29 ตุลาคม 2549 18:00 น.
plaing_piu
๑ เยี่ยมแสงรวีจะละนภา หทยาก็โรยแรง
ความนัยมิง่ายฤดิแสดง พลมีบ่คลี่เคลื่อน *
๑ โอ้ว่า..คะนึง ..คำคนพร่ำเอ่ย
นัยยากเฉลย....จริง..เสมือน
เสนาะนักแรกรักเอ๋ย..ครั้นเลยเลือน
อกผ่าวเหมือนสวาทจะขาดรอน
๑ วูบไหวในเร้นหลืบทุกคืบศอก
วังเวงยอกขยอกยากรักจากหลอน
แทบสิ้นลงตรงหน้าแสนอาวรณ์
ใจคนอ่อนแอพ่ายอีกอายนัก
๑ ทรมานนานเกินทนเหินห่าง
ใครเมินหมางร้างเรือนเตือนตระหนัก
ลูกผู้ชายง่ายหรือซื้อใจรัก
เจ้ามีศักดิ์พี่รักศรี..คนมิร้าย
๑ คะนึง..คำย้ำนัยให้หนักจิต
ค่ายิ่งกว่ามิ่งมิตรในเรือนหมาย
มิบังอาจทำผิดพลอยเปื้อนรอยชาย
แม้ไม่ดีแต่มิร้ายทำลายนวล
๑ คงไว้เพียง..คะนึง..ซึ้งนัยถ้อย
ดีกว่ารอยบาปคั้นใจปั่นป่วน
มิต้องโชกโศกซมอารมณ์รวน
สิ้นสงวนนวลตามประณามกัน
๑ คะนึง...จำคำน้องยังก้องอก
มิอาจยกนรกประจานสวรรค์
เล่นคารมคมรักบาดสักวัน
ได้แต่ฝันคั้นใฝ่...ไม่มีจริง
๑๑๑๑๑
* วสันตดิลกฉันท์ 14
12 กันยายน 2549 21:35 น.
plaing_piu
๑ โหยหาแห่งราตรีคลี่สงัด
ลมฝนพัดรินเล่นกระเซ็นหาย
ดนตรีดึกคึกส่ำสัตว์กำจาย
หลากความหมายหลายชีวิตอนิจจัง
๑ เดือนเคยหม่นฝนคลั่งนวลฝั่งฟ้า
รัศมีลออตามิกล้าหวัง
เมฆทะมึนยืนท้าละล้าละลัง
ชื่นชั่วครั้งดั่งใจได้ชั่วคราว
๑ คำคนกี่หนห่าง..ปล่อยวางจิต
หัวใจ..ให้...พินิจก่อนคิดก้าว
สายสัมพันธ์ผันแปรมีแต่ร้าว
สิ่งอื้อฉาวกล่าวไปใครเปลืองตน
๑ ยากจะหามณีงามพิสุทธิ์
ผกายพุทธิแจ้งทุกแห่งหน
แม่ศรีแห่งสัจจานัยสากล
รื่นกมลคนเห็นไม่เว้นวาย
๑ คอยจบดินสิ้นฟ้าเวลาหนึ่ง
ใครรัดรึงฤดิมิสิ้นสาย
เพียงวูบหนึ่งตรึงตราแล้วมลาย
คือความหมายได้เห็นความเป็นจริง
๑ มิกล้าหวังถั่งถ้อยร้อยสนิท
คำแม่นิดมิคิดกล้ำกรายจำนิ่ง
เจียมตนดีมีศักดิ์เพียงรักอิง
มากไปยิ่งเสียสิ้น.....ไม่ยินดี
๑๑๑๑๑
19 สิงหาคม 2549 14:24 น.
plaing_piu
๑ ล้วงลมจนลนลานคำหว่านไหว
ลมล่วงไยลวงเล่ห์เสน่หา
หลอนลมเล่นลมลมแล้งแล้งลา
พลิ้วจนชาชินคำซ้ำเติมลม
สิ่งดีใครมีมาน่าจะรู้
ลมล่องวู่ไหวรื่นฤาขื่นขม
ลมดึกง่ายนึกว่าตามอารมณ์
ร่ำไรคมคารมคั้นใจบั่นทอน
คืนฝนล่มลมดึกระทึกหนัก
วู่หวีดพักหนึ่งผวาแล้วราอ่อน
ดาวเดือนลับกับใจไร้นิวรณ์
ไยทีท่าอาทรหลอกหลอนจำ
ไหวคำถามความจริงยิ่งไกลลับ
หากหัวใจไม่ดับกับคืนค่ำ
คะนึงโหยแรมโรยหาทุกคราซ้ำ
เสียดายรำพึงในสิ่งไม่มี
รักว่าเล่นเซ่นลมหลอนจมรัก
พึงตระหนักรักใดมิใช่ที่
ลมล่องผิดทิศผ่านรานวจี
แม้ไม่ดีมิได้หมายทำร้ายใคร
ลมล่องไปตามเพรงดั่งเพลงผิว
มิใช่ปลิวรักพันคนหวั่นไหว
ลมหลอกมิบอกเล่ห์เสน่ห์ไกล
ล้วงลมเล่นให้เห็นนัยหัวใจจริง
๑๑๑๑๑
9 สิงหาคม 2549 15:44 น.
plaing_piu
๑ คือหิ่งห้อยน้อยแสงจะแข่งแข
สูงสุดตาว่ายากแล..สักแค่ไหน
ต่ำติดดินบินกล้านภาลัย
มีหัวใจพิสุทธิ์ได้ดุจกัน
๑ มิประชันจันทรากระจ่างฟ้า
พริบพรายหล้าหายโศกมีโลกฝัน
กระจายดินดิ้นฟ้าสิ้นตะวัน
ระยับพรรณรายแสงมากแรงใจ
๑ แข่งศรัทธากะพริบเรี่ยลิบวับ
เต้นสลับระดับต่างทางมืดไหว
ริบหรี่ริบหยิบฟ้าหรือว่าไร
ระวังใจให้ดีมิใฝ่เกิน
๑ หมายใจใสสว่างทางเบื้องหน้า
แสงอ่อนน้อยด้อยค่ากล้าจะเหิน
ที่มืดมิดชี้ทิศนำทางดำเนิน
มิล่วงเกินนวลแขดึกแลนวล
๑ ความเป็นคนแท้จริงดั่งหิ่งห้อย
มิได้ด้อย..เด่น..ยิ่งหลงยิ่งป่วน
ยึดอัตตาศรัทธาร้ายยิ่งไม่ควร
ทุกสิ่งล้วนอนิจจังไม่ยั่งยืน
๑ เป็นหิ่งห้อยประดอยแสงแห่งสัจจะ
ตามภาระกระจ่างบนทางรื่น
ประดับราตรีสมความกลมกลืน
นวลพร่างพื้นพสุธานภางาม
๑๑๑๑๑
6 สิงหาคม 2549 14:33 น.
plaing_piu
๑ อกนี้เคยมีใครสานใยรัก
ใจทอถักความหนักแน่นศักดิ์ศรี
มโนธรรมสำนึกเพียงนึกดี
มากกว่านี้อยู่ที่ใจคนให้มา
๑ เวลาคงบ่งนัยคนให้รู้
รักฤาชู้เพียงชื่นชั่วคืนหา
เช่นราตรีหอมสงัดลมพัดพา
รุ่งก็ราโรยรางน้ำค้างพรม
๑ ยิ่งมิใช่ความจริงแม้วิ่งหา
หลงกลิ่นราตรีรื่นเพียงคืนข่ม
ใจสับสนค้นยากยิ่งบากคม
บาดอารมณ์ขมกลืนคืนเดียวดาย
๑ อกนี้เจ็บจำเก็บนัยใครสะอื้น
หวนวันคืนงดงามมากความหมาย
ปรารถนาสารพันท้าทาย
มิเคยร้ายกรายนวลคร่ำครวญเลย
๑ มิใช่วาสนาได้ถวิล
หวังยลยินสิ้นคิดหมดสิทธิ์เอ่ย
ลมฝนคลั่งสั่งดาวเดือนไม่เหมือนเคย
คนซ้ำเย้ยก่อนเลยลา....สาสมแล้ว
๑ กระแสหลากมากสายจบปลายน้ำ
แรง..อ่อนดำเนินไปไม่เคยแผ่ว
สายใยรักถักทอพอเห็นแนว
ขาดสิ้นแล้วหัวใจคนให้มา
๑๑๑๑๑