๑แรกเริงเถลิงอำนาจด่ำดื่ม
หลอกใครปลื้มลืมทุกข์โอ่รุกสร้าง
นโยบายขายฝันพันธะจาง
ทุกก้าวย่างพรางดีชั่วโคตรตัวไว้
๑จนปานนี้ปี้ป่นรนทั้งชาติ เกินอวดวาทกรรมทรามค้ำได้ นอกระบบระรานทหารใคร จะหัวเราะร้องไห้ไร้แดงชู
๑กี่บาทชั่วทุ่มตัวหลอกแดงยอกเจ็บ เท่าขี้เล็บเจ็บใจหลอกใจสู้ โกงชาวนาข้าวจำนำปมรู้ ไร้อดสูคดในข้อใจทราม
๑ปากว่าประชานิยมวิเศษ ได้รู้เลศนัยเหตุผลคนท้วงถาม กี่ศพทบร่างเจ็บใจเหน็บตาม หน้าบอกงามทรามชั่วหัวใจมึง
๑พระคุณแม่โพสพเคารพนัก มึงผลักไสใครจมปลักทุกข์หนักขึ้ง ทะเลกรรมกระหน่ำวันคืนพรั่นพรึง นรกตรึงอกลึกรบศึกร้าย
๑น้ำตาชาวนารู้เหือด-สู้สุด ใจมิยุติใจต่อใจหาย ร่วมมหาประชาชนไทยไม่เดียวดาย มุ่งจุดหมายขุดรากกากแผ่นดิน !
๑๑๑๑๑
๑ ที่มาธรรมชาติพิลาสไหว มี-ไม่มี..ใช่นัยสรรพสิ่ง ชีวิตเริ่มเติมกาลเทศะอิง ดี-งาม-จริงนิ่ง..ใจให้จุดธรรม ๑ เพียงเศษเสี้ยวเหตุผลยากทนคว้า คือรัฐาธิปัตย์สกัดคว่ำ หลักธรรมใต้อำนาจวาทกรรม ชีวิตด่ำดื่มจำเจเล่ห์ลวงพราง ๑ ทุกข์ปัญหาสาระพัน.....ว้าเหว่ เท่ประชาธิปไตยอะไรอ้าง ประชาชนดิ้นรนชีวิตมิวาง มืดหนทางสว่างตายน้ำลายใคร ๑ วาทกรรมสำรากปากปะทุ ฤาสดุดีอุดมการณ์ขมได้ สิทธิเสรีภาพอาบควันไฟ กานเมืองไทยเขื่องทะมึนทมิฬ ๑ ปรากฏการณ์บ้านเมืองผ่านเปลืองเปล่า ผู้แทนเอาดีใส่ตัวชั่วไม่สิ้น เห็นทุกข์คนรุกแค้นเข็ญแผ่นดิน ปะ-ชา-ถีบ-ปะ-ตาย..ชินกินน้ำตา ๑ ปะ แต่เสนอสนองจ้องประโยชน์ ชา ด้านสามานย์โคตรฉ้อโฉดท่า ถีบ ตนแย่งผลงานบานร้ายสภา ปะ(ทะ) ตาย ขาย..ประชาชนฆ่ากัน ๑ ประชาธิปไตยอะไรเล่า ชาติจมเหงาเศร้าทุกข์ภัยรุกมหันต์ ผุ้มีเกียรติละเลียดแบ่งแย่งรางวัล ปากพร่ำปรองดอง..สันติปันเลว ๑ รัฐธรรมนูญไหนกินได้อิ่ม ผู้คนชิมข้นแค้นแล่นตกเหว มุ่งอำนาจวาสนาระอุเปลว เผาแหลกเหลวกเฬวรากไร้ซากควัน ๑ ชีวิตแผกผิดใช่ปากใครว่า สำนึกผ่านศึกษากล้าสร้าง-สรร คุณภาพสังคมบ่มคนทัน ใดกดดันฟันฝ่ารู้ค่าตน ๑ อำนาจวาสนาบารมี คือชั่วดีมีธรรมค้ำเหตุผล ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่าใจตน ปล่อยวางพ้นทางบาปอิ่มอาบธรรม ...........
๑ ฟ้าฝั่งมืดยังมีดาวคลี่กระจ่าง เก็จมณีน้ำค้างพร่างปลายหญ้า ใดผ่านร้าวรานหอมออมน้ำตา ปรารถนาอะไรใจเจ็บงำ ๑ คือหมองหม่นครองตนไยทนนัก หากจำหลักอำไพใจชื่นฉ่ำ จมทุกข์สุขอะไรเที่ยงนัยคำ ยิ่งเก็บเจ็บซ้ำซ้ำถลำยืดเยื้อ ๑ สรรพสิ่งดำเนินใช่เกินเปลี่ยน มืดในเที่ยนให้แสงเร่าเเรงเรื่อ ศรัทธาตนผลบุญย่อมจุนเจือ ทุกเยื่อใยเพื่อสร้างทางอันควร ๑ วิถีดาวชี้ทิศไม่ผิดหลง คนดำรงตรงใจไม่ปั่นป่วน ตื่นรู้ทิศรู้ใจไม่เรรวน อาบแสงนวลดาวเดือนเป็นเพื่อนตาย ๑ เพียงเท่านี้ที่ว่าได้ประหวัด ดั่งลมพัดพรมร้อนผ่อนผ่านหาย แม้นมิทันตะวันคลาดตลาดวาย หอมมิคลายสายมิจางมิห่างใด ๑ คือเงาใครเจ้าเรือนเสมือนว่าง คือยิ่งห่างช่างติงเหมือนยิ่งใกล้ คือหวานอมขมกลืนสะอื้นใน คือหัวใจให้เห็นนัยเช่นนี้ ๑๑๑๑๑
๑ ดึกดื่นดาวหนาวจางมองกลางบ้าน หอมนานนานเบิกบานชีวิตที่หยั่ง เก็บทุกอย่างรอบข้างชื่นคืนพลัง ไกลสุดฝังสายตาจะคว้าชม ๑ คือหัวใจไหวตามความรู้สึก ผ่านภูพฤกษ์นึกไกลใดหวานขม สำเร็จหรือล้มเหลวเก็บเกี่ยวปม ชีวิตห่มคมปัญญาสัจจาธรรม ๑ กว่าเป็นเรือนเช่นนี้ที่สัมผัส กว่าเป็นมัดกล้ามเนื้อเถือปลุกปล้ำ กว่าเป็นทุกสิ่งปลูกสร้างทางเคี่ยวกรำ คืนกระจ่างธรรมกลางใจใต้เดือนดาว ๑ สุดฟ้าทะเลหมอกดึกหยอกเย้า ไกลเทือกเขาเงาป่าท้าสืบสาว ผ่อนคลายสายตัวปลอดทุกทอดยาว อาบลมหนาวดาวเดือนเป็นเพื่อนตาย ๑ เพียงเท่านี้ที่เห็นเป็นแก่นสาร ประภาคารสานใจมิให้พ่าย มืดอย่างไรอย่างนั้นอันตราย มิใช่ควายเหมือนควายงัว..มิกลัวงาน ๑ คือเราเป็นเจ้าเรือนเหมือนทุกสิ่ง คือความจริงงามแท้แผ่หลักฐาน คือวันนี้สัญญาอนาคตกาล คือวิมานสถานเดียวเกี้ยวเดือนดาว ........
๑ ฝนลาหนาวสะท้านการเปลี่ยนผ่าน พฤกษาหลากสราญตระการฝัน หุบผาทะเลร่ำลมรำพัน กาลเวลาเหหันมิผันแปร ๑ สิ่งงดงามในความหมายยามไหน มิสิ้นเยื่อเผื่อใยให้ผูกแก้ ละทุกข์สุขเพียงใดไม่เที่ยงแท้ ตนมีแต่ริเรียนน้อมเพียรรู้ ๑ ธรรมชาติวาดถูกผิดปลูกสร้าง มิใช่ดั่งใจคนทนหนี-สู้ ภาวะธรรมชาติประกาศฤดู คนดัดแปลงตนอยู่เรียนรู้จริง ๑ การเปลี่ยนแปลงเวียนสร้าง-ล้าง..มิเที่ยง ฤดูเบี่ยงอยู่เป็นเห็นมินิ่ง บริบทหด-เพิ่มเสริมชอบ-ติง ประสาจริงเท็จใจ..ไม่ต่างกัน ๑ ทอดสายตาฝ่าฝนอึงอลจิต สับสนทิศผิด..ทางไหน..ไกลห่างฝัน เริ่ม-แปลกแยก..ปลาย-ยากข้ามขวากพัน ไร้สติ-ปัญญา-ศีล...ละยินดี ๑ เสียงฉึกฉักหักฝนฟ้าคะนองฝ่า ลุเบื้องหน้าเป็นไฉนไม่หลบรี่ ไปตามกฏบทตอนลุ่มดอนมี จุดหมายดีร้ายกำหนดดำเนิน ..........