืม ดง ดอย เอย...
7 มิถุนายน 2550 10:26 น. - comment id 706429
มานั่งอ่านทั้งเนื้อหาและบทเพลงไปเรื่อย... คุณพุดสบายดีนะครับ... ผมต้องค่อยๆอ่านบทความของคุณพุดทีละหน่อย..เพราะเยอะจริงๆ..อ่านเพลินดีครับ.. เนื้อเพลงก็แสนจะหาฟังยากและมีความหมาย นึกถึงบรรยากาศตามเนื้อเพลงแล้ว... อยากไปนั่งปลีกวิเวกในป่าสักพัก.. (อาทิตย์หน้าผมจะได้ไปป่าแล้วครับ..)
7 มิถุนายน 2550 08:57 น. - comment id 706564
แม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร! *กล้วยไม้* เป็นสาวบ้านป่าบ้านไพร เกิดมาในป่าเขาลำเนาไพร กับหัวใจดวงละมุนละม่อม.. หอมด้วยดวงดอกความดีที่แสนพิเศษพิสุทธิ์ ที่ตามติดเป็นเนื้อนาบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ให้ดวงใจแสนอ่อนหวาน งามไสวสว่างราวดวงดอกไม้สวรรค์ และ มาตรแม้นว่า... ร่างจะเหว่ว้าอ้างว้างดายเดียว เพราะเหลียวไปไม่มีใคร..ไม่พบใคร.. ในครอบครัวแล้วก็ตาม แต่.. กล้วยไม้ไพรดอกนี้ ก็แสนโชคดีนัก.. ที่ยังมีพ่อ..สุดที่รัก คอยดูแล ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างดี ในยามเยาว์วัย ก่อนที่ท่านจะขอพรากลาไปทำใจใสสงบ ไปพบงามเงียบวางว่างห่างอาวรณ์ในร่มธรรม ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ด้วยท่านหวังคิดจะดับรัก หักอาลัย ยอดหญิงในดวงใจ แม่ของ*กล้วยไม้*. ที่มาด่วนพรากลาไป..ตราบชั่วนิจนิรันดร ก่อนถึงวัยอันสมควร และ เมื่อ..กล้วยไม้ไพร ได้เติบใหญ่อย่างงามพร้อม สาวน้อยละอออ่อนที่ท่านถนอมนวลมาด้วยห่วงหวง ดั่งดวงใจ ท่านได้ พิจารณาไกลและ รู้เย็นเห็นว่าจักครองชีวิตนี้ ได้อย่างงามงดแล้ว จึงได้มอบมรดก...ผืนดิน ที่แผ้วถางและ ปรับที่ทางที่มีมากมายหลายร้อยไร่ ลงผลหมากรากไม้ พร้อมเกี่ยวเก็บไว้ให้เลี้ยงชีพชอบ หากรู้จักใช้ชีวิต อย่างสมถะพอเพียงเพียงพอก็จะไม่ลำบาก ณ.. หุบเขานั้น ดั่งไพรรกโตรกธาร ลดหลั่นละไล่กันไป มีทั้งที่ราบลาดหลั่น ไล่ระนาบลงสู่ลำธาร สายสวยสายหวาน ที่ค่อยๆระรินเทสายน้ำ งามราวแพรไหมสีขาวสกาวพฤกษ์ แล้ว ไหนยังจะได้ประโยชน์ ช่วยในงานการเกษตร ในที่ดินยังมี หินงามหินธรรมชาติราวแผ่นผากว้าง ที่ไว้นอนอ้างว้างนับดาวเดือนดวงโต ที่ราวกระด้งฝัดข้าว และกับหวานพราวสุกใสสกาว ด้วย ดาวพรายพร่างนับพัน ในอ้อมฝันอ้อมฟ้า ให้อ้อมใจลืมเหว่ว้า สักเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ก็แสนดีแสนงามพอแล้ว ให้ห้องหอมห้วงหัวใจ ได้รับหวานระริน จากดวงดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร ที่โชยกลิ่นระรินร่ำ ทุกค่ำคืนแม้นไร้ใคร แม้นมีเพียงสุนัขไทยแสนรู้พันธุ์บางแก้ว ชื่อเจ้าสิงโตเป็นดั่งเพื่อนใจผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดี พร้อมพลีพิทักษ์เจ้านายสาวอย่างรู้ใจ อย่างแสนดุ กับทุกผู้ที่คิดจะบุกรุก..ทั้งบ้าน..ใจ.. ก็พอแล้ว และอีกทั้ง กับมรดก กระท่อมทับปีกไม้ลายสวย.. ที่พ่อคนดี ใช้เวลานานมาก... นับเป็นปีปี ที่ค่อยๆเลื่อยไม้ป่า ที่หักรานถอนรากถอนโคนลงมาเอง ค่อยค่อยนำมาเก็บไว้ และค่อยๆลงมือวาดแปลน สำหรับกระท่อมแห่งความฝันหลังงาม ที่ ตั้งใจสร้างอย่างพิถีพิถันแนบเนียน เพียงเพื่อ *อุทิศแด่ใครคนหนึ่งคนเดียว ที่เกี่ยวเกาะกระจ่างสว่างนะกลางใจ และจะเป็นดั่งดวงดอกขวัญ เป็นหอมหวานแห่งความทรงจำ ตราบชั่วนิจนิรันดร* ซึ่งพ่อเคยบอก ให้*กล้วยไม้*ได้รับรู้ว่า *คือคำมั่นสัญญารักของพ่อที่มีต่อแม่* เหมือนกับชาล์สที่สร้างกระท่อม ท่ามกลางทะเลสาบสีเงินงามให้ภรรยา* ในชุดเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่* ที่ทั้งแม่พ่อชอบอ่านด้วยกันอย่างไหลหลง ในมนต์เสน่หาป่าไพร การรู้จักต่อสู้บุกเบิกแผ้วถาง พลิกสร้างผืนดินอย่างหาญกล้า และ เป็นรื่องวิถีงามแห่งการผจญไพรผจญภัย ที่แสนยิ่งใหญ่เสียไม่มี ในสมัยที่ป่าใหญ่ในอเมริกา ยังอุดมและเต็มไปด้วยอินเดียนแดง เป็นวิถีงามง่ายแสนอบอุ่นเป็นสุขกับครอบครัว กับไพรกว้างมิร้างรัก กับความรักอันมากมาย ได้มีกันและกันมิอ้างว้าง ภายในวิมานกระท่อมน้อย กับป่าอันสงบสุขเงียบงามนิ่งงัน ราวสรรค์ไพร สวรรค์ใจ และ อาศัยพ่อ..เคยเป็นครู และมีหนังสือให้อ่านมากมาย จึงคิดอะไรไม่เหมือนใครไม่เหมือนชาวบ้าน ที่สร้างกระท่อมในดวงใจหลังนี้เสร็จแล้ว กลายกลับไปละม้าย คล้ายสไตล์อิงลิชคันทรี่ที่งามน่ารักนัก ที่ฝรั่งบางคนแวะผ่านมาทายทักด้วยตะลึงหลง และงงงันกับหลายสิ่งอันรายรอบงามด้วย เช่นบึงบัวบานพราวอวดดอกไสวใกล้ลุ่มธารธรรมชาติ ที่พ่อหว่านกอบัวสายพรายพันธุ์พร่างไว้อย่างงาม ให้แตกกออวดช่อดอกโผล่พ้นน้ำ...โผล่เหนือน้ำ ไว้ให้*กล้วยไม้* ใช้เรือลำน้อยค่อยค่อยพายเด็ดทั้งสายบัว และดอกบัวตูมบัวบานที่หวานแย้มยั่วมวลหมู่ภมร ที่ร่อนภิรมย์ราวกับบทเพลง ทั้งในยามรอนแสงตะวัน และในยามอรุณรุ่ง ที่จะนำไปพับจับจีบ ด้วยใจละไมละมุน ไปบูชาหลวงพ่อในโบสถ์.. กับบนหิ้งบูชาที่บ้านวิมานดินวิมานไพร ในยามช่วงคืนที่แสนงาม ยามจันทร์อิ่มดวงเต็มดวง และกับคืนใสฟ้าสวย ด้วยดวงดาวพราวฟ้าสุกสกาว ในราตรีฝัน ที่พ่อชอบสีไวโอลิน ฝากม่านมนต์เพลงเสน่หา สู่ปลายฟ้าไกล ราวอยากให้ใครสักคน ได้ฟังฝากฝังใจถึงใจสู่สวรรค์ไกล ผ่านทางช้างเผือกโค้งคุ้ง ราวเรียวรุ้งแสนรักแสนหวานที่เฝ้ารอ บทเพลงเก่า หากเกี่ยวใจให้*กล้วยไม้ไพร* ตั้งแต่ยังเป็นเพียงดวงดอกเยาว์นี้.. ได้แสนซาบซึ้งตรึงใจเป็นยิ่งนัก ในงามค่าคำรักงามภักด์พลี ที่น้ำตากล้วยไม้นี้ จะละหลั่งรินสังเวยทันที ที่ได้ยินได้ฟังแทบทุกครั้งครา กับละออใจในบทเพลงลาวดวงเดือน หรือไม่ก็เสียงขลุ่ยพ้อคลอแมกไม้สายลม ผ่านไผ่พลิ้วละลิ่วล่อง ท่องไปกับสายธารหวานระริน มิยอมสิ้น..ยอมขาด.. สายใจสายใยรัก สายสวาท สายเสน่หาแห่งดวงใจรัก ฝากภักดิ์พลีภักดีใจ และ นี่คือ..วิถีใจอันละไมละมุน ที่สาวงามนาม*กล้วยไม้* ได้ใช้ดำรงใจร่างและพลีจิตวิญญาณรัก หากจักเป็นนิรันดร์ในหวานงาม แห่งความทรงจำในอดีต และ กับปัจจุบัน กลางหุบไพรพะงันอันลี้ลับ ที่ยังคงมีป่าดงดิบอุดมร่มครึ้มนับแสนไร่ ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สูงใหญ่หลายคนโอบรอบ สูงละลิ่วเทียมทิวทิพย์เมฆ ราวป่าเรดวูดในรัฐแคลิฟอเนียร์ ที่ยังมีไม้ยางใหญ่ผิวเปลือกขาวพราวชมพู ไม้สักทอง ไม้แดง ไม้เต็งรัง และไม้ที่ยังหายากมากมี ไล่ลดหลั่นซ้อนซับสลับสล้างพร่างไพร ไสวสดชื่นไปทั้งราวป่า ทั้งเขียวแก่เขียวไพลเขียวใสอมน้ำตาล เขียวพร่างอมเหลืองทองละออละออง ทอทอดสอดก่ายเกี่ยวสลับกับเถาวัลย์พันเลื้อย จนแทบไม่เห็นดาวเดือน และยังมีสัตว์ป่ามากมายนานาชนิด ทั้งหมูป่า กวางป่า ลิง ค่าง บางชะนี กระแตกระรอกชะมด..มากมีมายนัก รวมทั้งนกไพรนานา มีทั้งนกเอี้ยงสีน้ำตาลปากเหลือง นกขุนทอง นกแซงแซว นกแก้วป่าสีเขียวมรกตหากทว่าปากสีส้มอมพู และที่น่าอัศจรรย์คือ ป่านี้นั้นเคยมีนกเงือก พญานกสีดำ ปีกคาดดำคาดขาวเหลือง หางสีขาวคาดดำ โดดเด่นตรงปากสีเหลืองอมส้มโง้งงอ และ ที่ว่าเหลือจะมหัศจรรย์คือ นกประเภทนี้นั้นชอบป่าดงดิบที่ยังอุดมสมบรูณ์ บางคราจะพากันมาจิก*ลูกมะเดื่อ*หลากสี เขียวอมส้มอมเหลืองอมแดง ที่ผลคล้ายแอปเปิ๊ลหากขนาดเล็กกว่า ที่คงจะหวานหอมอร่อยล้ำ พาให้นกแทบทุกพันธุ์มา สถิตจิกกินอย่างเอมอิ่มโอชารส และบางทีก็ยังมีต้นหว้าสูงหลายสิบเมตร ที่ออกลูกสีดำระดะดกไปทั้งต้น พาให้ทั้งคนและนกปากดำปี๋เสียไม่มียามลองลิ้ม และ เคยมี*คนเก่าคนแก่*เล่าว่า ป่าดงดิบอันแสนงามนั้น หากคนโบร่ำโบราณเดินป่าเข้าไป แค่ยามบ่ายเพียงนั้น พลันต้องหยุดหาร่มไม้บังหรือกระท่อมไม้ให้ร่ม เนื่องจาก ป่าดงดิบแสนชื้น จะทำให้เกิดน้ำค้างพร่างสายราวฝนตกเลยทีเดียว.. นะบัดนี้จากป่าอุดมสมบูรณ์แสนดี ที่มากมีมากมายดอกไม้ป่าหวานระริน กล้วยไม้ไพรน่าถวิลสีม่วงละมุนกรุ่นกลิ่นหอม บานพร้อมกันทีนับร้อยนับพันเหนือกลีบใบสีเขียวสด ที่ขึ้นตามโขดหินหรือเหนือปุ่มปมรากไม้ ไหนยังมีกล้วยไม้ ที่พลีสีเหลืองทองสดอร่ามงามอวบอิ่มขนาดเท่าฝ่ามือ และบางพันธุ์ที่คนภายนอกบอกว่าเหมือนกันกับพันธุ์ อ้อยช้างที่มากมีในป่าเมืองกาจญ์ และพันธุที่คล้ายว่าน..ที่คนเกาะเรียกว่า*พันธุ์เพชรหึง* ที่เป็นงามกล้วยไม้ดอกใหญ่ที่สุดในโลก ที่มากมีบนลานหินและคาคบไม้ จนอยากเรียกนามว่า *มงกุฏไพร* ที่มีกลิ่นหอมสะพรั่งรินออกดอกละลานตา และผสานงามอย่างมิรู้ซึ้งซา ราวจากหลายช่อรวงบุปผาสุมาลีหลากพันธุ์ ทั้งมะลิที่หอมเย็น ทั้งกุหลาบที่หอมหวาน ทั้งจากหอมรานร้าวเจ้ากระดังงา ทั้งหอมแบบอ้อยช้างที่แสนตราตรึงในรู้สึก และลำต้นมีลักษณะอวบอิ่ม ความสูงราวสามเมตรใบสีเขียวมรกต ยื่นยาวออกจากลำต้นทั้งสองด้านราวห้าสิบเซนต์ และจะแตกก้านดอกเฉียงออกไป ในอากาศยาวราวสามเมตร แต่ละช่อดอกจะประกอบด้วย ดวงดอกพราวะละมุนม่วง ไม่น้อยกว่า แปดสิบถึงร้อยดอก แต่ละกลีบดอกจะตูมแฉกแหวกพรายดอก ออกอวดอวบอิ่มเอมอีกห้ากลีบ และ ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ที่ราวกับเป็นความทรงจำอันหวานหอมตระการ ที่*กล้วยไม้ไพร*ดวงดอกนี้ ถูกหล่อหลอมให้รู้หอมงามซึ้งค่า ได้ซึมซึ้งตรึงซับรับรู้ ก็จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ และที่สำคัญคือ จากการยินดีพลีเปิดให้ นวลเนื้อใจไหวงามนี้ ที่แสนรักผืนดินเกิด หุบเขาไพรพะงันได้รับรู้รับทราบ ว่ายังคงมี ป่างามอุดม แม้นจะผ่านฝันร้าย ทีมากคนมากหลายได้โค่นไม้ มาสร้างบ้านเรือนหมดไปเกือบสามหมี่นไร่ไปแล้ว แต่ ก็ยังมีไม้ไพรอันสมบูรณ์ดี ที่ยังมีโชคถูกรัฐไหวทันอนุรักษ์ไว้ทันการณ์ ให้เป็นเขตหวงห้าม*อุทยานแห่งชาติ* ที่ใครมิบังอาจรุกล้ำได้แบบคดีที่ดินสปก แบบที่เกาะภูเก็ต ที่ตอกย้ำให้หันมาเผชิญหน้ากันกับคำว่านายทุน และเหล่าเหลือบผลประโยชน์ ที่แฝงฝังในวงราชการ และ หุบเขาไพรพะงัน ภูผาแห่งความฝัน พันธุ์ไม้ไพรนานาพรรณ กล้วยไม้ไพรนานามี ก็เลยยังเหลือยังมีซ่อนละอองาม *ราวอัญมณีไพรอัญมณีใจ*ในสภาพ อันอุดมที่ยังคงเหลือน้อย ให้ทอยทอดตัวลดหลั่นคดเคี้ยวเลี้ยวซ้อนซับสลับสล้าง ราวมังกรกลางเกาะ..ราวผู้พิทักษ์..เพื่อนรักษ์ผืนไพร ไว้กลางใจกลางเกาะให้ยาวนานยาวยืน และ ชีวิตสาวไพร นาม*กล้วยไม้* ก็ยังจักดำเนินต่อไป ฝ่ากระแสโลก ที่บ่าโหมเชี่ยวกราก มาฝากรอยร้าวไว้ให้ทั้งกายและใจคน ที่ต้องผจญกับคำว่า..กิเลสเงิน..กิเลส โลกย์..โลกาภิวัฒน์..ที่จะวิบัติ หรือแสนดีแสนงาม ก็คงต้องอาศัยใจดวงดีจิตวิญญาณดวงงาม รู้รักษ์รู้ถนอมสืบทอดไป..สืบต่อไป *กล้วยไม้*.. จึงจำใช้วิจารณญาณตามรอยเท้าพ่อ เพียรใช้สมองสองมือ แผ้วถางทางต่อไป..ในเส้นทางที่งามที่ควร พยายามสวนกระแส..หันมาใช้ชีวิตดิบเดิม เป็นเกษตรกรทำการเกษตรกรรม ลงผลไม้หลากพันธุ์มากมี เช่นเงาะ มะม่วง ลางสาด ทุเรียน มังคุด กระท้อน ละมุด ชมพู่ ฝรั่งพันธุ์เนื้อหวานสีชมพู กล้วยมะละกอ และอีกมากมายมากมี ทั้งแปลงผักนานาพรรณ ที่รุ่นพี่เกษตรกรอำเภอ ที่จบมาจากแม่โจ้คนเก่งมากประสบการณ์ ได้ให้คำแนะนำและให้พันธุ์มาทดลอง และทั้ง ดอกไม้หลากสี ที่สามารถทำเงินได้งาม มีกุหลาบ..บานชื่น..หน้าวัวดอกยักษ์ และ แม้กระทั่งกับดอกบัว ที่ตัดส่งขายตามบังกาโลว์และรีสอร์ทแทบไม่ทันความต้องการ เพราะ ผักผลไม้*ในไร่กล้วยไม้ไพร* ใครใครยอมรับและเชื่อถือว่าไร้สารพิษ และเพราะในวันนี้ ไม่มีใครหันมาทำอาชีพเกษตรกรกันแล้ว ทุกคนมีร้านรวงสวยงาม ขายเหล้าขายเบียร์ขายกาแฟ มีร้านเนตมากมาย ให้นักท่องเที่ยวคนต่างชาติวาดฝันใช้ติดต่อกัน แค่คลิ๊กมือเดียว... และ ทุกดวงใจ....ทุกใครๆ ได้ก้าวล่วงล้ำผ่านรั้วไม้ไผ่พลิ้วไหว ที่กำลังระบัดใบไกวกิ่งก้านกอเป็นแนวยาว เข้ามาในอาณาเขต*ผืนดินแห่งฝัน* ราวสวรรค์ไพรนี้ ก็พลันราวกำลังจะหลุดโลก ลอยเหนือโลก หรือไม่ก็ราวค้นพบโลกอีกโลกหนึ่ง ที่แสนอัศจรรย์ราวกับฝันไปในงามเงียบสงบสุข ทุกรักทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักอุทานกันเป็นเสียงเดียวว่า *พาราไดซ์ ๆ* ที่ถึงแม้นสาว*กล้วยไม้*แสนดีใจ แต่ก็กลับกังวล กับกระแสโลกและสังคมการท่องเที่ยว ที่เกี่ยวพันพากันรุกล้ำรุกรานเข้ามา ราวไล่ล่าพรหมจรรย์ก็มิปาน ใจ*กล้วยไม้.*.ซึ่งแสนรักเกาะมหัศจรรย์นี้ ที่ยังมีฝันงามบรรเจิด ราวสวรรค์หวานประทานพรให้มา และแม้นจะถึงกับเหว่ว้าสักเพียงใด ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป *กล้วยไม้*.. ผูกพันกับผืนป่ากลางไพรพะงันนี้มาก ด้วยตั้งแต่ยามเยาว์ ที่ได้เห็นสองมือพ่อผู้กร้านกล้า พร้อมหยาดเหงื่อหยดแล้วหยาดเล่า ได้เฝ้าเพียรแผ้วถาง และเพียรคงไว้.. ให้ยังมีไม้ใหญ่อายุนับร้อยๆปี อย่างรู้คุณค่า พยายามสร้างป่าให้ยิ่งหอมงาม ด้วยดอกดวงพวงพะยอมนานา และด้วยพืชผักผลไม้มากมี ที่ใช้เลี้ยงชีวีชอบได้อย่างพอเพียงเพียงพอ และ พลันไม่นานนี้ ที่ทางการออกหมายเวนคืน ขอสร้างทางเลียบลัดเลาะหุบเขาลง ตรงไปยังอีกชายฝั่งฝัน ที่มีริมเรียวหาดกว้างเคยไร้ร้างผู้คน หาดทรายขาวราวไร้แปดเปื้อน มีเพียงทรายงามปรายปน ราวนวลเนื้อแป้ง ยามสัมผัสให้ได้หยุ่นเท้าบางเบาราวปุยนุ่น ถนน..ที่มีเหตุผล เพื่อเฝ้ารองรับกระแสนักท่องเที่ยว ที่ต้องใช้เส้นทางวิบาก มิสะดวกสบายมากรายกล้ำ.. *กล้วยไม้ไพร* ใจจึงหวั่นหวั่น มิใช่หวั่นเพราะต้องสละผืนดินงามละออฝันมา แต่อ้อนแต่ออกให้แก่รัฐ เพื่อเป็นทางสาธารณประโยชน์ หากทว่ากลัวการคอรัปชั่นเสียละมากกว่า ที่เจ้าที่รัฐนั้นอาจจะนำที่ดินไปออกโฉนดเสียเอง มิเกรงใคร เพียงเพื่อขายนายทุน ที่เห็นมานักต่อนักแล้ว แล้ว..จะให้ หัวใจ*กล้วยไม้ไพร* ที่หอมใสหอมซื่อดวงนี้..ทำไงได้ จะต้องใช้ปัญญา วิทยายุทธิ์ไหน มาต้านกระแสอำนาจรัฐ นอกจากได้แต่สวดมนต์ภาวนา ให้วิญญาณหลวงพ่อในโบสถ์ ได้โปรดช่วยปกปักรักษาให้ผืนดินเกิด ได้เอื้อประโยชน์ ในทางที่ถูกที่ควรด้วยเถิด บางครั้ง หัวใจ*กล้วยไม้* ก็คิดได้ ก็คิดดี หัวใจดวงดี พยายามบอกรู้หักห้ามอย่าคิดมาก เหมือนคำหลวงพ่อเทศน์โปรดทุกวันพระ ให้รู้ทำใจ ละวาง ปลดปล่อยว่าง วางทุกอย่าง อย่าไปหลงยึดติดยึดมั่น ตามโลกให้ทัน ดับใจให้ดีเมื่อมีไฟ หรือขยะคนมากมายมากมีมากวนกิเลสใจ ชีวีชีวิต*กล้วยไม้* จึงแค่ใช้ชีวิตไปวันวันอย่างเรียบง่าย ใช้เวลาแทบทุกอรุณรุ่ง ลุกขึ้นมาพร้อมดาวประจำเมืองเรืองรุ่งประจำใจ กับพร่างหอมดอกไม้ไพร ให้ดอกไม้ใจเบ่งบาน บางย่ำรุ่ง ก็เปิดเพลงลูกทุ่งเนื้อหางามใจฟัง ให้นวลเนื้อใจไหวระริกรับระรินในถ้อยระยิบงาม ในถ้อยความถ้อยภาษา ที่ฝากตรงไปตรงมาแสนงามใจ และ ก่อนที่หลวงพ่อจะสิ้น *กล้วยไม้* มีหน้าที่ไปวัดทุกวันถวายข้าวพระ จึงต้องลุกขึ้นไปตักน้ำเก็บผัก เดินแหวกหวานผ่านดงดวงดอกไม้ ผ่านเรียวร่องท้องนาสะพรั่ง ดั่งผืนผ้าไหมสีทองกำลังโบกสะบัด และในบางคราผ่านฤดูกาลใกล้เกี่ยวเก็บ กับรวงเรียวห้อยย้อยคล้อยหนักแทบเคลียดิน ที่เป็นเส้นทางเรียบง่าย พร้อมเจ้าสิงโตคู่กายเคียงใจ มิเคยเกรงกลัวใครทำร้าย เพราะ *กล้วยไม้*ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพียงพอมานานวันจนชาชินจนชินชา และสามารถยังชีพชอบ ได้ด้วยผลไม้รายรอบกระท่อม ที่สลับกันออกผลให้ตลอดฤดูกาล แล้วยังมี รุ่นพี่คนดีคนนั้นยังเฝ้าสอน ให้ลงพันธุ์ไม้ไทยหอมๆพร่าง เช่นโมกจำปีจำปาปาการะเวก ลีลาวดีหรือลั่นทม ทองกวาวชัยพฤกษ์ ลำดวนดง และมากมายนานาพันธุ์ ให้สวนขวัญไร่หอมได้ หอมพรั่งระรินพร่างขจรขจายไกล บางครั้ง *กล้วยไม้*ก็แสนภูมิใจปลี้มใจ เมื่อ.. ได้ยินเพื่อนผู้ปรารถนาดีมาเล่าให้ฟังว่า กล้วยไม้ไพรดอกนี้นั้นถูกกล่าวขวัญว่า ชูช่อได้ละออขวัญละออตาได้งามสง่า งามพิสุทธิ์แม้นอยู่แดนดงในพงไพร ด้วยงามดวงใจใสเย็นเป็นผู้ให้ ทั้งกับสังคมและคนรายรอบข้างอย่างโอบเอื้อเฟื้อ ใช่แล้ว *กล้วยไม้*คิด ราวชีวิตอยากชดเชยระทมโลก ที่หยิบยื่นโชคร้าย ที่สิ้นไร้ใครไม่มีแม่พ่อ ต้องเรียนรู้กล้าสู้โลกเพียงลำพัง ต้องรู้จักยืดหยุ่นรู้ทันเท่ากระแสโลก มิโศกรานมิโศกนาน รู้หักห้ามใจ ไม่เพ้อบ้าหาเงินมิงาม คล้อยตามคล้ายบางคนบางใครมากมาย ที่มากร้ายกิเลสแห่งความอยาก มากมีอยากๆตามๆกันไปในเกาะนี้ ที่คิดหลงผิดหลงพลาดยอมเป็นทาสเงิน ขายยาเสพติดมอมเมาเยาวชนและพวกพ้องไทยกันเอง จนต้องติดคุกไปตราบชั่วชีวาชีวิต *กล้วยไม้ไพร*ดอกนี้ จึงหวังผลิเพียงดอกละออช่องามงาม ฝากนิยาม*ให้*หากมีโอกาส แด่ ทุกผู้คนจากกมลละไม ไม่ว่าจะเป็นการให้คำสอนกำลังใจพลังใจ เพื่อปลุกปลอบประโลมใจ ก็พร้อมก็ยินดียอมพลีทำ..กับคนรอบข้าง ที่อาจจะยังหลงในทะเลโลกย์ทะเลรัก ไร้ฝั่งฝันเป็นที่พึ่งพิงพักใจ ยังพาโศกใจอ้างว้างเสียยิ่งกว่า ฉะนั้น ทุกวันนี้ ชีวีชีวิต*กล้วยไม้* จึงงามพรายหอมดอกดวงด้วยฉะนี้ และ มานะวันนี้ หลังจากที่ *กล้วยไม้* หุงข้าวหอมข้าวไร่แล้วโรยด้วยงามดอกมะลิ ที่หอมหวานหว่านเอง ใส่ขันเงินวะวาววับไปวัด และ จัดพับกลีบดอกบัวงามอย่างละเมียดละมุนใจ กับหอมกรุ่นของกับข้าว และจัดผลไม้ไทยหลากพรรณ ที่ไปเด็ดเดี๋ยวนั้น และพลันพาไปฝากให้สายน้ำจากลำธารฉ่ำเย็น ให้ไหลผ่านจนสดฉ่ำน่าลิ้มรสกรอบอันโอชารส เพื่อน้อมนำไปถวายบูชา พร้อมด้วยงามใจเป็นดั่งพุทธบูชา และ กลับมารอเวลา.. ที่วันนี้ พี่เกษตรกรอำเภอคนดีที่นับถือ ที่แสนดีมากมีน้ำใจคอยช่วยเหลือแนะนำ บอกว่า จะมีผู้ชายสองคน หนึ่งไทย..หนุ่มไทยชื่อมังกร ที่ยอมเป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้ หนึ่งฝรั่ง.. ซึ่งกำลังศึกษาพันธุกรรม ดอกกล้วยไม้ป่าที่แสนหายาก ในป่าดงดิบแบบ ที่ได้ยินได้ฟังว่ายังมีหลงเหลือนะที่แห่งนี่ ที่กลางหุบไพรพะงันเพียงแห่งเดียว และ เป็นอาณาบริเวณที่*กล้วยไม้*เป็นเจ้าของ เขาขอเพียงมาดูและหากเป็นไปได้ อยากเก็บไปทดลองเผยแพร่พันธุ์ อันหอมหวาน*ราวไม้สวรรค์* อันนับวันจะหายากยิ่งนัก และจักเป็นประโยชน์ กับวงการน้ำหอมอย่างมากมหาศาล *กล้วยไม้* จึงยินดี และพร้อมที่จะพาไปยังดินแดนลี้ลับมหัศจรรย์นี้ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก และ ที่*กล้วยไม้*โชคดีได้รู้จักสถานที่ในดวงใจ นะแห่งนี้ดียิ่งกว่าใครในละแวกนี้ก็เพราะ *พ่อคนดี*เคยนำทางไปหลายครั้งหลายหน ช่วงเวลาที่รอ กล้วยไม้รีบพาร่าง แหวกวงล้อมหอมกอข้าว ที่กำลังออกรวงพราวกับพยอมไพร ไประเริงสายน้ำเล่น เพื่อรอเวลานัด และทุกครา ที่ได้ลงมาอาบฉ่ำระร่ำริน ในสายธารแสนหวานสวยใส ให้ค่อยๆไหลผ่านร่าง ช่างเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษ ราวได้ปลดปล่อยร่าง ราวนางไม้นางไพรระเริงรมย์ ชื่นชมชื่นฉ่ำใจกับงามธารน้ำใสไหลเย็นนี้ ที่ราวเป็นเพื่อนใจให้มาพิงพักใจในทุกทิวาราตรี *กล้วยไม้* นอนนิ่งๆ ดูดวงดอกจิกปลิดปลิวละลิ่วลอย หว่านหวานพร่างพรายละออละอองเกสร เรียวนัยน์ตา พาเห็นดวงดอกกระจิ๊ดกระจ้อย ราวพวงชมพูดอกน้อยน้อยลอยควะคว้าง ลงกลางลำธารและร่างงามของตัวเอง ตะวันทอแสงอ่อนอุ่น ราวแสงทองทอทอด ลอดแมกไม้ใกล้ชายชล ให้กมลระรินรับเงียบงาม กับกรวดทรายในท้องละหาน ที่เกิดประกายสะท้อนวะวาววับ ราวกับเพชรพร่างกลางสายธารแห่งรัก *กล้วยไม้ไพร* หลับตาพักใจ มีเพียง*เจ้าสิงโต*ทิ้งตัวเป็นผู้พิทักษ์..นอนเงียบรอริมตลิ่ง ยิ้มและแย้ม เมื่อคิดถึงนิยายรักนักผจญไพรบางเรื่อง ที่เคยอ่านแล้วประเทืองประทับใจ จนบางคราเมื่อหัวใจว่างร้างไร้ใคร มักคิดฝันให้มีพระเอกสักคนมาโผล่พลัน! และ ก่อนที่จะทันหยุดฝัน! ก็บังเกิดมหัศจรรย์รัก..พลันจริง *กล้วยไม้* ได้ยินเสียงกระแอมกระไอ คล้ายเตือนให้*กล้วยไม้*ได้รู้ตัว และให้ทันไหวตัวร้องห้ามเจ้าสิงโต ที่ร้องเสียงดังเห่าขรมใส่ชายแปลกหน้าสองคน ที่หยุดยืนอยู่เหนือเนินทรายใกล้ชายธาร และกับร่าง*กล้วยไม้ไพร*ที่สล้างละอองาม ด้วยผ้าถุงที่เปียกน้ำรัดร่างนวลหนั่นแน่น ราวนางไม้นางไพร *กล้วยไม้* ลืมตัวผวายืนขึ้นเหนือน้ำ เพื่อร้องห้ามเจ้าสิงโต และ ทันทีนั้นหัวใจ*กล้วยไม้*ก็พลันแทบหยุดเต้นตาม เมื่อสบตางามกับผู้ชายไทยนัยน์ตาเศร้าสีสนิมเหล็ก ที่ดูราวกำลังวะวาววับ ด้วยพลังบางอย่างที่สว่างวาบไหวราวกระแสใจ ที่ส่งมามีพลังไฟฟ้าดึงดูด ให้กาย*กล้วยไม้*ระริกไหวหวั่นสั่นพลิ้ว ราวกับโลกจะค่อยๆหมุนช้าลงและช้าลง ราวกับจะหยุดหมุน กรุ่นไปด้วยกลิ่นของดวงดอกรักกลีบกุหลาบงาม ที่กำลังพรายพร่างหอมหอมหอมล้อมกายและรายรอบ..ใจดวงงาม... ............... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song273.html กล้วย ไม้ ของเราแต่เก่า ก่อน อยู่ในดง ใน ดอน เจ้าซ่อนช่อ ซ่อน ใบ ไกล ภู่ ไกล ผึ้ง เจ้าอยู่ถึง ไหนไหน ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย โอ้ กล้วย ไม้ เอย น่า ชื่น น่า เชย เจ้าไม่เคยชอก ช้ำ เช้า สาย บ่าย ค่ำ ชื่นบ่ช้ำ ชอก เลย เดี๋ยว นี้ ดูรึ กล้วย ไม้ มาชูช่อ ชู ใบ บานอยู่ใน กระเช้า ลืม ดง ลืม ดอน ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง โอ้ กล้วย ไม้ เอย เจ้า ไม่น่า เลย ที่จะมาไหล หลง เจ้าลืมสุมทุม พุ่ม พง ลืม ดง ดอย เอย...
7 มิถุนายน 2550 09:17 น. - comment id 706577
ล่าสุดที่ขี่ม้าคือประมาณสองปีที่แล้ว ในวันที่ฝนเพิ่งซา .. หอมกลิ่นใบไม้สด ดินชื้น ๆ อีกสองเดือน ถ้าเคลียร์เวลาได้ จะหาเวลาไปพักผ่อนบ้างค่ะ
7 มิถุนายน 2550 09:18 น. - comment id 706579
ไปเอาป่าที่ไหนมาเนี่ย... แต่สวยดี ชอบมากๆ เขาเลือกสรรการปลูกที่สลับกันแล้วสวยดีเนอะ ใบแตกต่างสีแต่อยู่ในที่เดียวกัน... น้ำผึ้งเดือนห้า 07 มิ.ย. 50 - 08:44 IP 203.113.36.8
7 มิถุนายน 2550 12:16 น. - comment id 706650
ผมชอบเพลงป่าลั่นมากเลยครับ ... อ่านงานเขียนของคุณพุด แล้วทำให้ใจแลดูสงบลง ดีจังเลยครับ เพราะเมื่อข้างในสงบก็จะทำให้มีพลังสร้างสรรค์งานต่อไป ....กาแฟสักถ้วยมั้ยครับ
7 มิถุนายน 2550 12:19 น. - comment id 706652
พลีภาพแสนหวานปานน้ำผึ้งรวงรอ แทน.. คำขอบคุณและแสนซาบซึ้งใจค่ะ ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง แห่งน้องพี่ผองเรา ที่ยังติดตามให้พลังใจนักรักรจนาคนนี้ค่ะ
7 มิถุนายน 2550 12:33 น. - comment id 706661
ขอบคุณ..สำหรับกาแฟแสนกลมกล่อมหอมหวานค่ะ.. คุณปลายตะวัน.. ขอพลีมอบภาพ.. ปลายตะวันอันงามจรัส..จรุง..แด่คนดีค่ะ