22 สิงหาคม 2547 21:36 น.
pigstation
ก่อนเคยถูกมองเป็นเพียงผักชีโรยหน้า ขาดวิญญาณของการเป็นผู้นำอย่างแรงสูง
มาวันนี้หลังจากผักชีผ่านหลักสูตร MBA จากสถาบันนิด้า ทุกอย่างกลับกลายจากเดิม
วันนี้ทุกจานเปิดรับผักชีอย่างสง่าผ่าเผย ท่าทีต่อผักชีนั้นกลายเป็นความนบนอบต่อกัน
จิตวิญญาณแห่งผักชีได้เอ่ยต่อผู้สื่อข่าวว่า "สถานะนั้นเป็นดังความเหลวใหลทางมวลสาร รูปทรงนั้นมีเนื้อหาไม่คงที่ เมื่อมาถึงปลายทางความสำเร็จ วันนี้ความภูมิใจของวงศ์ผักชีได้เปลี่ยนแปลง"
ขณะพริกไทยป่นกำลังขมักเขม้น เตรียมตัวสอบเข้า หลักสูตรนวตกรรมทางการศึกษาเพื่อยกระดับพริกไทยป่นโรยหน้าให้ก้าวมาสู่ความเป็นเครื่องปรุงที่มีระดับ
ขอบคุณการอุทิศตัวของบรรพชนผักชีที่ทำให้วันนี้การโรยหน้าได้พัฒนาก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำอย่างสมความภาคภูมิ
22 สิงหาคม 2547 14:15 น.
pigstation
ผู้คนต่างอยู่ในโลกอีกใบที่หมุนเงียบๆอยู่ภายในซ้อนกับโลกอีกใบที่หมุนจริงๆอยู่ภายนอก มุมสัมผัสของแต่ละคนต่างกางรัศมีออกไปตามแต่องศาของประสบการณ์ ทั้งความสูขสมหวังยินดี ั้ทั้งน้ำตาโศกเศ้ราต่างกรรมต่างวาระที่ไม่เคยซ้ำกันแม้แต่วินาทีเดียวกันของแต่ละคน แต่เธอเชื่อเช่นกันว่าสักวันหนึ่งในวงจรชีวิตนี้จะต้องรู้จักแต่ละชุดของประสบการณ์เหล่านี้ครบถ้วน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ถูกอยู่สถานีรถไฟที่เรียงรายอยู่ตามรายทางรางรถไฟ ปรากฏอยู่ตั้งแต่การวางแผนผังแล้ว แต่ชีวิตแท้ๆของแต่ละคนนั้นเล่า เราไม่อาจกำหนดได้ว่ารถไฟสายชีพจรนี้จะหยุดจะไป จะตกรางเมื่อไร เพียงแต่ใช้จิตเป็นดังคนขับขบวนรถไฟชีวิตนี้ไปตามรางสายชะตากรรม โดยไร้สถานีใดๆมารออยู่ตรงหน้า
เสียงหวีดร้องดังมาแต่ท้ายขบวน อำนาจเสียงที่เหนือกว่านั้นตามมาอีกระลอกก่อนทุกอย่างจะดับวูบ
ตู็โบกี้โคลงตัวไร้การควบคุมประหนึ่งเป็นกล่องกระดาษใส่ร้องเท้ายี่ห้อบาจาปลิวหล่นจากรางราวถูกมือยักษ์ล่องหนเหวี่ยง ฝาผนังโบกี้โหว่เป็นรอยกแยกฉีกขาดออกจากกัน ด้วยแรงฉีกมหาศาลจากระเบิด
เขายังคงรอคอยอยู่ตรงนัน ก่อนที่ข่าวจะเดินทางมาถึงพร้องเรื่องราวความทรงจำที่ผ่านมิตินี้ไปแล้ว
ก่อวินาศกรรม ..ไฟใต้ระอุ
รถไฟสายใต้ ตายเกลื่อน...
ความเป็นจริงที่ทะยอยมาตามลำดับของกาลเวลา เธออยู่ที่ไหน ตรงนั้นเราจะมองเห็นตั๋วใบหนึ่งที่อาบเลือดแห้งกรัง ผ่านแดดกล้า ฝ่าฝนหนาว ค่อยสลายผูกร่อนไปตามสภาพ
ที่นั้นมีความทรงจำร่วมกัน ไม่ใช่เพียงความรักของหนุ่มสาว ยังหมายถึง ความขัดแย้งที่หาจุดลงตัวไม่ได้ ที่นั่นชีวิตที่จบลงไปนั้นนั้นลอยคว้างอยู่ ต่างจะไปสู่คนที่ตนรักและรอคอยการพบปะกัน เพียงแต่...ความรักและศรัทธาบางลัทธิหรือระบบอบการปกครองมันบังตากันและกัน
ตั๋วรถไฟที่ไร้สถานีนี้คงเป็นอีกบทบันทึกหนึ่งของการเดินทางรอนแรมไปในขบวนประวัติศาสตร์ เราอยู่ในท่ามกลางทั้งความขัดแย้งและรู้สึกเป็นอย่างเดียวกัน จริงอยู่น้ำตาเรานั้นอาจจะคนละเม็ดแต่มันกลั่นออกมาจากความรู้ของคนแท้ๆที่มีผัสสะเดียวกัน เม็ดเลือดที่แดงข้นของเราที่ไำหลเวียนเพื่อหล่อเลี้ยงให้ได้คงอยู่ ได้เดินทาง ได้สร้างสม ไม่มีหรอกที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไขตอบสนองตัวเอง บนการสิ้นสุดของผู้อื่น
.......(จบ)
21 สิงหาคม 2547 00:59 น.
pigstation
เมื่อไม่นานมานี้ ผมกระทำการคืนดีต่อคนรักอย่างไม่ย่อท้อ ผลลัพธ์ยังไม่คืบหน้า
แต่ได้บทสรุปมาว่า การขอคืนดีนั้นไม่ใช่การคืนสินค้าที่พบข้อบกพร่องภายในเจ็ดวันพร้อมใบเสร็จ ตามงื่อนไขการรับประกัน
เพราะเรื่องความรักนั้นเป็นเรื่องเปราะบางทางยุทธศาสตร์สีชมพูอ่อนมาก ดังนั้นจึงขอเสนอปัจจัยการออเซาะที่สัมฤทธิ์ผลดังนี้
1.อย่าเพิ่งไปเสนอหน้าเรียกเรทติ้งเดิม ควรจะหลบไปห่างๆสักระยะให้เกิดการเรียกร้องจากฝ่ายคู่กรณีผ่านรีโมตแห่งความเดียวดาย
2.เมื่อเริ่มได้รับสัมปทานอีกครั้งควรเริ่มต้นด้วยของกำนัล เช่นปากกาหมึกเจลลายคิตตี้ออกรบที่อิรัคในชุดพราง เพื่อเป็นบรรณาการเบื้องต้น
3.ใช้การหว่านล้อมด้วยเมนูคอร์สพิเศษอย่างโออิชิบุพเฟต์ แต่ต้นทุนน้อยสายป่านสั้นเอาแค่ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ก็พอทดแทนกันได้
4.ควรทำความเข้าใจว่าวงจรงอนง้อเป็นระบบที่ถูกดาวน์โหลดไว้ในฮาร์ดดิสก์ของหวานใจเราเป็นการถาวร ควรป้อนข้อมูลห่วงใยไถ่ถามอย่างสม่ำเสมอ แม้ในใจจะห่วงผลฟุตบอลอยู่ก็ตาม
5.ข้อนี้จำเป็นมาก แต่ยังอยู่ในระยะทดสอบอยู่ ไว้รายงานความคืบหน้าภายหลัง
ขออวยพรให้ท่านได้ออเซาะอย่างสวัสดิภาพ และขอความกรุณาประหยัดกิ๊กด้วยเถิด เพราะการรักเดียวใจเดียวคือบ่อเกิดแห่งความสวยงามในการครองคู่
14 สิงหาคม 2547 22:38 น.
pigstation
มิเอะหน้าหันถูกบุนจังตบเข้าอย่างจัง
ตกลงบุนจังต้องคิดอะไรอยู่กับเราแน่
แล้วเราก็ได้รู้ว่าการถูกสวมกอดโดยเพศเดียวกันนั้นอบอุ่นอย่าบอกใคร
เราทิ้งให้มิเอะอยู่ตรงนั้น แล้วเรากับบุนจังตะคองกอดกันลับหายไปในละอองหิมะบางเบาที่ดูมีประกายสีม่วงจางๆ
(จบแล้วครับ)
14 สิงหาคม 2547 19:42 น.
pigstation
นับแต่วัยเด็กมีความสุขอยู่กับการ์ตูนนานาชนิด จะเป็นการ์ไทยอย่างชัยพฤกษ์ ,ตุ๊กตา หรือการ์ตูนยอดมนุษย์อย่าง ซูเปอร์แมน หรือ การ์ตูนวอลต์ ดิสนีย์ อย่างโดนัล ดั๊ก
ไม่มีอะไรที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในเบื้องลึกแห่งห้วงจินตนาการและความฝัน
นั่นคือ การ์ตูนญี่ปุ่น....
เสียงประกาศถึงเที่ยวบิน และเงินเก็บออมบางส่วน ที่หมายมั่นว่าจะต้องไปถึงยังดินแดนต้นกำเนิดของแคนดี้จอมแก่น ด๊อกเตอร์สลัมและอาราเร่
ยามนั่งบนเครื่องบิน มองลงมา เห็นแผ่นดินที่ค้นตาที่เราเคยตัวเล็กกระจ้อยเดิน 5 กิโลก็คิดว่าโลกกว้างใหญ่ไกลโพ้น วันนี้บางแผ่นดินย่อลงเล็กเหลือแค่ช่องหน้าต่าง
วินาทีแรกที่รู้ว่าลมหายใจใหม่ๆที่สูดเข้าไปคืออากาศของเมืองโตเกียว เกือบลืมหายใจออก ชื่นไปข้างใน เม็ดเลือดแดงวิ่งพล่าน
เพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนที่ตรอกข้าวสารรออยู่ตรงที่นัดผู้โดยสาร
การทักทายเป็นไปอย่างครื้นเครง เพราะว่าหน้าเราช่างละม้ายคล้ายคลึงไปทางเค้าหน้าชาวอาทิตย์อุทัยอยู่แล้ว
เป็นจังหวะเหมาะที่เราได้ผูกมิตรภาพไว้ ยาม มิเอะ และบุนจัง ด้วยการพาพวกเขามาลุยบ้านนอกของเรา พาไปเป็นสมาชิกในครอบครัวชาวกะเหรี่ยงในเขตพื้นที่อำเภอเราที่อยู่บนพื้นที่สูง ซึ่งเป็นการเดินทางที่สร้างความเข้าใจในความเป็นมนุษย์นนอกเหนือจากโปรแกรมทัวร์ตามออร์เดอร์ยอดฮิต
ต้องเข้าใจว่าสภาพกะเหรี่ยงบ้านฉันเป็นกะเหรี่ยงทางผืนป่าตะวันตก มีความใกล้ชิดกับชาวพื้นถิ่น การคงอยู่จึงเป็นไปตามครรลอง ไม่เหมือนชาวเผ่าที่ถูกบางหน่วยงานของรัฐเข้าไปเร่งรัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
สิ่งนี้เองมิเอะและบุนจังจึงพบความเป็นมนุษยชาติอันหลากหลายและกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติแท้ๆกลืนไปกับเทคโนโลยี่ต่างๆ ตามยุคสมัย
ไม่ใช่ชาวเผ่าที่ถูกกระตุ้นให้สร้างมูลค่าค้าขาย จนมองเห็นอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด
ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มิเอะ เป็นครูสอนภาษาที่เล่านิทานให้เด็กทั้งหมู่บ้านติดใจ ส่วนบุนจังเขาชอบออกไปทำไร่กับหาของป่ากับพ่อบ้าน ตัวฉันก็เฝ้าแต่เขียนบันทึกและวาดรูป เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูล เผื่อวันหน้าจะได้สร้างงานต่อเนื่อง เช่น นิทรรศการศิลปะ
หลังจากถึงที่พัก เราตระเวณย่ำราตรี อากาศเย็นมาก ฉันดื่มไปเยอะยังไม่รู้สึกอะไรเพียงแต่กระหยิ่มในใจเท่านั้นว่า ญี่ปุ่นทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้สายตาเราเท่าที่จะกวาดเข้าไปให้หมด
สวนสาธารณะใจกลางเมือง มีลานกว้าง คนยังเดินให้ควั่ก ดอกซากุระกำลังจะหมดหน้าของมัน หลงเหลือประปราย
มีอยู่ดอกหนึ่ง เหมือนจะรอเราอยู่คนเดียว คงรอเป็นตัวแทนของซากุระทั่วญี่ปุ่น ค่อยทิ้งตัวมาลอยอย่างกับภาพช้า เคลื่อนไหวลงมา ทันที่เราคว้ามือไปรองรับไว้
พลัน เราก็เอื้อมมือพร้อกซากุระดอกนั้นไปแซมเรือนผมมิเอะ
ในขณะที่บุนจังมองมาด้วยสายตาอะไรที่ยากอธิบาย
(อ่านต่อตอน 2 )