1 กรกฎาคม 2552 01:49 น.
plaing_piu
๑ เม็ดฝนรินหล่นพื้นคืนสงัด
ลมพัดใบไม้ไหว...หัวใจเล่า
เงียบงัน-เหงา-วันใดจมนัยเงา
คิดถึงเปล่าดายเท่านั้น..ฝันลมลม
๑ ซ่อนหน้าน้ำตาคลอรอสดับ
คืนวันนับรันทดสะกดขม
แสนยากทนตรากหน้าไขว่คว้าลม
ไม่รู้จมรู้ทุข์สุข..ดักดาน
๑ เวิ้งว้างสุดทางฟ้าคะนึงวาบ
ดังมีดอาบพิษแทรกใจแตกซ่าน
ไยมิสิ้นยินอกสะทกสะท้าน
ทรมานคะนึงใครอึงอล
๑ ปลีกตนห่างหนไกลใจมินิ่ง
ยังมีสิ่งดีใครให้สับสน
ลมคิดถึงรึงรัดอึดอัดตน
หวามไหวจนใครหวั่นพันธนา
๑ บอกใจถึงไม่คิด ..ยังคิดถึง
จากก้นบึ้งคนนี้จะมิกล้า
มิสงบพลบสงัดวุ่นอัตตา
ใครยังว้าวุ่นไหวใจคำนึง
๑ เม็ดฝนรื่นหล่นเผาะเสนาะจิต
ความคิดถึงมิตรไกลมิได้ครึ่ง
หอมลมอวลมวลผกาคะนึง
ฝากใจหนึ่งไปพร้อมลมหอมคืน
๑๑๑๑๑
10 มิถุนายน 2552 12:16 น.
plaing_piu
๑ ฝนสร่างเม็ดบางเผาะเสนาะจิต
อกไพล่คิดใครเร้นเป็นไฉน
ป่านนี้วิตกรักจะหักใจ
ฤาซ่อนนัยหลอนต่อทรมาน
๑ อกใครหนาวร้าวยิ่งยากอิงอุ่น
ชะรอยบุญน้อยมีเกินทีหวาน
แอบน้ำตารำพันฝันตระการ
ลมมิหว่านสิเนห์หรือเรรวน
๑ หนาวดึกรู้สึกราวฟ้าเปล่าเปลี่ยว
ยืนดายเดียวเคี่ยวกรำคำสงวน
ไกลแล้วแก้วยังรินหอมกลิ่นนวล
ห่างไห้หวนใจคืนได้ยืนยัน
๑ คืนหวนลมครวญครู่แล้ววู่จาก
ตอบใจยากไร้รอยเจ็บคอยกลั้น
มาย้ำวันซ้ำคืนยากฝีนกัน
เคยผูกพันทุกอย่างแตกต่างแล้ว
๑ หอมแพรนวลแค่ไหนใครมิรู้
รู้สึกอยู่ในอกสะทกแผ่ว
ความเป็นจริงวิ่งหนีไร้วี่แวว
รื่นกลิ่นแก้วแล้วสางมาจางไป
๑ ห่มน้ำค้างพรางน้ำตาสะท้อนอก
คำนึงยกตรึงตราหามิได้
รอยใครยังไหวทิ่มสนิมใน
ตอบจากใจฝากคนสู้ทนรอ
๑๑๑๑๑
7 มิถุนายน 2552 15:50 น.
plaing_piu
คือ.บัวบานสะท้านไหวสะเทือนชน
คือ...น้ำอดน้ำทนตัวตนใหม่
คือ.... ชีวิตอิสรากล้าก้าวไกล
คือ.......ดวงใจพุทธาสัจจธรรม
คือ..วิมุตติจิตสนิทนิ่ง
คือ....คนจริงยิ่งค่าว่าสูงต่ำ
คือ......ตำนาน.คนหนึ่ง.พึงจดจำ
ระลึกธรรมดา..น้ำตาริน
อาลัยหวนไห้หาสลักจิต
ฟื้นชีวิตมีได้ให้แลกสิ้น
ปรารถนาชะตาอยู่ร่วมสุ้กิน
อุ้มชูมิรู้ดินฟ้ามลาย
กลั่นน้ำตาระลึกผลึกรัก
อยู่ไยไม่รุ้จักใยรักหาย
จากไยไห้โศกสิ้นดินฟ้าทลาย
แทนกาลหมายกลายใจเดิมไม่มี
เพียงวันสั้นเคยอยู่สู้ชีวิต
ใดถูกผิดผูกใจไม่ห่างหนี
เพื่อครอบครัวตัวตนยิ่งคนดี
กุศลมีดลสบสุขภพธรรม
ครบวาระสละสิ้นรู้ยินได้
ให้หมดใจใยรักมิพักพร่ำ
ยังคำนึงจำหวนจะทวนกรรม
น้อยหนึ่งช้ำมิให้ชอกได้เลย
๑๑๑๑๑
31 พฤษภาคม 2552 02:10 น.
plaing_piu
๑ สุนทรียรสกวีบทเก่า
พลิกฟื้นวันคืนเกลากวีเข้าท่า
การประพันธ์ชั้นครูรู้วิชา
คือมนตราวาทปรากฏเป็นบทเรียน
๑ ไม่รู้ฤารู้น้อยค่อยเพียรหัด
ตำราวัดฤ ว่าวังคลังอ่านเขียน
เก่าใหม่มิใช่เรื่องเขื่องติเตียน
ล้วนดั่งเทียนเรียนทันนัยปัญญา
๑ กวีนิพนธ์ไทยมิใช่ชั่ว
โง่ยิ้มหัวมั่วอ้างมุ่งทางหน้า
ละตัวตนแห่งชนชาติสะอาดตา
วัฒนธรรมชีวาประชาชน
๑ เสวนาคำประพันธ์ฉันทลักษณ์
คำนึงหลักศึกษาสะเทือนผล
รูปแบบแยบคายคมอารมณ์คน
เนื้อหากลซ่อนฝนลึกล้ำตรึกตรอง
๑ งามภาษากวีลีลาวาด
ให้รู้ศาสตร์รู้ศิลปท่อง
จินตนาการอำไพทำนอง
ใจตกต้องรสคำนัยคำนึง
๑ ปฏิบัติจัดเจนเช่นหลักว่า
ถูกผิดคือวิชาค่าควรพึ่ง
สำเร็จล้มเหลวแล้วแน่วขัดกลึง
ย่อมลึกซึ้งถึงงานการประพันธ์
๑๑๑๑๑
24 พฤษภาคม 2552 14:25 น.
plaing_piu
๑ ลมล่องละมุนหทยใคร จะพิไรมิใช่มนตร์
รอยตราวจีนุชประดน ฤดิแนบบ่แอบเงา
๑ แก้วนวลระรื่นนยสิเนห์ พิศเล่ห์สวาทเนา
จมโศกมิกล้าจะภิทเงา อุระร่ำคะนึงหอม
๑ มั่นคงฤดีจะมิละลด ฤ กบฏกระบวนยอม
ซึ้งนักสตรีมิละถนอม รติแท้ตลอดกาล
๑ เตชมนตรวาทพิศวาส อภิวาทอธิฏฐาน
สมนัยสื่อมนสิการ มิระแหงระโหยหา
๑ ดังพายุภาพยกระหวัด ลุสมรรถภาพพา
พัดสมฤดีบ่ทรมา มนนึกสะท้อนใจ
๑ ลมล่องก็ไหวระยะฤดู ปะทะวู่ประหวัดไว
เพียงภาวะจิตจะพิไร ฤ ปลาสนาการ
๑ แรงพิษฐานทิพยหยาด มธุวาทรสิกซ่าน
ดังปรารถนาจิตวิริย์นาน นภผ่องผกายดาว
๑ ฟ้าดินประโลมทิพยญาณ สหทานจะเพริศพราว
บุณบารมีระดะระนาว สุขนาฏกรรมดล
๑ เพ่งจิตสดับวจิวธู สติรู้พินิจตน
นับวาสนาจะปะยุคล มนมั่นมิคลาดใคร
๑ เพื่อเธอบ่หมายกลจะครอง สติตรองวิจิตรใจ
มุ่งหวังฤดีระอุพิไร ประลุธรรมดำเนิน
๑๑๑๑๑