15 กันยายน 2548 18:12 น.
playgirl..za
ฉันมีแฟนอยู่หนึ่งคน เราเติบโตมาด้วยกัน ชื่อว่า จิน
ฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนมาโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วตอนที่เราไป Club trip ด้วยกัน
ฉันพบว่า ฉันตกหลุมรักเขา เสียแล้ว
ก่อนที่เราจะกลับจากที่ไปเที่ยว ฉันได้สารภาพรักกับเขา
ในไม่ช้า เราก็กลายมาเป็นคู่รักกัน แต่เราสองคนรักกันในทางที่ต่างกัน
ฉันสนใจแต่เขาเพียงคนเดียวเสมอ แต่ว่า ข้างกายเขากลับมีผู้หญิงหลายคนเข้ามา
สำหรับฉันแล้ว เขาเป็นผู้ชายคนเดียว
แต่สำหรับเขาฉันอาจจะเป็นเพียง ผู้หญิงคนนึงเท่านั้น.....
"จิน อยากไปดูหนังไหม" ฉันถามเขา
"เราไปไม่ได้"
"ทำไมเหรอ หรือว่าต้องอ่านหนังสือที่บ้าน?" ฉันรู้สึกถึงความผิดหวังที่เข้ามาในใจฉัน
"เปล่าหรอก เรานัดกับเพื่อนไว้..."
เขาจะเป็นแบบนี้เสมอ
เขาพบเพื่อนผู้หญิงต่อหน้าฉัน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับเขาแล้วฉันคือเพื่อนหญิงคนนึงเท่านั้น
คำว่ารัก ออกมาแค่จากปากของฉันเท่านั้น
ตั้งแต่ฉันรู้จักเขา ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดคำว่ารักมาก่อน
ไม่เคยมีฉลองวันครบรอบสำหรับพวกเรา
เขาไม่เคยพูดอะไรตั้งแต่วันแรก และมันก็เป็นแบบนั้นต่อไป
100 วัน ก็แล้ว.....200วันก็แล้ว
ทุกวันก่อนที่เขาจะพูดคำลา เขาจะแค่จะให้ตุ๊กตาตัวนึงกับฉันทุกวันไม่เคยขาด
ฉันไม่รู้ว่าทำไม...
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ฉัน: เออ จิน เรา....
จิน: อะไรเหรอ...อย่าอ้ำอึ้งน่า แค่พูดมา..
ฉัน: เรารักนายนะ
จิน:....เออ เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปแล้วก็กลับบ้านซะนะ
เขาไม่ใสใจคำ 3 คำของฉัน แล้วก็ส่งตุ๊กตาให้ฉัน
จากนั้นเขาก็หายไป เหมือนกับว่าเขากำลังวิ่งหนีฉัน
ห้องฉันเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่เขาให้ฉันทุกวัน
ทีละตัวทีละตัว จนเต็มไปหมด
จนวันหนึ่งมาถึงวันเกิดของฉันตอนฉันอายุ 15
ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันวาดฝันว่าจ่ะมีปาร์ตี้กับเขา
แล้วฉันก็ขังตัวเองไว้ในห้องนอน รอโทรศัพท์จากเขา
แต่ว่า......ข้าวเที่ยงก็แล้ว...ข้าวเย็นก็แล้ว.....ในไม่ช้าท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำ...เขาก็ยังไม่ได้โทรมา
ฉันก็ไม่อยากที่จะเฝ้าดูโทรศัพท์อีกต่อไป
จากนั้นประมาณตีสอง เขาก็โทรมาหาฉัน ปลุกฉัน...
เขาบอกให้ฉันออกไปหาเขาที่หน้าบ้าน
ฉันยังรู้สึกดี แล้ววึ่งออกไปหน้าบ้านอย่างมีความสุข
ฉัน: จิน....
จิน:นี่.....เอานี่ไป
อีกแล้ว เขาให้ตุ๊กตากับฉันอีกแล้ว
ฉัน: นี่อะไร
จิน: ไม่ได้ให้เมื่อวานนี้ ก็เลยต้องให้ตอนนี้ กลับบ้านก่อนนะ บาย
ฉัน: เดี๋ยว!เดี๋ยว! รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?
จิน: วันนี้เหรอ? อู?
ฉันรู้สึกเศร้า ฉันหลงคิดว่าเขาจำวันเกิดของฉันได้
เขาหันกลับไปแล้วก็เดินจากไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นฉันตะโกน เดี๋ยว!
จิน: มีไรจะพูดเหรอ?
ฉัน: บอกเรามา บอกเรามาว่านายรักเรา....
จิน: อะไรนะ!
ฉัน: บอกเรามาสิ
ฉันทิ้งความอ่อนแอของฉันไว้ข้างหลัง และจับตามองเขา
แต่ว่าเขาแค่พูดง่าย ๆ อย่างเยือกเย็น แล้วก็ไป...
"เราไม่อยากพูด....ว่าเรารักใครง่าย ๆ ถ้าอยากได้ยินมากนักละก็ หาคนอื่นแทนเราซะ"
นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แล้วเขาก็จากไป
ขาของฉันรู้สึกชา...แล้วฉันก็ทรุดลงไปบนพื้น
เขาไม่อยากพูดมันง่าย ๆ
เขาทำอย่างนั้นได้ไง?
ฉันรู้สึกว่า...
บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฉันก็ได้...
จากวันนั้น ฉันขังตัวเองในบ้าน และร้องไห้ เอาแต่ร้องไห้
เขาไม่ได้โทรหาฉันถึงยังไง ฉันก็ยังรออยู่
เขายังวางตุ๊กตาไว้หน้าบ้านฉันทุก ๆ วัน
เดือนนึงหลังจากนั้น ฉันรวบรวมตัวเอง แล้วก็ไปโรงเรียน
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ความเจ็บปวดของฉันกลับมาอีกครั้งก็คือฉันเจอเขาบนถนนกับผู้หญิงคนอื่น...
เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า รอยยิ้มแบบที่ฉันไม่เคยเห็นตอนที่เขาถือตุ๊กตาที่เหล่านั้น
ฉันวิ่งตรงกลับบ้านและมองตุ๊กตาในห้อง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
เขาให้ตุ๊กตาฉันทำไม?
เขาอาจจะเอาตุ๊กตาพวกนี้มาจากผู้หญิงบางคน
ด้วยความโมโหของฉัน ฉันขว้างตุ๊กตาพวกนั้นไปรอบห้อง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดัง เขาโทรมา
เขาให้ฉันออกมาที่ป้ายรถบัสหน้าบ้าน
ฉันพยายามจะทำใจให้เย็นลง แล้วเดินออกไปที่ป้ายรถ
ฉันบอกกับตัวเองว่า ฉันกำลังจะลืมเขา เรื่องของเราจะจบลง
จากนั้นเขาเดินมาหาฉัน ในมือถือตุ๊กตาตัวใหญ่เอาไว้
จิน: โจ ฉันคิดว่านายจะโกรธมาก แต่ว่านายออกมาจริง ๆ เหรอ?
ฉันยังรู้สึกเกลียดเขาอยู่ แต่ได้แต่ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วพูดจาหยอกเย้าเขา
ในไม่ช้าเขาก็ให้ตุ๊กตากับฉันเหมือนอย่างเคย
ฉัน: ฉันไม่ต้องการมัน
จิน: อะไรกัน?..ทำไมล่ะ?
ฉันดึงตุ๊กตาจากเขาแล้วก็โยนมันทิ้งไปบนถนน
ฉัน: ฉันไม่ต้องการมัน ไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว!! ฉันไม่อยากเจอคนอย่างนายอีกต่อไป! ฉันพูดทุกคำพูดในใจฉัน แต่ไม่เหมือนวันอื่นๆ ดวงตาของเขาดูตกตะลึง
"เราขอโทษ" เขาพูดคำขอโทษเบาๆ
แล้วเขาก็เดินออกไปที่ถนนเพื่อจะเก็บตุ๊กตานั้น
ฉัน: โง่จริง! เก็บมันขึ้นมาทำไม ทิ้งมันไปนะ!!!
แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจ ยังคงเดินต่อไปเพื่อจะเก็บมัน
ทันใด.....
บรืน~บรืน~ ด้วยเสียงอันดัง รถบรรทุกคันใหญ่ก็วึ่งมา
"จิน! หลบ! หลบไป!" ฉันตะโกน...
แต่ว่าเขาไม่ได้ยินเสียงฉัน เขาก้มลงไปเก็บตุ๊กตา
"จิน!หลบไป"
บรืน~!!
โครม!!!!!!เสียงนั้นช่างน่ากลัวมาก
นั่นคือวิธีที่เขาจากไปจากฉัน
จากไปโดยไม่สามารถลืมตาขึ้นมากล่าวคำใดกับฉันอีก
จากวันนั้น ฉันจะต้องผ่านความรู้สึกผิดและความเศร้าเพราะว่าสูญเสียเขา...
และหลังจากที่ฉันใช้เวลา 2 เดือนเหมือนคนบ้า ฉันหยิบตุ๊กตาขั้นมา
มันคือของขวัญอย่างเดียวที่เขาให้ตั้งแต่เราคบกัน
ฉันจำวันเหล่านั้นที่ฉันใช้เวลาอยู่กับเขาและเริ่มนับวันที่เราเคยรักกัน
1..........2......3
484...485....
แล้วก็หยุดที่ตุ๊กตา 485 ตัว
แล้วฉันก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งพร้อมกับถือตุ๊กตาตัวนึงในแขนของฉัน
ฉันกอดมันอย่างแรง ทันใดนั้น...
"ฉันรักเธอ~ ฉันรักเธอ~"
ฉันปล่อยมันหล่นลงพื้น ตกตะลึง...
ฉัน.รั..ก..เธอ??
ฉันหยิบตุ๊กตาขั้นมาแล้วก็กดลงไปที่ท้องของมัน
"ฉันรักเธอ~ ฉันรักเธอ~"
เป็นไปไม่ได้!
ฉันกดลงไปที่ท้องของตุ๊กตาทุกตัว แล้วข้างๆฉันก็เต็มไปด้วยเสียง
"ฉันรักเธอ~ "
"ฉันรักเธอ~ "
"ฉันรักเธอ~ "
คำพูดเหล่านั้นหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
ฉัน...รัก....เธอ...
ทำไมฉันไม่รู้ตั้งแต่ตอนนั้น?
ว่าหัวใจของเขาอยู่ข้างฉัน ปกป้องฉันไว้
ทำไมฉันไม่รู้ตั้งแต่ตอนนั้น ว่าเขารักฉันขนาดนี้?
ฉันหยิบตุ๊กตาอีกต้วหนึ่งใต้เตียง แล้วก็ กดท้องของมัน
มันเป็นตุ๊กตาตัวสุดท้าย ตัวที่ตกบนถนน
ยังมีคราบเลือดของเขาติดอยู่
เสียงที่ออกมาเป็นเสียงที่ฉันคิดถึงมาก
"โจ...รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร? เรารักกันมา 486 วันแล้วนะ นายรู้ไหมว่า 486 คืออะไร?
เราบอกรักนายไม่ได้....อืม...เพราะว่าเราขี้อายเกินไป....ถ้านายให้อภัยเราและเอาตุ๊กตาตัวนี้ไป เราจะบอกว่า เรารักนาย...ทุกวัน...จนวันตาย"
"โจ...เรารักนาย...."
น้ำตาหยดลงมาบนแก้มของฉัน ทำไม? ทำไม? ฉันถามพระเจ้า ...ทำไมฉันถึงเพิ่งมารู้ตอนนี้
เขาไม่สามารถอยู่ข้างกายฉันได้ แต่ว่าเขารักฉันจนนาทีสุดท้ายของชีวิตเขา
เรื่องนั้น...สำหรับฉันแล้ว มันกลายมาเป็น ความแข็งแกร่ง..ที่จะสร้างทางเดินชีวิตที่สวยงาม...
30 พฤษภาคม 2548 20:15 น.
playgirl..za
ความรักนั้น มันก็เหมือนกับ " ผีเสื้อ "
ยิ่งคุณวิ่งเข้าหามันเท่าไหร่ มันก็จะห่างคุณออกไปเท่านั้น
แต่ถ้าคุณปล่อยมันไป มันจะเข้ามาหาคุณเองแหล่ะ
.. ถ้าคุณไม่คาดหวังกับมันมาก
ความรักสามารถทำให้คุณมีความสุข แต่มักจะทำให้คุณเจ็บปวด
แต่ความรักจะเป็นสิ่งที่พิเศษ ถ้าคุณได้ให้มันกับใครสักคนที่คู่ควร
อย่ารีบร้อน ค่อยๆ เลือก เลือกคนดีที่สุด
สำหรับ ใครที่..... " ไม่ใคร่โสด "
เค้าบอกว่า... ความรักไม่ไช่ การเป็นคนดีพร้อม สมบูรณ์ ของใคร
แต่ รักคือการหาใครสักคนที่ช่วยให้คุณเป็นคนดีที่สุดเท่าที่คุณดีได้
สำหรับ ใครที่เป็น....... " คนเจ้าชู้ "
อย่าพูดคำว่า " รัก " เลย ถ้าคุณไม่ได้ใส่ใจกับความหมายนั้น
อย่าพูดถึงความรู้สึก ถ้ายังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเค้าเลย ถ้าคุณจะทำให้เค้าเสียใจ
อย่าไปมองลึกถึงดวงตา ถ้าทุกคำพูดของคุณล้วนโกหกทั้งเพ
สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ชายหนึ่งพึงทำได้
คือทำให้ผู้หญิงเข้าหลงรักแล้วไม่ใส่ใจใยดี ผู้หญิงก็เหมือนกัน......
สำหรับ ใครที่...... " อกหัก "
(อันนี้เค้าเขียนดี.. เค้าบอกว่า...)
การอกหัก มันยืนยาวตราบเท่าที่คุณต้องการให้มันอยู่กับคุณ
และบาดความรู้สึกคุณได้เจ็บลึกเท่าที่คุณยอมให้บาดที่สำคัญก็คือว่า
มันไม่ใช่จะพ้นจากสภาวะอกหักยังไง
แต่มันอยู่ที่ว่า....เราเรียนรู้จากมัน ได้แค่ไหน ต่างหาก ......
สำหรับ ใคร ๆ ที่.... " ไร้เดียงสาในรัก "
จะรักได้อย่างไร : รักแต่อย่าลุ่มหลง คงเส้นคงวาแต่ไม่ดื้อรั้น
แบ่งปัน และ ไม่เอาเปรียบพยายามเข้าใจกันและกัน มากกว่าที่จะเรียกร้อง
หากต้องเจ็บ ก็เจ็บ แต่อย่าเอาความเจ็บนั้น ติดตัวเสมอไป
สำหรับ ใครที่...... " มีคนหลงรักอยู่ "
เค้าบอกว่า...
มันเจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารัก มีความสุขกับคนอื่น
แต่มันจะเจ็บปวดยิ่งกว่า
ถ้าคนที่เรารัก ไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเรา
สำหรับ ใครที่..... " กลัวต่อการสารภาพรัก "
ความรักมันเจ็บปวด ถ้าคุณต้องไปบอกเลิกกับใครสักคน
แต่มันจะเจ็บยิ่งกว่า ถ้ามีคนมาบอกเลิกกับคุณ
แต่มันจะเจ็บที่สุด หากคนที่คุณรัก ไม่เคยได้รู้เลยว่า
คุณรักเค้า
สำหรับ ใครๆ ที่ยัง......." คบๆ กันอยู่ "
เค้าบอกว่า..
สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต ก็คือ การที่เราพบ และ รักใครสักคน
จนสุดท้าย พบว่ามันไม่ใช่.....
และคุณเสียเวลาไปเป็นปีๆ ให้กับคนที่คนที่ไม่คู่ควร
ถ้าเค้าคนนั้นของคุณ ไม่ใช่คนที่ใช่เลยของคุณตอนนี้ แล้วล่ะก็
จะมาเสียเวลา เป็นปีๆ กับเค้าทำไม ปล่อยไปเถิด.....
29 พฤษภาคม 2548 21:09 น.
playgirl..za
ในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งมีกระดิ่งเล็กๆ แขวนไว้ที่ประตูร้าน
ทุกครั้งที่มีแขกเข้าร้านก็จะทำให้กระดิ่งนั้นส่งเสียงดัง "Ding Ding"
วันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 กว่าปี เข้ามาในร้านกาแฟนี้
เจ้าของร้านสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับให้เขานั่งด้านใน
"กาแฟแก้วนึงครับ"
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
เจ้าของร้านสาวพูดพลางยิ้มให้อย่างมีมารยาท
แล้วก็ไปบดเม็ดกาแฟและตั้งกาต้มกาแฟ
ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวอยู่ตลอด
ไม่นานนัก เจ้าของร้านสาวก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะชายหนุ่ม
"ขอบคุณครับ"
"คุณเพิ่งมาเป็นครั้งแรกใช่ไหม? รู้สึกว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?"
เจ้าของร้านสาวถาม
ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ
ฉันก็ชอบบรรยากาศของร้านนี้มากเหมือนกันถึงแม้ว่ากิจการร้านนี้ไม่ค่อยดีนัก
ฉันกับสามีก็เสียดายไม่อยากจะปิดร้านทิ้ง
ทั้งคู่เงียบไปสักพัก
ผมขอถามอะไรคุณบางอย่างได้ไหมครับ?
เอ่อ... ก่อนที่จะถามคุณผมอยากจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟังก่อน
ชายหนุ่มพูดถามขึ้นมา
ได้ค่ะ คุณพูดมาได้เลย เจ้าของร้านสาวก็สนใจที่จะฟัง
ชายหนุ่มก็เล่าเรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งผ่านมานานมากแล้ว
เมื่อก่อนผมมีแฟนคนหนึ่ง
เราสองคนก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคตแล้ว
ความรักของเราสองคนนั้นถึงแม้จะธรรมดา แต่แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
เพราะผมรักเธอมากเพียงแค่มีเธออยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุขมากแล้ว
แต่ทว่า ความสุขอันนี้มันช่างสั้นนักหลังจากนั้นก็มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
ก่อนหน้าพิธีหมั้นของเราสองคนหนึ่งเดือน
คืนนั้นผมมีธุระต้องทำจึงไม่สามารถไปส่งเธอกลับบ้านได้
ในคืนนั้น เธอโดนคนร้ายรุมข่มขืน...
แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรคะ? ความรู้สึกของคุณที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปหรือ?
เจ้าของร้านสาวถามด้วยความสงสาร
ถึงแม้จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ความรักของผมที่มีให้เธอก็คงยังมั่นคงมิได้แปรเปลี่ยนเลยสักนิด
ผมก็ตั้งใจจะจัดพิธีหมั้นขึ้นตามเดิม
แต่... เธอคิดไม่ตก เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเธอคนเดิมแล้ว
ในวันหมั้นของเราสองคนวันนั้น เธอผูกคอตาย
โชคยังดีที่ว่าพวกเราพบเธอได้เร็ว ช่วยชีวิตเธอไว้ได้
แต่เพราะว่าสมองขาดอ็อกซิเจ็นนานเกินไป
ทำให้เธออยู่ในสภาพไม่มีความรู้สึกตัว และอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลยก็ได้...
สุดท้าย เธอก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อผมรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบไปหาเธอ
แต่พ่อแม่เธอขวางกั้นผมไว้ไม่ให้ไปพบเธอ
พวกเขาคุกเข่าลงมาขอร้องผม กลายเป็นว่าความทรงจำบางส่วนได้หายไป
หมอบอกว่าเมื่อคนโดนกระตุ้นจิคใจอย่างแรง
ก็อาจจะเลือกที่จะหลบหลีกความทางจำอันนั้นโดยการฝังลึกไว้ในใจตัวเอง
ไม่ต้องการที่จะจำเรื่องเลวร้ายนั้นอีก
เธอลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วย
พ่อแม่เธอขอร้องให้ผมอย่าเพิ่งไปพบเธอสักพัก
เขาไม่ต้องการให้เธอนึกถึงเรื่องน่าเศร้านั้นอีก
เพราะกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายอีก
ถ้าบังเอิญเจอกันในที่อื่น ก็จะทำเป็นไม่รู้จักไม่ทักทายกันเด็ดขาด
ช่วงเวลานั้นมันช่างทรมานยิ่งนัก อยากรักเธอ แต่ไม่อาจทำได้
อยากจะพบหน้าเธอ แต่ก็ไปพบไม่ได้ วันนี้ เป็นวันครบสิบปีนั้นแล้ว
ขอแสดงความยินดีให้ด้วยค่ะ คุณรอคอยมาสิบปีแล้ว
ในที่สุดวันนี้ก็สามารถไปพบเธอได้แล้ว
ใช่ครับ แต่... ยิ่งใกล้ถึงเวลานี้ ผมก็ยิ่งกลัว
สิบปีที่ผ่านมานี้ความรักผมนั้นยังไม่เปลี่ยน แต่ตัวเธอล่ะ?
ถ้าผมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง เธอก็ยังจำผมไม่ได้
แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าเธอได้แต่งงานไปแล้ว
ผมควรจะทำเช่นไรดี? เพราะเช่นนี้ ผมอยากจะถามคุณว่า
คุณคิดอย่างไร? ถ้าแฟนผมคนนี้แต่งงานไปแล้ว
ผมควรจะบอกให้เธอได้รับรู้เรื่องนี้มั้ย?
เจ้าของร้านสาวก็พูดอย่างจริงใจว่า ถ้าสมมุติว่าเธอมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร
เพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แต่งงานกัน คุณยังมีโอกาส
แต่ถ้าเธอคนนั้นได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วคุณก็ไม่ควรไปทำลายครอบครัวเขา
ชายหนุ่มได้รับฟังแล้ว ก็แค่ตอบสั้นๆ ด้วยความผิดหวัง... นั่นสินะ...
"Ding Ding"
พอดีเวลานี้ก็มีแขกคนอื่นเข้ามาในร้าน
เจ้าของร้านสาวก็พูดกับชายหนุ่มว่า
ฉันต้องไปต้อนรับแขกแล้ว เชิญตามสบายนะคะ
เธอเดินออกไปได้สองก้าว ก็หันกลับมาถามเขาว่า
จริงสิคุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยสนิทกับฉันมากนัก
ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังล่ะคะ?
เพราะว่า เธอคนนั้นเคยพูดเอาไว้ว่า หลังแต่งงานแล้ว
เธออยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อย่างนี้เหมือนกัน
ชายหนุ่มคิดสักครู่ถึงตอบออกมา
อ๋อ อย่างนี้เองหรือคะ
พูดจบเธอก็หันหลังกลับเดินไปต้อนรับแขกที่เข้ามาใหม่
ชายหนุ่มมองตามร่างของเจ้าของร้านสาวนั้น
น้ำตาเขาค่อย ๆหยาดไหลออกมา
เขาตัดสินใจไม่บอกเธอว่าแท้จริงแล้วเขามาที่ร้านนี้เพื่ออะไร
แฟนของเขาคนนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอนั้นมันช่างไกลยิ่งนัก
กาแฟในแก้วนั้น ก็ไม่รู้เย็นลงตั้งแต่เมื่อไหร่...
แล้วถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำอย่างไร????
29 พฤษภาคม 2548 20:26 น.
playgirl..za
"หนา" ไม่ได้จัดว่าหน้าตาดีหรือน่ารักไปกว่าผู้หญิงทั่วไปที่ผมรู้จัก
ออกจะธรรมดาๆ เสียด้วยซ้ำ
...ยังจำได้ว่า เราเจอกันในเย็นวันที่ฝนตกหนัก
ผมกำลังขับรถกลับบ้านต่างจังหวัด
เห็นเธอเดินตากสายฝนที่ตกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ข้างหน้าไม่มีแม้ที่ให้หลบฝน กว่าจะถึงปั๊มถัดไปก็หลายกิโลอยู่
..ผมจอดรถเทียบข้างตัวเธอ ขึ้นรถซิครับ
โดยไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ เธอมุดเข้ามานั่ง
กระชับแขนสองข้างแล้วก็ซุกตัวของเธอเงียบๆ
จะไปไหนครับ เธอไม่ตอบ
..ร่างเธอสั่นน้อยๆ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่แค่เพียงสายฝนที่เปียกโชกตัวเธอ
..ไม่มากก็น้อย ก็คงมีน้ำตาผสมอยู่บ้าง ...ผมไม่ได้ถามเธออีก
พี่จะไปลพบุรี เราจะลงที่ไหนก็บอกนะ
เธอยังคงนิ่งเฉย ..ผมจึงปล่อยให้เธอคิดอะไรของเธอไปตามลำพัง
แม้อยากจะชวนคุยให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่เจ้านิสัยไม่ชอบถาม
กับอัธยาศัยชั้นเลวยังคงชนะและทำให้ผมนั่งบื้ออยู่ต่อไป
ไปอาบน้ำซ่ะ ผมโยนผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเก่าๆ สมัยเรียนหนังสือของผม
ที่เล็กจนผมใส่ไม่ได้แล้วให้เธอ เธอไม่ได้อิดออด ไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย
สักพักเธอก็กลับมา ..ผมแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
..เสื้อผ้าผมมันยังคงใหญ่รุ่มร่ามสำหรับเธอ แต่ดูไปดูมาก็น่ารักดี..
ผมไม่ใช่ผู้ชายใจดี และออกจะชาเย็นอยู่บ้าง
นอนข้างล่างแล้วกันนะเรา เอ้า นี่ที่นอน ปูเอาเองนะ มีอะไรก็ขึ้นไปเรียกแล้วกัน
ผมทิ้งเธอไว้ตามลำพังอีกครั้ง และขึ้นไปทำงานของผม
อาจเพราะขับรถท่ามกลางสายฝนมานาน
ความเพลียเลยทำให้ผมเผลอง่วงหลับคาโต๊ะหนังสือ
แต่ก็ไม่ทันได้หลับสนิท เสียงเคาะประตูก็ทำลายภวังค์ความเงียบขึ้นมา
...เธอไม่ได้สบตาผมเช่นเคย ผมพยายามคิดหาเหตุผลว่า
ทำไมผมถึงควรให้เธอเข้ามานอนด้วย
...เธออาจกลัวความมืด หรืออาจรู้สึกแปลกที่
หรืออาจเพราะ...อะไรอีกร้อยแปด หรือผมกลัวเธอจะคิดอะไรสั้นๆ
ผมตอบไม่ได้... แต่ผมก็ให้เธอเข้ามา
เธอขดตัวนอนข้างๆ เตียงผม... แล้วก็หลับไปในความเงียบ
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด เธอยังคงหลับอยู่
ขอบตาสองข้างยังมีคราบน้ำตาแห้งๆ ให้สังเกตเห็นได้
ผมลุกขึ้นจากเตียงเบาๆ อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
...ทิ้งเธอไว้กับอาหารในตู้เย็นเพียงลำพัง
สามคืนแล้วที่ฝนยังคงตกอยู่จนเกือบเช้า
และก็สามคืนแล้วเช่นกัน ที่เธอนอนร้องไห้เงียบๆ อยู่ในความมืด
...แต่คืนนี้ต่างไปจากทุกคืน ผมลุกจากเตียงทรุดตัวลงนอนข้างเธอ
และกอดเธอเบาๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร...
ผมหลับไปทั้งกอดเธออย่างนั้น
เธอกินอยู่ง่ายๆ ไม่เคยเรียกร้องอะไร ผมกินอะไรเธอก็กินเหมือนๆ ผม
...นานๆ ครั้งผมก็พาเธอไปเดินหาซื้อของบ้าง
ถามว่าอยากได้อะไร เธอก็ดูจะไม่ต้องการไปเสียหมด
...แต่ในสิ่งที่ผมซื้อให้ ดูเธอจะดีใจ
และทะนุถนอมมันราวกับเธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีก
ถึงเธอจะอยู่กับผม แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรักหรือผูกพันอะไรเป็นพิเศษ
ซึ่งเธอเองก็คงจะรู้ และดูเหมือนเธอจะเข้าใจและก็อยู่กับสถานะนั้นอย่างเงียบๆ ได้
...ผมไม่เคยพาเธอออกงานที่ไหน ไม่เคยแนะนำให้ใครรู้จัก
รวมถึงทุกครั้งที่ผมออกไปเที่ยวกับพี่ๆ น้องๆ ผมก็ทิ้งเธอไว้กับบ้านและอาหารในตู้เย็น
แต่...ไม่ว่าผมจะกลับมาดึกแค่ไหน เธอก็จะยังคงรออยู่
..ทุกครั้งเธอจะยิ้มและกอดผมอย่างมีความสุขโดยที่ผมรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้ฝืนทำ
...เธอไม่เคยตั้งคำถามกับผม เช่นเดียวกับที่ผมไม่เคยถามอะไรเธอ...
มีบ้างบางครั้ง ที่ผมพาเธอเดินเล่นตอนเย็นๆ ซึ่งก็ไม่ได้บ่อยอะไร
เพราะกว่าผมจะกลับจากที่ทำงานก็เย็นมากแล้ว
...มีสระน้ำเล็กๆ ไม่ไกลจากบ้านผมนัก
วันไหนที่พอมีเวลาผมก็พาเธอมาเล่นเรือใบลำจิ๋วริมสระน้ำ
เธอวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีราวกับเด็กๆ
...ดูเธอมีความสุข ผมได้แต่นั่งมองเธอเงียบๆ...
หนา เรียกหนาแล้วกัน นั่นเป็นชื่อที่เธอให้ผมเรียก ...
หนา เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพี่จะไปราชการต่างจังหวัดเดือนนึง
ช่วงพี่ไม่อยู่จะเอาอะไรไหม เธอสั่นหัวเป็นคำตอบ
จริงๆ ผมก็ไปราชการต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งก็ไปแค่สองสามวัน
แต่ครั้งนี้ไปนานถึงเดือนนึง ผมเองไม่ได้ห่วงอะไรเธอมากนัก
ออกจะตื่นเต้นที่จะได้ไปเจอสาวๆ ต่างถิ่นเสียด้วยซ้ำ
...ก่อนเดินทาง ผมซื้อของใส่ตู้เย็นไว้จนเต็ม
และทิ้งเงินฝากไว้กับรุ่นน้องที่สนิทกันว่าให้แวะมาดูหน่อย
เผื่อขาดเหลืออะไรก็รบกวนช่วยซื้อให้ด้วย
เพราะผมรู้ดีว่าเธอไม่มีทางจะออกไปไหน
เธอกินเท่าที่มี...ไม่เคยให้ผมต้องลำบากเลยด้วยซ้ำ
...แต่ผมก็ไม่เคยนึกถึงเธอ
ไปราชการคราวนี้ ผิดไปจากทุกครั้ง...
เราต้องไปสนับสนุนหน่วยอื่นในพื้นที่ป่าภูเขา
ต้องนอนเต็นท์ และหุงหาอาหารกินกันแค่พออยู่ได้
จะอาบน้ำแต่ละครั้งต้องเดินไปสามสี่กิโล
เราจึงอาบกันแค่หลังเลิกงาน..วันละครั้ง
งานไม่ได้ก้าวหน้าอย่างที่คิด พายุและอุทกภัยทำให้เราทำงานกันอย่างยากเย็น
..เดือนนึงผ่านไปแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าเราจะได้กลับบ้าน
...ผมเลิกโกนหนวดหลังจากที่พยายามโกนอยู่ทุกๆ สามวัน
..ปล่อยให้มันขึ้นและดูรกตาไปตามธรรมชาติ และก็เลิกนับวันรอ..
ในใจเริ่มรู้สึกเป็นห่วงหนา ไม่รู้เธอจะเป็นไงบ้าง
แม้ว่าจะฝากข่าวไปทางวิทยุกับน้องที่สนิทกันแล้ว
...แต่ผมก็ยังรู้สึกเป็นห่วงเธอบอกไม่ถูก
ลูกน้องแต่ละคนกระสับกระส่าย และเริ่มหงุดหงิด
แต่เราก็พยายามดูๆ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน...
ผมไม่มีเวลาจะห่วงตัวเองมากนัก ได้แต่พยายามทำให้งานลุล่วงไปโดยเร็วที่สุด
และพยายามแก้ปัญหาลูกน้องที่ทะเลาะกัน
เพราะเรื่องเล็กๆ พูดจาไม่เข้าหูกันซึ่งชักเกิดขึ้นบ่อยทุกทีๆ
...หลายเรื่องที่รุมเร้าและอาจจะมีความเหงาปนอยู่บ้าง หนา คิดถึงเธอจัง
กลับไปคราวนี้ พี่จะดีกับเธอมากๆ ...แม้จะตอบไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
แต่ตอนนี้พี่รู้ตัวว่า...ความรัก..มันได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
สัญญา...กลับไปคราวนี้ มื้อแรกที่เธอจะได้ทาน
จะไม่ใช่อาหารที่พี่ชอบกินเหมือนอย่างทุกวัน
แต่จะเป็นอาหารที่เธอควรจะได้กินมานานแล้ว...อัลโป้...อาหารสำหรับเธอ
ปล.เรื่องนี้อุทิศให้กับหมาหลงทางทุกๆ ตัว ฮ่า งงล่ะซี้
29 พฤษภาคม 2548 20:16 น.
playgirl..za
ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม
เพียงเพราะทางบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านของหญิงสาว
ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต
ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ
และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย
หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า
"เธอรักฉันมากขนาดไหน?"
แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง
บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ
เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆ โดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ
หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว "ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง
ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก ถ้าคุณตกลงใจยินดี
ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ
ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะครับ
ได้ไหม?"
หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม
พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง
ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว
ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด
ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้
ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย
แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด
วันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ
ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์ มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ
.........
เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง
ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส
โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต
หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา
แต่เธอได้พบว่า... เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ
เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้
แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น
หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว...
หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว
สมองยังถูกกระทบกระเทือน เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ
แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว...
หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม
มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ
แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ
ความทรมานที่เธอต้องทนรับ ก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้
เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา
จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่า เธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป
เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย
หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด
เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน
พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจย้ายบ้าน
หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้
เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย
เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่
เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย
วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว
และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า
อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ เรียกให้เขาลืมเธอเสีย
หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย
เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า
ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว
หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น
แต่กลับเห็นชื่อเธอเองบนการ์ดใบนั้น เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน
ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า
"ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้
เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า
ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ
ผม-รัก-คุณ"
หญิงสาวมองอ่านภาษามือของชายหนุ่ม และเห็นแหวนที่เธอคืนเขาไปในตอนแรก
ในที่สุดหญิงสาวก็ยิ้มออกมา...
เพราะนับจากนี้เธอก็จะมีชายหนุ่มเป็นตัวแทนเสียงแห่งความรักของเธอ