8 เมษายน 2551 15:05 น.
plaing_piu
๑ จมคิดสนิทนวลหวนละห้อย
จากดงดอยปรอยตาสู่ฟ้าไหน
มืดมนทนสะท้านอกปานใด
สางเศร้าไม่เท่าใครไหวตรึงตรา
๑ โยงรักไปปักฟ้าไกลกว่ากว้าง
รู้สึกเริงแห่งเวิ้งว้างช่างโหยหา
หอมราตรีที่เคยแม้เอ่ยลา
ปรารถนาไม่สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์
๑ สิ่งใดย้ำให้แย่แพ้รู้สึก
คนใดให้ระทึกตรึกตรองหม่น
เวลาใดให้ร้าวราวไฟลน
รู้ไหมคนใดกล้ำกลืนน้ำตา
๑ ไม่อยากเป็นเช่นนี้มีรอยบาป
เหมือนพิราบอาบเลือดรอเดือดฆ่า
สงสารใจใครจ่อทรมา
รอยใดสาสมซ้ำเติม..ช้ำเอง
๑ บ่งหนามลุกลามใจใครเชือดเฉือน
จะตราเตือนคารมใช่ข่มเหง
ฤาเล่นเล่ห์เพทุบายหมายนักเลง
มิได้เก่งจากไหน...ใจเป็นจริง
๑ อยู่กับความว่างเปล่านานเท่าไหน
ส่วนลึกใจใคร่รับกับทุกสิ่ง
ดั่งชะตาต้องหาหลักที่พักพิง
มิอาจนิ่ง..ยิ่งไหว..คำใครรอน
๑๑๑๑๑
23 มีนาคม 2551 07:53 น.
plaing_piu
๑ มีหนึ่งในใจนวลทวนกระจ่าง
ใครระคางให้คิดปริศนา
สิ้นใยแล้วไยรักยังปักคา
ชะตาต้องลาร้างหรืออย่างไร
๑ ผิดที่ใจไม่พอเติมต่อเนื่อง
แรกพบเคืองขุ่นแย่ไม่แก้ไข
นิ่งเหมือนย้ำกล้ำกรายระคายใย
เงียบจนไม่มีทุกข์สุขผูกพัน
๑ คนซื่อซื่อสื่อถ้อยประดอยง่าย
ว่าเชิงชายหมายชู้ใช่คู่ขวัญ
รักจริงเล่นเช่นใดไยมิทัน
หอมแก้มวันละนิด..คิดยังอาย
๑ จะหักหาญรานใจมิใช่ที่
แม้ไม่ดีชั่วฟ้าดินสลาย
รู้คืนวันปัญหาอย่าบานปลาย
รักสุดท้ายสายตาใครว่างาม
๑ คงเพรงกรรมทำมาจบครานี้
รักไม่มีวาสนาชะตาห้าม
สำนึกในใจมีทุกนิยาม
ทุกสิ่งถามความจริงใจนิ่งแล้ว
๑ คืนนี้นวลกระจ่างใกล้สางลับ
คงสดับความในใจผ่องแผ้ว
สิ่งค้างคาทรมานดั่งม่านแพรว
ประตูแก้ววิมานประสานรอย
๑๑๑๑๑
18 มีนาคม 2551 17:05 น.
plaing_piu
๑ โบยใจโรยรักโหยหา
โพ้นฟ้าทะเลสงัด
ดื่มด่ำค่ำหนึ่งรึงรัด
ประหวัดคลื่นซ่าชะอำ
๑ หลงว่ายนัยคลื่นลมเล
ม้วนเหเร่รนวนร่ำ
หวังเวิ้งเริงวารหวานคำ
ผ่านซ้ำย้ำทุกข์สุขใด
๑ จมอยู่แต่ฝันรำลึก
ผนึกอาวรณ์อ่อนไหว
รักเอ่ยเลยเห็นเป็นไป
หากใจไม่เลียนเปลี่ยนแปร
๑ น้ำฟ้าอาทรผ่อนไหว
คลื่นไล่ไกลลมโหมแผ่
อดีตกรีดใจไยแล
เจ็บแต่คืนวันรันทด
๑ ตังเกเหตามน้ำลึก
คนศึกษานัยปรากฏ
คลื่นทะเลครามงามงด
ด้านสดใสกว่าระกำ
๑ นกจากปากจิกภักษา
คนลารักได้ไยพร่ำ
ชะอำพรางณ ชะอำ
ผ่านธรรมชาติบาดใจ
๑๑๑๑๑
10 มีนาคม 2551 08:39 น.
plaing_piu
๑ หากปราณประสานใจไล้ชีวิต
คาดไม่ผิดติดตาทะเลฝัน
สุดลูกไล่ไกลคลื่นไร้คืนวัน
ดังสวรรค์บันดาลปราณบุรี
๑ เพียงหนึ่งหนคนมีสิทธิ์ดีเลือก
ต้องกระเสือกกระสนจนถึงที่
สัจจธรรมล้ำเลิศเพริศฤดี
อาบปัญญารมณีย์...ชีวาลัย
๑ การเดินทางวางใจนัยลมคลื่น
ทะเลฟื้นเวลาสงบ..ไหว
สิ่งผ่านมาประจงปลดปลงใจ
ความเป็นไปให้น้ำฟ้าเป็นพยาน
๑ ทางทรายน้ำกรายขึ้นลงคลื่นไล่
เหลืออะไรให้เห็นเป็นแก่นสาร
ขาดเกินยังเพลินทุกข์สุขมินาน
ตั้งสติริอ่านมารในตน
๑ ปากน้ำปราณบุรีงามชีวิต
นิ่งพินิจจิตรู้มรรคสู่ผล
สุดน้ำฟ้าสงบ-ไหวไยร้อนรน
วันวัยคนไกลธรรม..คำนึงนัย
๑ ทะเลครามงามคลื่นลมกลืนพลิก
ใจระริกระรอยพันมิหวั่นไหว
รู้เจ็บรู้เก็บเป็นเช่นนี้ไป
น้ำตาไหลนัยธรรมมิติดำเนิน
๑๑๑๑๑
16 กุมภาพันธ์ 2551 00:23 น.
plaing_piu
๑ หอมเอยมิเคยหายสุดปลายฟ้า
ใครอาจมาพลาดใจไยต้องเหมือน
นกจากไยพรากจบใจลบเลือน
นัยเสมือนจริงไฉนว่าไม่จริง
๑ ฝันคือใฝ่ไกลถึงสักหนึ่งครั้ง
อนิจจังยังมั่นรังสรรค์นิ่ง
ทุกขังประดังชื่นมิขื่นชิง
อนัตตาสรรพสิ่งอิงอัตตา
๑ ด้วยใจดังไฟแรกชำแรกรัก
แสนยากจักฝากรอยประดอยค่า
ผูกพันแล้วแก้วมณีที่สุดฟ้า
เสน่หาสนิท..นิจกาล
๑ ใจเอยมิเคยว้างว่างปกปิด
มืดมีนิดหนึ่งจุดมิหยุดสาน
รักเอยมิเคยล้อทรมาน
เนิ่นและนานหวานขมข่มใจรอ
๑ ดึกไหนแพรใครหอมมิยอมห่าง
ร่ำเนื้อนางจางกลิ่นถวิลต่อ
ไม่เคยอยากมีมากจนกี่คนพ้อ
กรรมใดก่อขอจบทุกภพกรรม
๑ รอยใดรอนใจเจ็บใครเหน็บซ่อน
อย่าตามย้อนหลอนใจหายใจคว่ำ
ปรารถนาอะไรนัยเร้นล้ำ
ขอกลืนกล้ำลำพัง....ฝังในฟ้า
๑๑๑๑๑