คนที่ทำดีในแต่ละครั้ง บุญกุศลก็จะหลอมรวมลงบนเนื้อของจิตคราหนึ่ง คนที่ทำชั่วในแต่ละครั้ง บาปกรรมก็จะหลอมรวมลงบนเนื้อของจิตอีกคราหนึ่ง เมื่อทำบุญ มีกุศลมากก็จะทำให้ดวงจิตสดใสคุ้นเคยอยู่ในวิถีธรรม ตรงกันข้ามกับคนที่ทำชั่วมามากก็จะหมกมุ่นอยู่ในวิถีแห่งอบายภูมิ เมื่อจิตดับลงจากภพนี้ไปแล้ว ดวงจิตนั้นจะอยู่ในสภาวะที่คล้ายดั่งความฝัน ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ดังนั้นจิตจะเคลื่อนคล้อยไปตามวิถีทางที่มันคุ้นเคย พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า ปลูกสิ่งใดได้สิ่งนั้น ถึงแม้ว่าเวลาเราปลูกถั่วเขียวมันจะได้ถั่วงอกก็ตามเถอะ ถ้าเราใจเย็นรอดูอีกสักนิดก็จะเห็นว่ามันเติบใหญ่เป็นต้นถั่วเขียวอยู่ดี อย่าหลงเดินทางผิดนะครับ ถ้าไม่สงสารคนอื่นก็ให้สงสารตัวเอง
19 พฤษภาคม 2550 09:55 น. - comment id 698158
สาธุ.. เห็นด้วยเจ้าค่ะ แต่อาจมีคนอยู่ได้นะคะ ก็อยู่ได้แป๊บเดียวไง
19 พฤษภาคม 2550 11:51 น. - comment id 698176
สาธุ........สาธุ ได้อ่านบทกล่อมเกลาจิตใจอย่างนี้ ค่อยทำให้จิตมีเมตตามากขึ้นไปอีก ธรรมะจัดสรร............ธรรมะจะอำนวย ให้ผู้ปฏิบัติธรรมรู้แจ้งและพบจริงเสมอ ขอให้ช่วยกันปฏิบัตินะคะ ยินดีที่ได้เข้ามาอ่านเจ้าค่ะ
20 พฤษภาคม 2550 01:27 น. - comment id 698444
นั่นซิเนาะ..แต่บางทีกรรมก็ตามมาช้าจัง..
20 พฤษภาคม 2550 01:59 น. - comment id 698467
..... คารวะทั่นหลวงปู่ปลาย(ตะวัน) อิอิ