10 มกราคม 2553 14:10 น.
plaing_piu
๑ มืดฝนหลงตรงหน้าหนาวสะท้าน
มิใช่กาลหวานไฉนให้ลุ่มหลง
ร้อนระอุคุในใจพะวง
ป่านนี้..คงหลงหัวใจใครมิรู้
๑ ความคิดถึงตรึงตรามาตลอด
เหมือนไผ่ออดอ้อนผิวลมหวิววู่
ริมแม่น้ำยามนี้ที่ชื่นชู
เงียบ..หดหู่เหมือนรู้ใจ..คนไม่มา
๑ แรกร้อน..ฝนหล่นให้หัวใจชื่น
ไยหวานอมขมกลืนสะอื้นว่า
ขอเช่นฝนหล่นแปลกข้าวแรกนา
คนเหว่ว้าล้ารอ..นานก็คอย
๑ อยากเห็นคนเร้นหน้าคืนมาก่อน
พาหัวใจไหวซ่อนกลับนอนหน่อย
ดังฝนนี้..มิหลับพับตาปรอย
เดือนดาวร้อยประดอยฟ้างาม..มาชม
๑ เวิ้งทุ่งคุ้งน้ำฟ้าธรรมชาติ
ใครเคยวาดเลยทุกข์แต่สุขสม
หอมนวลไหมแพรใคร..หวามแก้วตามลม
เสียดายข่มอายกลิ่น..มิสิ้นอาย
๑ ฝนหนาวยังร้าวแรกเจ็บแปลกแล้ว
ฝนแปลกแผ่วฤดีมีความหมาย
ยากเห็นฝนเช่นว่า..คะนึงมิวาย
เพียงลมชายอายกลิ่นยังสิ้นชาน
๑๑๑๑๑
3 มกราคม 2553 15:41 น.
plaing_piu
๑ ดวงเจ้าเอยเคยไหมใยรู้สึก
รัดรึงลึกถึงเนื้อในเพื่อหวาม
สัมผัสที่ใดมีรสแห่งงดงาม
มิอาจข้ามหยาดคำสุดรำพึง
๑ ดวงเจ้าเอยเงาไหวไม่สะดุด
แสนพิสุทธิ์พิจารณาถึง
แสนยากฝากถ้อยใดไปคำนึง
สุขโศกซึ้งโลกย์เห็นเป็นเช่นนี้
๑ แหวกว่ายอบายเล่ห์เสน่หา
สิ่งได้มาตราตรึงเปลือกถึงถี่
มากน้อยมิลอยลับดับฤดี
ใจเรามีล้านดวงห่วงกระไร
๑ คือหัวใจทั่วร่าง...ไม่อย่างคิด
มีจริตประดอยพอสอยได้
มิต้องมาแต่กระยาหงันฟ้าไกล
ฝากจริงให้ใจแล้ว..ดุจแก้วมณี
๑ สายน้ำไหลไพรงำธรรมชาติ
น้ำค้างดาดหญ้าถนัดถนี่
รื้นหมอกหอมดอกป่าประดามี
ราวใจที่ให้กันอนันตกาล
๑ สรรพสิ่งจะไหวนัยว่างเปล่า
ระหว่างเราทางหน้ามหาศาล
เอกภพจบสมัยไม่ต้องการ
จิตพ้นผ่านอนธการรดี
๑๑๑๑๑