3 มีนาคม 2549 18:09 น.
pigstation
บ้า........น
เขาไปมาคล้ายสายลมเร่ร่อน เป็นเช่นคนพเนจรไม่มีจุดหมาย ทั้งที่เขามีอะไรหลายอย่างมากมายในตัว มากพอจะสร้างฐานะและความร่ำรวยได้ไม่กี่พริบตา กลับไม่ฉันเห็นเพียงแต่เขาวิ่งเล่นไปมาอย่างสุขสมไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งที่บ้านพ่อแม่เขานั้นไม่ได้รวยล้นฟ้าอะไรนัก
ส่วนฉันมีบ้านอบอุ่น ณ ที่ซึ่งมีสายลมหนาวโชยพัดกว่า 6 เดือนต่อปี ด้วยว่าด้านหลังนั้นมีลำธารสายน้อยลัดผ่านเป็นแหล่งน้ำไว้รดพืชพรรณในสวนสารพัดของพ่อ ชายเกษตรกรผู้กร้านต่อลมแล้ง และโชคชะตา ทว่าละเอียดอ่อนต่อฝาเรือนและฟูกนอน ฉันเคยฟังนิทานกางมุ้งของพ่อจากแสงตะเกียงวอมแวม
ส่วนเขามีแต่นิยายเศร้าพ่อตีแม่อะไรทำนองนั้น แล้วก็ทำตาโศกก่อนหลบมุมไปกับหนังสือหอบใหญ่ที่นำมาจากบ้านไปโยนตัวเองลงเปลแขวนต้นมะขามอย่างลำพังแต่ไม่เดียวดาย ยามนั้นเหมือนจินตนาการกล่อมไกลเขาไว้ ไม่ผิดเขาเป็นผู้ชายฝันทั้งเป็น
จากนั้นความอบอุ่นที่ฉันมีอยู่จากมาตุภูมิไปสู่เหย้าเรือนของตัวเองในนามของครอบครัว ที่สุดแล้วฉันคงเริ่มบทบาทความเป็นพ่อที่มีหน้าที่การงานหนุนหลังจากรัฐ
คล้ายว่าช่างแนบเนียนเหลือเกินกับบทบาทผู้นำครอบครัวที่ได้รับการหล่อหลอมจากบ้านเดิมของฉัน
บางเวลาเขาคนนั้น ผู้ชายบ้านร้างก็จะแวะเวียนมาลงจอดพำนักยังบ้านฉัน นาทีนั้นเขาคล้ายซานตาคลอสตัวเล็กผู้ไม่รู้เวร่ำเวลา นึกจะมาก็มา พาให้เด็กน้อยบ้านฉันสนุกไปกับการละเลงสี
แล้วเขาก็กางปีกบินไปสู่อาณาจักรเดียวดายต่อไป คงยากที่ฉันจะนึกถึงรูปแบบบ้านเขาได้ว่าจะมีหน้าตาอย่างไร
นั่นคือคำว่าบ้านในสายตาของฉันในวันก่อน...ซึ่งวันนี้ใครจะคาดคิดว่าบ้านของฉันต้องแยกส่วน ฉันกลายเป็นส่วนต่างของบ้าน กลายเป็นส่วนเกินของสมาชิกภาพของสถาบันครอบครัวตัวเองอีกต่อไป
เหลือแต่ที่นอนห้องเล็กๆใจกลางเมืองหนึ่งที่วุ่นวายอยู่บ้าง แต่ไม่มากกว่าสิ่งในใจอันไร้ทิศทางว่า..ทำไมชีวิตคู่นั้นถึงง่ายต่อการอับปางและยากต่อการสมดุลไว้นัก
และบ้านฉันในวันนี้คงต้องถามใจตัวเองว่า...ระหว่างการสูญเสียบ้านที่แท้นั้นกลับการไม่เคยมีบ้านที่แท้แต่สามารถแทรกตัวไปได้ในบ้านที่แท้ยามเหมาะสมอย่างเขาในยามที่ทุกๆคนพร้อมรับ กลับคนที่อยู่กับบ้านที่แท้ต้องแบกรับทั้งรักและน้ำตา
ไม่รู้ว่าเขานั้นได้เปรียบเพียงไรที่มีบ้านที่แท้รอคอยอยู่ทั่วสารทิศ ถึงเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวที่ก็เป็นการหมุนเวียนความสุขจนต่อเนื่องเป็นวัฏจักร
ส่วนฉันได้แต่หวังว่าบ้านที่แท้หลังต่อไปคงมีโอกาสไม่นานนักที่จะรอคอยเขาคนนั้นวนเวียนกลับมาเยือน
คงถูกต้องเหมาะสมดีสำหรับเขาที่ไม่เคยมีแบบอย่างของบ้านที่แท้ฃ
เขาจึงทนุถนอมบ้านที่แท้รอบตัวเขาไว้อย่างดียิ่งซึ่งเขารู้ดีว่า...หากไม่พร้อมจริงๆเขาคงไม่ปลูกสร้างบ้านที่แท้ หรือเพิกถอนบ้านที่แท้ลงได้ด้วยกิเลสตัณหา และบาปที่ฉันหลงเพริศไปกับมันจนยากที่จะกู่กลับมาได้ ดูๆแล้วฉันคงบ้า.......นะที่ทลายบ้านลงด้วยน้ำมือตัวเอง
ได้แต่ภาวนาถึงเขาว่าคุณค่าแท้ใช่สิ่งที่มี ขึ้นอยู่กับเรารู้ซึ้งถึงมันหรือไม่..และคำตอบนี้ก็ไม่ได้ถามเขา เพียงแต่เขาทำมาทั้งชีวิตให้ดู ผิดที่ฉันเองนั้นละเลยไปเอง...บ้า...........น่าดูเลย คิดๆแล้ว ขอบใจมากเพื่อนเอย.