8 มกราคม 2548 20:08 น.

อ่านกวีแกล้มแก้ว(เหล้า)

pigstation

นานพอสมควรแก่เหตุที่ฉันหันหลังให้กับการเขียนงาน ด้วยว่าใคร่อยากวางตัวเองไว้ตรงที่การร่อนเร่ไปชั่วขณะหนึ่งของช่วงชีวิตที่อยู่ริมผาความมั่นคง ที่ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการพลัดตกลงสู่ห้วงเหวความล้มเหลว แต่ฉันก็ไม่หวั่น และวันนี้ ฉันมีบทกวีจากคนรู้จักคนหนึ่ง ชื่อว่า ฮวก จึงเป็นมูลเหตุให้ฉันคว้าบทกวีมาอ่านพร้อมการชงเหล้าดื่มแก้วแรกของวันนี้ ในตอนบ่าย ขณะที่แดดกำลังเอื้อให้พืชพรรณได้สังเคราะห์แสงปรุงอาหาร ส่วนฉันกำลังสังเคราะห์บทกวีของ ฮวก ไปควบคู่กับการ สังเคราะห์อัลกอฮอล์เริ่มต้นพลิกกระดาษและชงเหล้า
	เมื่อของเหลวที่ได้รับการผสมกันเข้าเกือบเป็นเนื้อเดียวกัน มวลสารต่างสถานะกันเริ่มรอมชอม และเริ่มรุกรานกันและกัน จนก้าวไปสู่การรุกล้ำที่เริ่มยินยอมพร้อมใจไปด้วยกัน ฉันเปิดเพลงแจ๊สคลอเคล้า ขณะที่มีการเคลื่อนไหวไปมาไม่ขาดสาย
 	ลำพังตัวคนเดียวยังมีขบวนความคิดลำเลียงโดยสารผ่านไปมานับล้านขบวนวิ่งวนอยู่ภายใต้กระแสสำนึก นี่ฉันยังเร่งเครื่องด้วยการเติมเชื้อเพลงประเภทบรั่นดีลงไป อีกทั้งยังเปิดทางให้ขบวนบทกวีที่ชื่อว่าตัวโน้ตไร้ระบบ บทกวีไร้ระเบียบเปิดสถานีวิ่งเข้าไปสู่ใจกลางความทรงจำทั้งมวล มันจะโกลาหลขนาดไหน
 	เสียงอึงคนึงมากมายจากเพลง จากยวดยานกลบเสียงภายในที่เคยขับขาน  แล้วฉันจะมุ่งหน้าไปทางไหนดี เมื่อย่อหน้านี้จบ - - - ฉันจะไปจิบ

	วันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวาน บรรดาข่าวสารข้อมูลทั้งหลายวิ่งดาหน้าเข้ามาหาเรา ไม่เว้นแต่ละเว้น ล้วนเป็นเรื่องไกลจากตัวเรา แต่มีผลกระทบต่อเราอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของการแอบแต่งงานของคนดังคู่หนึ่ง ซึ่งต่อมาก็ไม่เป็นความจริง แต่บางข่าวมันทำให้เรารู้สึกว่าใครบางคนที่เราเคยกินน้ำร่วมโต๊ะเดียวกัน(ไม่ถึงขั้นร่วมสาบาน) กำลังได้รับรางวัลจากงานเขียนเรื่องสั้น มันสร้างภาวะกระชุ่มกระชวยไปด้วยทั้งที่เขาอยู่ไกลถึงภูเก็จ  ด้วยความรู้สึกร่วมกันในความเป็นคนหลงหนังสือ มันเหมือนอยู่ร่วมทีมเดียวกัน เลยให้ครึ้มใจไปด้วย
 	เลยมากินเหล้าคนเดียว กินกลางแดด พร้อมกางบทกวีของคนหนึ่งที่ดุ่มเดินมาตามทางสายวรรณกรรม วรรณศิลป์   ในขณะที่เราอยู่ในช่วงของการลักปิดลักเปิดทางวรรณกรรมอยู่

	ผ่านพ้นไปสองแก้ว ความรู้สึกโคลงเคลงยังไม่ก้าวเข้ามา แต่มีบทหนึ่งที่ชื่อเถ้า เข้ามาเปิดเผยอความรู้สึกของการยอมสูญเสียตัวเองเพื่อก่อตั้งสิ่งใหม่ ไม้ขีดไฟเผาไหม้เพื่อต่อไฟให้เชื้อ--				
1 มกราคม 2548 16:24 น.

บทภาพยนตร์"โปสการ์ด ความรักติดแผ่นข้ามฟ้า"

pigstation

ฉากเปิดตัว
กล้องโคลสอัพไปที่กระดาษ มองจากด้านบนมุมสูงมากเห็นกระดาษเล็กสุดๆ  ซึ่งกระดาษวางบนผ้าสีเขียวเวอริเดียนแล้วซูมภาพมาจับนิ่งที่กระดาษแผ่นนั้น คือด้านหลังของโปสการ์ด
(ใช้สเปเชี่ยล เอฟเฟ็ค)  ให้โปสการ์ดพลิกมาเป็นภาพธีมหลักของหนัง แล้วพลิกกลับอีกด้านเป็นชื่อเรื่อง-ชื่อนักแสดง-ไตเติ้ลน่ะเข้าใจไหม แล้วพลิกกลับเป็นภาพในเหตุการณ์ของเรื่อง จากนักแสดงนำ-ผู้อำนวยการสร้าง (ประมาณ 3 นาที)

นักแสดงนำชาย-ศร  บุคลิก(คนขรึม ทำงานเป็นนักวิจัยเดินทางไปทั่ว เอาใจยาก)
นักแสดงนำหญิง-ปุ๊ม บุคลิก(ขี้อ้อน ลูกสาวคนเดียวชอบท่องเที่ยว ทำงานเป็นไกด์ญี่ปุ่น)
นักแสดงสมทบชาย-หมู บุคลิก(ศิลปินไร้ชื่อ  มาดหลุกหลิก แต่จริงใจและกวนตีนมาก)
นักแสดงสมทบหญิง-ป้าจำเนียร บุคลิก(บ่น บ่น แล้วก็บ่น ปากร้ายใจดี)
นักแสดงสมทบชาย-อาประพันธ์ บุคลิก(เป็นไปรษณีย์จอมจุ้นจ้าน)

เปิดเรื่อง
	ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ ศร หนุ่มวัย27 ปีโดยประมาณกำลังเตรียมตัวเดินทางไปสำรวจข้อมูลที่ภูเก็ต เพื่อนำมาทำงานวิจัยต่อ ท่ามกลางคนพลุกพล่านจอแจก็ไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังท้าวสะเอว ต่อปากต่อคำกับคนต่างชาติอยู่ เลยลองเข้าไปเลียบๆเคียงๆ
		ศร-เกิดอะไรขึ้นครับ มีอะไรให้ช่วย
		หญิงสาว-ดูสิมาถามทางดีๆอยู่ชวนไปอ๊อฟ ไอ้เวร
		ศร-อ้าว..เดี๋ยวอย่างนี้ต้องแจ้งตำรวจ หมิ่นประมาทกันชัดๆ
		หญิง-ใช่ๆ ดูถูกผู้หญิงนักนะ
		ศร-คุณไปแจ้งความก่อน ที่ป้อมข้างหน้า ทางนี้ผมจัดการเอง
		หญิง-ค่ะ ขอบคุณค่ะ
	แล้วเธอก็วิ่งปร๋อไป ส่วนคนต่างชาติก็ทำหน้าเจื่อนพยามยามจะหนี แต่ด้วยมาดสุภาพบุรุษและแววตา อีกหน่วยก้านสมชายอย่าง ศร มันทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด
	เมื่อเรื่องราวแล้วเสร็จตัดภาพมายัง รถทัวร์ วีไอพี ศรกำลังหลับสนิท ผ่านเส้นทาง ผ่านแสงไปไปตามเส้นทางสายใต้ จนมาแวะที่จุดพักรับประทานอาหาร เขางัวเงียลงไปล้างหน้าล้างตา จนกระทั่งมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วสายตาก็ไปบวกกับหญิงคนที่ให้ความช่วยเหลือพอดี ทำไมมันบังเอิญปานนี้(ก็บทมันต้องบังเอิญ อย่าคิดมากคุณไม่ใช่นักวิจารณ์หนังที่ดี แต่ไม่เคยลองสร้างหนังที่ดีได้สักเรื่อง สำนึกและพึงสังวรณ์บ้าง เคารพในความคิดทางศิลปะบ้าง อย่าเอาแต่จับผิด หรือติเตียน) 
	ศรยิ้มๆไปเก้อๆ ตามปรกติ เขามักง่วนก้มหน้าอ่านตำรา อ่านหนังสือเตรียมตัวตลอดเวลาตามบุคลิกคงแก่เรียน มาคราวนี้มันบังเอิญจริงๆ
	ทั้งคู่ทักทายพอประมาณ แล้วแยกย้ายขึ้นรถคนละคัน (เอ่อ..ไม่บังเอิญนะเฟ้ย สมจริงไหมล่ะ คิดว่าจะนั่งรถคันเดียวกันล่ะสิ)
(ดนตรีประกอบ  เป็นภาพการผ่านเส้นทางสายใต้ในแต่ละจังหวัดผ่านหน้าต่างสะท้อนภาพกลางคืน ความเป็นชนบท ความเป็นบ้านร้านค้าสองแรมทาง.ไปจนถึงสะพานสารสิน แล้ว ศร ก็ลงบริเวณนั้นในขณะฟ้าเริ่มแจ้ง เพื่อรอพบเพื่อนสนิท)

(กล้องโคลสอัพไปที่ฝาขวดเบียร์เกลื่อนห้อง,กางเกงในกองโต,เสื้อผ้า,ข้าวของที่กระจัดกระจายไร้ระเบียบสมกับห้องหนุ่มโสด มีเสียงเพลงมันส์ๆแนวเฮฟวี่ เมทัล น่าจะเป็นเพลงของไออ้อน เม็ดเด้น)
ศร-ไอ้ห่าบ้านรกหยั่งกะรังหนู ไอ้รังแคสังคม
หนุ่มผมยาว-อ้าวแดกฟรี พักฟรียังมาแดกดันอีก เดี๋ย ซ่นตีน ฟักยู (ยื่นนิ้วกลาง)
ศร-กูว่าไปตามจริง แล้วพรุ่งนี้มึงว่างหรือเปล่า ไอ้หมู
หมู-เออ ทุกทีก็เป็นหย่างง้านน เพื่อเพื่อน จะแบกภาระก็ช่างกะแม่ง
ศร-มึงเนี่ยปากจัด
หมู-พอกะมึง ไม่ต้องเลี้ยงหมา
ศร-ใช่เพราะอมลูกอมตราหมาอยู่ทุกวัน ขนาดบ้วนหมาทิ้งทุกวัน แม่งก็ยังปากโคตรหมาอยู่
หมู-พอๆๆๆๆๆไม่ต้องซ้ำเติม ประธานชมรมหมาปากคอก เอาว่ามึงว่าจะเล่าอะไรให้กูฟังน่ะ เล่ามาดิ
ศร-เหล้าที่ไหน มีแต่เบียร์
หมู-ไม่ต้องมุขควายเลย เล่ามา
ศร-กูเจอเรื่องเฮงซวยว่ะ ที่สายใต้ มีไอ้ฝรั่งคนหนึ่งมันมาเหล่สาว แล้วคิดว่าซื้อได้ ไอ้สัตว์ เลยแจ้งความ ปรับไปซะ ทีแรกตำรวจไปเข้าข้างพ่อมัน
หมู-ใครวะ เอาพ่อมาทำงานด้วย 
ศร-ก็ไอ้ฝรั่งแหละ ตำรวจทำท่าจะประณีประนอมยอมความกูกดหาไอ้โต้ง เพื่อนที่เป็นทนายค่าตัวแพง เรียบร้อย..ตามเสด็จ เข็ดไป มันคงสำนึกทั้งตำรวจทั้งฝรั่ง
หมู-แล้วมึงไม่คิดหรือว่า น้องคนนั้นเขาทำอย่างว่า
ศร-อ้าววแล้วกัน ออกแต่งตัวดี ดูธรรมดา
หมู-น่านแหละ เทรนด์ใหม่กระหรี่ไทย..
ศร-เอ้า..หมาวิ่งออกจากปากมึงอีกครอกแล้ว ดื่ม
เสียงคุยกันล่องลอยไปตามกระแสเสียงเพลง ตามสายลม ตามเสียงคลื่นไป

	หาดแห่งหนึ่งที่เป็นสถานที่ออกส่วนตัว มีนักท่องเที่ยวเดินไปมาไม่กี่คน เพราะที่นี่โคตรแพง แขกจึงมีน้อย แต่จ่ายหนัก มีสปาชั้นยอด ภาพค่อยถ่ายทีละช็อต จากข้างนอกชายฟ้า มาชายทะเล ชายหาด ชายฝั่ง มีตัวประกอบที่ดูดี แต่งองค์ทรงเครื่องแบบน่าน้ำลายไหล เอาไว้ดูดผู้ชม)
		ปุ๊ม-(ห่อปากออกเสียงชื่อตัวเอง)ปุ๊มมมมมม
		แขกญี่ปุ่นกลุ่มย่อม-ปุ
		ปุ๊ม- อะเกน พลีส  ปุ๊ม
 		แขก-ปุ (แล้วก็เฮฮา ปุ๊มส่ายหน้าไม่ไหวแล้ว ไม่มีชาวญี่ปุ่นคนไหนออกเสียงตัวสะกดและวรรณยุกต์ชื่อเธอได้เลย)
	แล้วขบวนแขกก็ขึ้นรถไปตระเวณท่องเที่ยวทั่วภูเก็ต  กล้องจับภาพอิริยาบถความสดใส น่ารัก พักต์พริ้งของปุ๊มไว้ ต้องสร้างให้คนชื่มชมเธอให้ได้นะ
	จากนั้นก็วกกลับมาที่โรงแรม แขกแยกย้ายที่พัก มาที่ห้องน้ำมีตาแก่หน้าตาหัวงูชาวญี่ปุ่นละเมอชื่อ ปุโม๊ะปิ๊จัง ปุโม๊ะปิ๊จัง..จนเมียลุกมาตีหัวล้านดังเปี๊ย(กะฮาครับฉากนี้  กล่าวขวัญแน่)

ฉากสำคัญ(เป็นBRIDGE  THEME) 
	ศรตระเวณเก็บข้อมูลด้านระบบนิเวศแถวป่าชายเลน พบความสูญเสียของระบบนิเวศ ที่กำลังลดระดับฟื้นฟูสภาพตัวเอง วาระแห่งความพินาศของป่าชายเลน แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำทั้งปวง กำลังหายนะ กำลังส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
	แต่ละแห่ง ทั้งข้อมูลจาก ชาวบ้าน จากหน่วยงาน จากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว มันเหมือนบทเพลงคนละทำนอง แล้วจะทำอย่างไรกับคำว่า จิตสำนึกร่วมกัน ในสิ่งแวดล้อมส่วนรวมที่เป็นของทุกคน
	ระบบทุนนิยม มันชักใยให้ผู้คนละลืมวิถีชีวิตดั่งเดิม หันมาตักตวงเนื้อแท้ของแม่พระธรณี หันมากอบโกยจากแม่พระธารามหาสมุทร  ไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่ามนุษย์ไม่ได้เพียงแต่ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม กลับยังทำร้ายเพื่อนมนุษย์และตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เป็นปรากฎการณ์ย้อนศร ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ศรคิดคำนึงอย่างหนักหน่วงหนักหนาในปัญหาหมักหมม ในความโสมมของสังคมบริโภคนิยม
	ครั้นจะไปป่าวประกาศก็จะว่าตกยุค ความจริงการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น ในหลายๆประเทศนั้นกำลังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง และเอาจริง เอาจังที่สุด ไม่มีใครขายประเทศกินอย่างคนไทยบางชนิดหรอก (เฮ้ย..ไม่ใช่สารคดีเนชั่นแล จีโอกราฟฟิค หรือ ตามล่าหาความจริง คนตามอาจจะตายก็ได้ เพลามือหน่อย เบาลงนิด เดี๋ยวสวยกิ๊ก)

 		หมู-อ้ะ โปสการ์ด ที่กูวาดเอง มือทำหัวคิดจิตดี เก๋ไหม
		ศร-เออ ทำอะไรสร้างสรรเป็นเหมือนกันนะมึง
		หมู-ก็แฟนกูชอบ ก็ต้องตามบัญชาแหละ
		ศร-มีแฟนเป็นด้วยมึงอ้ะ
		หมู-อ้าว..มึงจะให้กูว่าวตลอดศกไงว่ะ คนมันพี้คว่ะ ขอโทษ เพื่อน ไอ้แห้วสนิท
		ศร-เออๆ แล้วไป ว่างๆพาแฟนมึงมารู้จักหน่อย กูอยากอุ้มหลาน
		หมู-มึงมองข้ามช็อตมากไป กูเพิ่งคบเว้ย ชื่อปุ๊ม
		ศร-ปุ้ม..
		หมู-ปุ๊มโว้ย	
		ศร-ปุ๋ม
		หมู-ปุ๋ม พ่อมึงเด่ะ ปุ-มอ-อุ๊ม-ปุ๊ม ไม้จัตวา น่ะไม้จัตวา
		ศร-ไม้จัตวาแม่มึงน่ะสิ ไม้ตรีต่างหาก ปุ๊ม ใช่ไหม
	ทั้งคู่ก็คุยกันในเรื่องสัพเพเหระ ก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือของ หมู ดังขึ้น 
		หมู-คร้าบบๆๆๆคร้าบ
		ศร-คุยเรียบร้อยจังวะ
	หมูวางสาย แล้วคว้ากุญแจรถ ทะยานกายไป ทิ้งให้ศรงงงวยและงงงัน เลยหยิบแผ่นซีดี เพลงของยูทู มาฟังในผลงานซันเดย์ บลัดดี้ ซันเดย์ก่อนโยกหัวตามอย่างเมามัน สลัดคราบนักวิชาการ
	.เพลงต่อมาเรื่อยๆตามสปีดจนมาถึงเพลงเด็ดคือเพลงฮเวย์สตาร์ขณะที่ศรทำท่าลีดกีตาร์อากาศอยู่นั้นก็พลันชะงัก เมื่อมีสายตาสามคู่มองมายังลีลาสะเหร่อแดกของตน พร้อมเสียงหัวคิกคัก ความหน้าแตกไม่เข้าใครออกใคร ศรหน้าแตก รีบยิ้มแก้เก้อ ก่อนแนะนำตัว แล้วพากันไปหาดป่าตอง

ฉากป่าตอง ราตรีกาม ส่งกลิ่นคาวข้ามฟ้าข้ามประเทศ ที่นี่ไม่มีความรักขาย มีแต่ความใคร่วางแบกะดินรอกระดอมาเสียบซื้อ เงินปลิวสะพัดในนามของการท่องเที่ยวแห่งประเทศใคร
	เงิน/โรคติดต่อทางเพศ/ยาเสพติด เป็นวงจรส่งเสริม/ยั่วยุให้เกิดคนเสียคนได้เป็นอย่างแรง ทำไมรัฐเห็นแต่รายได้ เห็นแต่ผลกำไรที่จะส่งผลให้ปีศาจชื่อเศรษฐกิจมันสวาปาม  ความเจริญทางวัตถุมาจากความมั่งคั่งที่มีรากมาจากราคะ/กิเลส/ตัณหา ส่วนจิตใจนั้นเล่าพลอยหลงเริ่ดเพริศเพลิน วิ่งตามไปตกเหวกันไม่รู้เนื้อรู้ตัว มันคือมดลูกที่ให้กำเนิด อาชญากรรมทั้งปวง ทั้งหลายแหล่
	จำนวนอุบัติเหตุ จำนวนศพ จำนวนผู้ป่วยโรคเอดส์ จำนวนคนเครียด จำนวนคนฆ่าตัวตาย ทวีเท่าตามกันแต่ละปีมีแต่จะรุดหน้า ปัญหาถูกกลบเกลื่อนด้วยคำพูดที่ว่าเศรษฐกิจเราฟื้นตัวแล้ว

	แต่อย่าคิดมาก   เยี่ยวเหลืองมาสนุกกับภาพยนตร์เราต่อดีกว่า ทั้ง 4 คนก็นั่งทานร้านแบบแนวโมเดิร์น(สมเหตุสมผล) โชว์ความอุดมสมบูรณ์ของโภชนาการ-ครัวไทยครัวโลก แต่เรายังมีอัตราเด็กขาดสารอาหารมากเป็นประวัติการณ์ในเขตพื้นที่ที่กำลังพัฒนา สอบถามตัวเลขยืนยันได้ที่สายตรง รมต.สุดารัตน์  เกยุราพันธ์ ขอบคุณที่สนใจปัญหาบ้านเมืองอย่างรอบด้าน ไม่มองแต่ปัญหาการเมืองเป็นหลักใหญ่ ขอบคุณจริงๆ)
	แล้วทั้ง 4 คนก็มาเที่ยวกินเหล้าฟังเพลงต่ออย่างสนุกสนานในตัวเมือง


ฉากต่อมา
	ศรส่งโปสการ์ดไปยังคนรักที่เมืองไกล ใบแล้วใบเล่า ยังรอคอยคำตอบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพราะความหวัง และความเป็นพระเอก ศรยังทำหน้าซึ้งตามโทนหน้าพระเอกหนังเกาหลีได้อย่างเศร้าหวานจับใจแม่ยก 
		หมู- ยัยแจนนี่ใจแข็งชะมัด เอ็งตื๊อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนบินไปนอกก็ยังเฝ้าเห่าเครื่องบิน มึงก็ยังตามจองรักจองผลาญอีก ตัดใจเฮอะ
		ปุ๊ม-นี่เธอ อย่าไปยุ่งเค้าเลย ดีเสียอีกมั่นคงต่อเธอ แม้เธอไม่สน ไม่แน่สักวัน
		ศร-อย่างน้อย เธอก็รู้ว่าผมคิดถึง
		ปุ๊ม-เหมือนหนังเกาหลีเห่ยๆหยั่งไงไม่รุ
		หมู-เรื่องคลาสสิคคนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต คนวิกลจริตของศรีธัญญาไง
		ปุ๊ม-(ตีแขนหมูดังเปี๊ยะ) ชิชะ	มาว่าหนังในดวงใจเราได้อย่างไร ต้องโดนอย่างนี้อย่างแรง
	ศรยังคงสภาพหน้าเว้าวอนด้วยดวงตาว่างเปล่า พระเอกนี่นา ต้องเก๊กซิม ส่วนหมูก็กระเซ้าเย้าแหย่ป่วนยัยปุ๊มไปเรื่อย ขณะที่ศรใจจดใจจ่อหน้าจอคอมพ์ เพื่อบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูล

ฉากต่อๆมา
	ขณะที่ศรกำลังเดินอยู่ในตลาดสดกลางเมืองภูเก็ตอยู่นั้น  หมูกำลังง่วนอยู่กับแผงขนมหวาน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
		เปรี้ยงงงงงงงงง เสียงปืนดังก้อง สายตาทุกคนจับมามองร่างที่ทรุดฮวบลงของศร ส่วนหมูรีบโผกายมาที่ร่างของเพื่อน..เสียงวี๊ดว๊ายตามมา เสียงแผดคำรามของเครื่องยนตร์ 150 ซีซี   ของรถสปอร์ต เคอาร์ คาวาซากิพุ่งทะยานหายไปในพริบตา
	โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ศรลืมตานับหยดน้ำเกลือ ส่วนหมูเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น ส่วนปุ๊มกำลังปอกส้มให้อยู่
		ศร-คงเป็นเรื่องนี้แน่
		ปุ๊ม-อย่าคิดมาก เราว่านายพักผ่อนดีกว่า
		หมู-เอ่อ (ทำเสียงหล่อ) ความจริงแล้วผมร้อยเอกฉัตรชัยปลอมตัวมา ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการมันเองกูจะฆ่ามัน(ในมือถือกล้วยหอมทำท่ายิงแบบหนังของจอน วู)
ฉาก CONFLICT	
ณ ห้องประชุมของสถาบันทะเลไทย
	บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก เมื่อผู้อำนวยการสถาบันทำสีหน้าไม่สู้พอใจในผลคืบหน้าของงานวิจัย แถมยังมาเกิดเนื่องอย่างนี้ ดีไม่ดี อธิบดีเอย รัฐมนตรี เอย ส.ส.เอย แห่มาสืบสวนเหตุการณ์ยิงนักวิชาการปิดปากเรื่องแฉข้อมูลลับของสถานประกอบการที่ก่อมลพิษทำลายป่าชายเลน มีหวังต้องกระเด้งจากเก้าอี้ตัวนี้ไปแช่เย็นที่หน่วยกลาง แล้วทีนี้ เมียน้อยทางนี้คงเหงาแย่ ส่วนตัวเองคงไปอยู่กับอีแก่ตามเดิม
	แทนที่จะปกป้อง ให้ขวัญและกำลังใจลูกน้อง  เสียงตำหนิถึงความไม่รอบคอบในการปฏิบัติงานของศรมันส่งผลเสียต่องานในขั้นต่อไปอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะทางผู้ใหญ่จะร้อนใจในข้อพิพาทระหว่างฝ่ายพ่อค้าวานิช แล้วยังจะฝ่ายกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นอีก ไม่รวมนายหัวทั้งมวลที่สนับสนุนงบประมาณให้โครงการนี้เดินเครื่องได้ คุณทำอย่างนี้ มันเสียหายอย่างแรง
		ศร-( เดินออกจากประตูอย่างเซ็ง ด้วยสีหน้าทะนงอยู่ )
		หมู-(ยืนรอแกร่วอยู่ที่จอดรถ) เป็นไง
		ศร-ดีใจด้วย กูตกงานแล้ว
		หมู-ไปฉลอง 
		ศร-หมู มึงเห็นเป็นเรื่องสนุกอีกเหรอวะ กูเครียดนะ
		หมู-กูหมายถึงไปวัดฉลอง กูจะพามึงไปไหว้พระ รดน้ำมนต์ จุดประทัดล้างซวย
	ณ วัดฉลอง ศูนย์รวมความศรัทธาของมหาชน ทั้งแดนดินขวานทอง ทั้งชาวยุโรป มากันไม่ขาดสาย ทั้งสองกราบนมัสการตั้งจิตอธิษฐานขอพรคุ้มภัยเพื่อทำงานช่วยเหลือประเทศชาติในใจเงียบ ๆ
	ช่วยให้สงบอกสงบใจลงไปไม่น้อย
		หมู-ยัยนั่นน่ารักเป็นบ้า ควงฝรั่งด้วยท่าทางเมียเช่าว่ะ
		ศร-เรื่องส่วนตัว
		หมู-ดูเด่ะ
		ศร- อ้าว..(เป็นผู้หญิงคนนั้นเองที่เคยช่วยเหลือที่สายใต้)
	ที่แกลเลอรี่เลียบถนนกะตะ-กะรน ถนนเลาะชายฝั่ง หมู พาศรมาเที่ยวพักผ่อน และเพื่อเก็บตัวด้วยไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย
		หมู-เฮ้ย..ไอ้นิรันดร์ นี่เพื่อนเกลอเว้ย
		ศร-หวัดดีครับ
		นิรันดร์-หวัดดี เชิญๆ
ศร ,หมู เดินดูงานศิลปะในแกลเลอรี่นั้น ขณะที่นิรันดร์ก็ลงมือวาดรูปไป แต่ละภาพ แต่ละความรู้สึกที่จิตรกรนำจิตเบื้องลึกบรรจงวางลงทอสีเทียบฝันนั้น มันกล่อมเกลาให้เกิดภาวะสุนทรีย์ขึ้นมาจะใส่เครื่องหมาย ไปถึงไหนวะ มันช่วยให้งานเขียนมีคุณภาพมากขึ้นไงวะ 
ถ้างั้นก็เจอกองทัพ.. หนำใจดูงานมีคุณภาพขึ้นเยอะ

	วงเหล้ากลางแสงเทียนวิบวับหนุ่ม 3 หญิง 2 นั่งพูดคุยถึงงานศิลปะ เบาๆ เคล้าสายลมซู่มาจากชายฝั่งลิบๆ ผ่านป่ายาง พระจันทร์ดวงแรมเป็นเสี้ยว เป็นเคียวเกี่ยวทุ่งดวงดาวบนฟ้า ให้รวงแสงประกายงามสู่แดนหล้าโลกงาม (ช่วงนี้กวีมาก โปรดสังเกต กรุณาอย่าอ่านกวีซีไรต์เกินวันละสองเล่ม)

	ต่อมา.ที่กรุงเทพ ป้าจำเนียรบ่นว่ามีแต่โปสการ์ดหน้าตาประหลาดส่งมา จะเป็นแค๊ตตาล็อคจากไหนก็ไม่ทราบ มีภาษาต่างประเทศมาด้วยแกยิ่งหัวเสียใหญ่ จนกระทั่งเจอไปรษณีย์ประพันธ์กำลังขับรถหนีหมาอยู่
		ป้าจำเนียร-ไป ไป ไอ้หมาเช้งเม้ง (ฝาก๋วยเตี๋ยวปลิวตามแรงเหวี่ยง หมาแตกฮือ ประพันธ์ปลอดภัยแลั้วจากหมา แต่ไม่พ้นพิสัยการทำลายล้างของฝาหม้อก๋วยเตี๋ยว พลั่ก ..กระจาย..จดหมายเหตุรายวัน พัสดุ อีเอ็มเอส.เต็มถนนซอยนั้น ขอบคุณครับป้าแต่อย่าเลย หมากัดดีกว่า อะมั้ง ฉากนี้ฮากระจุย สนั่นโรง)
		ป้าจำเนียร-ตายละหวา..ไอ้ศักดิ์ มึงไปขว้างทำไม อันตรายออกอย่างนั้น โถ..คุณไปรษณีย์ มาทางนี้ ป้าทายาหม่องให้
		ประพันธ์-เอ..ผมว่าป้าเป็นคนขว้างนา อูยยย (คลำหัวป้อย)
		ป้าจำเนียร-ใครว่า เฮ้ยไปช่วยเก็บของเร็ว
	หลังจากทายา พักผ่อนแล้ว ไปรษณีย์ประพันธ์ค่อยกระย่องกระแย่งลุกขึ้นหมายปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยความรักในจรรยาบรรณแม้จะหัวโน และดวงจู๋
		ป้าจำเนียร-เดี๋ยวๆ..ฝาก๋วยเตี๋ยว เอ๊ย (ส่อพิรุธ) เปล่าๆ ช่วยป้าที มีไอ้บัตรๆนี่ส่งมาที่นี่ พอจะส่งชิงโชคได้ไหม
		ประพันธ์- อ๋อผมดูให้ อ้าวแล้วกัน ส่งมาที่นี่ตลอดเลย นี่มันซอย 7 สงสัยลุงท้วมตาไม่ดี เห็นเลข 7 เป็นเลข 1 มาส่งที่นี่แทน เยอะเลย สงสารคนส่งแย่ เขียนที่อยู่ถูกต้องทุกอย่าง แต่ลุงท้วมมาส่งผิดบ้าน เอาล่ะ..เดี๋ยวผมจัดการให้..ขอบคุณครับป้า
		ป้าจำเนียร-แล้วป้าจะได้ค่าเสียหายไม๊
		ประพันธ์-งั้นป้าจ่ายค่าทำขวัญให้ผมก่อนสิครับ
		ป้าจำเนียร-เอาไปทีเถ๊อะ สงสารคนเค้าติดต่อกันไม่ได้
	และแล้ววงจรของการสื่อสารทางไปรษณียบัตรก็ติดเครื่องครบวงจร เมื่อทางฝ่ายน้องสาวของศรได้รับโปสการ์ดทั้งหมดจากคนรักของศร จึงรีบส่งพัสดุอีเอ็มเอสไปยังภูเก็ตทันที แต่ไม่ลืมเขียนที่อยู่ด้วยปากกาสองหัวตราม้าด้านใหญ่สุด กลัวพลาด(อันนี้พออมยิ้มอารมณ์ดี )
	เมื่อ หมู รับกล่องพัสดุ มามอบให้ศรที่แกลเลอรี่ ความรักก็เปิดตัวออกมา แต่ละความหมายที่บรรยายผ่านโปสการ์ดแต่ละใบที่ไม่เคยสนใจคำตอบกลับนั้น มันงดงาม มันเชื่อมั่น มันศรัทธาเสมอว่า ความไว้วางใจคือโครงสร้างทางหัวใจที่แข็งแกร่ง เป็นสายใยความรักคงทนข้ามสะพานกาลเวลา ข้ามโขดหินความห่างไกล ข้ามพ้นทุกอย่าง

ฉากจบ (เสียงเพลงไทยจากค่ายเบเกอรี่ แนวน่ารัก โรแมนติก     ในบรรยากาศร้านชื่อโปสการ์ด มีศร,นิรันดร์,หมู,ปุ๊ม และเพื่อนๆ รวมทั้งแขกในร้าน นั่งดื่ม กิน    เนื่องในโอกาสเปิดตัวนิทรรศการศิลปะของนิรันดร์ ที่ชื่อเสียงเพรียกทะเล-เสียงพรากปะการัง  ท่ามกลางความวุ่นวานผสมความครื้นเครงนั้น ศรแอบมองโปสการ์ดแต่ละแผ่นที่ติดไว้ตรงบอร์ดข้างผนังในร้านนั้น.ทีละใบ ใจประหวัดไปถึง.)

	ถ่ายจากด้านหลังมุมมองมายังภายในร้าน มีผู้หญิงเดินมาพร้อมโปสการ์ดหอบหนึ่ง(กล้องจับด้านหลังเห็นแค่ลูกคางก็พออย่าให้เห็นหน้า แค่ปรางแก้มอิ่มพอ )มาตรงหน้า ศร และเพื่อน สายตาทุกคนตะลึงในเมื่อภาพเบื้องหน้า คือ..
		คนรักแดนไกลที่กลับมาส่งมอบโปสการ์ดติดหัวใจให้ศร (และก็ยังไม่เห็นหน้าเธออยู่ดีเผื่อภาคสอง ).
จบ
ขึ้นเพลงประกอบภาพยนตร์ (ให้แกรมมี่ทำเหอะ เชื่อมือเค้า น่าจะเป็นวัฒนา  วีรวรรธนะ(คนแต่งเพลง เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ..เห็นครับ มาแต่งเพลงโปสการ์ด : ความรักติดแผ่นข้ามฟ้า ให้ โบว์  สุนิตา ร้อง เพราะคนเขียนบทชอบมาก)

โครงร่างเพลง โปสการ์ด : ความรักติดแผ่นข้ามฟ้า

	แผ่นดินคิดถึงท้องฟ้า ส่งสายตาฝากสายลมไป
	ก้อนเมฆเสกสายฝน มาบอกบนโลกว่า รักเธอ
	แสงแดดทอแสงประกาย เป็นสัญญาสายรุ้ง 
	จะวันนี้ พรุ่งนี้ มีรัก ให้ แต่เธฮ
	
	เขียนข้อความ ด้วยลายมืองาม
	ถามว่า สบายดีไหม อยู่ไกลอย่างนี้
	คนดี มีเวลาไหม ส่งโปสการ์ดใบน้อย
ลอยข้ามฟ้า ไปหาเธอ

		ใบเดียวใบนี้ แต่มีค่า มีความหมาย
		เกินบรรยาย มากมายกว่าคำว่ารัก
		ตอบกลับมาบ้าง อย่าห่างหาย
		ตีตราประทับหัวใจว่า รักเธอ

	คิดถึงเสมอ ยามอ่านเห็นหน้าเธอทุกที
	ขอคนดี มีใจส่งไปรษณียบัตร
	ข้อความกระทัดรัด แต่คมชัด
	วัดใจว่า ห่างแค่ตา แต่ว่าใกล้กลางใจ
  				
24 ธันวาคม 2547 22:39 น.

เบื้องหลังที่ยังเอียงอายแต่เอาจริง

pigstation

เธอรู้ตัวบ้างไหม การได้มาซึ่งถ้วยรางวัลของนักกีฬาโอลิมปิคนั้น ไม่ใช่เพียงการได้ชูมือ จูบเหรียญ  แต่หมายถึง ปริมาณน้ำเหงื่อที่ถูกรีดไหลออกมาจำนวนหลายตุ่มราชบุรี (ต้องลายมังกรจึงเป็นของแท้เป็นสำคัญ )
	อย่าไปประเมินว่าภาพเบื้องหน้านั้นคือความสุขสดชื่น จนหลงเพลินไปว่าคงง่ายดายที่ได้มาซึ่งความสำเร็จตามที่มุ่งหมายไว้
	การวาดภาพฝันนั้น เมื่ออยู่ในห้วงมโนภาพ ปัจจัย,ตัวแปร,อุณหภูมินั้น มันได้ที่ตามแต่เธอกำหนด ตามที่เธอควบคุม ก้อนขนมปังแห่งความฝันจึงสุกได้ที พองตัวออกมาเป็นรูปร่างสวยงามตามความปรารถนาของเธอที่อบขนมปังแห่งความฝันออกมาชิมลิ้มรส แต่เมื่อเธอลองนำความฝันมาแปรรูป ปัจจัยอื่นที่รายรอบตัวเธอ จะแทรกแซง แทรกซ้อน เข้ามาก่อกวนให้ก้อนความฝันของเธอกลายพันธุ์ได้ นั่นคือบทเรียนสำคัญที่เธอต้องรู้จักประมาณฝันให้สอดคล้องต่อความจริง 
	แต่ไม่ควรไปฟังความรอบข้างจนกระทั่ง เชื่อว่าความฝันนั้นมีสูตรสำเร็จ  สามารถปรุงรสความฝันได้ตามขั้นตอน  ถ้าเป็นอย่างนั้น มนุษย์ทุกคนก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะแต่ละคน แต่ละความฝัน บางทีก็ช่างเบียดเบียนกันจนไปถึงความฝันขั้นหักล้างความฝันอื่นที่อยู่นอกเหนือให้สิ้นซาก
	ดูการสึกกร่อนของหินขนาดเหมาะมือจนกลายเป็นเม็ดทราย  จะต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ในการเปรียบเทียบแบบธรรมดา ถ้าจะให้ฟังดูหรูหรา  ต้องเปรียบเปรยถึงเพชร  ผลึกเพริศแพร้วอันพิลาส กว่าจะมาก่อตัวต้องผ่านวงรอบของนาฬิกาไม่รู้กี่รอบที่เกินนิ้วมือนับได้
	อย่ามองดูดอกไม้แต่เพียงประการเดียว ให้สนใจ เอาใจใส่ราก..ลำต้น..อะไรก็ตามที่เป็นดอกไม้ อาจมองเห็นรังสีแสงแห่งตะวันที่คอยเป็นเชื้อเพลิงปรุงอาหารของดอกใบ   จนรวมความไปถึงไส้เดือนที่พรวนดินให้ร่วนซุย เปิดห้องรับแขกให้มวลอากาศลงมานั่งเล่นในลานดิน เปิดโอกาสให้รากน้อยใหญ่ได้แยกย้ายไปค้นหาแร่ธาตุที่กระจายตัวทั่วแผ่นผิวของพื้นโลก
	จะเบื้องหน้าอันสง่างามหรือเบื้องหลังที่ยังซ่อนตัว  ., หากเธอถึงพร้อมด้วยความเพียร ค่อยผสานเอาสิ่งนั้น สิ่งนี้ มาประกอบสร้าง เพื่อจะมีความสำเร็จไว้เคียงบ่าเคียงไหล่   ก็ขอกระซิบด้วยความเป็นห่วงว่า ต่อให้ตะคริวจับ เหน็บกิน ก็ขอให้เธอ..,ลุยไปด้วยใจเปี่ยมสติ

	แล้วฉันจะรอปรบมือชื่นชมเธอเอง.				
23 ธันวาคม 2547 22:05 น.

บางขณะของความไว้ใจ

pigstation

บางขณะของความไว้ใจ  { Sometimes  when we Trust }
	




เราเคยหลงใหลในความกว้างไกลของทะเลที่มีผิวหนังสีน้ำเงินเข้ม  อันแสนหยาวเหยีดสุดลูกหูลูกตา มีริ้วคลื่นสีขาวสะอาดแตกฟองสนุกสลับไปมาไม่รู้เหนื่อย กับสายลมเอื่อยเฉื่อยออกอ้าวไอแดดและปะแล่มกลิ่นเกลือ ที่ตรงนั้นเรานอนแผ่หรา
	แต่ว่าบางขณะ ทะเลก็แปลงกายด้วยการสมคบคิดกับคลื่นลมมรสุม  จนเราต้องหวาดผวาไปกับท้องทะเลที่ได้รับคำกล่าวขานว่า .....คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล เช่นเดียวกับจิตใจของคนเรา..ยากจะเชื่อมั่น
	คนสองคนบนการคบหาที่ผ่านระยะเวลาหนึ่ง บางเวลาดูเหมือนว่าสามารถพูดคุย พูดจา หัวร่อต่อกระซิกใส่กันอย่างชื่นมื่น ราวทุกความลับนั้นคือสิ่งที่ไม่เคยมีเลย ในสายสัมพันธ์
	การไหลลื่นของกาลเวลานั้น  ขึ้นตรงกับความรู้สึกเป็นสำคัญ ช่วงวันวัยที่เราเพลิดเพลินไปกับการเดินทางท่องเที่ยว มักผ่านไปอย่างรวดเร็ว  จนอยากหยุดเวลาไว้ตรงความทรงจำนั้นนานๆ ต่างจากการงานที่ดูเร่งเร้าและตอกหมุดตรึงเราไว้หลังโต๊ะทำงาน หลังกองเอกสาร รุมสุมล้อมเราไว้อย่างไม่มีท่าทีจะสยบต่อเรา ขณะหนึ่งนั้นราวกับเส้นแบ่งกาลเวลายืดตัวขยายออกเป็นความทรมาณอย่างยิ่ง
	...,นี่กระมัง เสน่ห์บางประการของการอยู่บนโลกสามมิติ ที่บวกเอาอีกมิติ ให้เป็นมิติที่สี่คือ มิติของกาลเวลา
	ชีวิตเช่นกันคือความผันแปร  สิ่งที่คาดเดาไว้บางคราว เป็นเหมือนการล่องหนของปรากฏการณ์ ทิ้งให้เรา เศร้า เหงา เจ็บ อยู่ในกับดักแห่งความผิดหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คำว่าความหวัง เป็นเสมือนแผงปีกบางเบาที่คอบสยายคลี่คลุมให้เกิดความรู้สึกปลอบประโลมจิตใจว่า พรุ่งนี้...อาจมีบางสิ่งเยียวยา
	ระหว่างการรู้จักกันของเรานั้น ถ้าไม่เว้นวรรคอะไรบ้าง ความอึดอัดก็จะบังเกิดขึ้น  เช่นในประโยคที่ผ่านๆมา ย่อมต้องมีการเว้นวรรค การหยุดถ้อยคำไว้แต่ละท่อนของข้อความ ทั้งที่ความหมายนั้นต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ เป็นทิวแถวของการบอกเล่า การตั้งคำถาม...ในเมื่อเรียนรู้ถึงการปล่อยผ่านบางสิ่งให้ออกนอกบริเวณขอบเขตการรับรู้ คงเป็นการดีที่ให้โอกาสให้เราได้พบเจออะไรที่เป็นภาวะเอกสัมผัส ที่เราจะได้ซึมซับบ้าง พร้อมกับการปล่อยให้ใครบางคนออกจากวงล้อมของความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไปพบกับความเป็นไปที่พ้นล่วงจากการผูกขาดในความเป็นมิตร
	จงรอบคอบในการตรวจสอบความผิดพลาดของตัวเราเอง มากกว่าจะไปเคร่งครัดพิสูจน์ทราบในความขาดเกิน หรือ ขาดตกบกพร่องของใครอื่น ที่อุตส่าห์มอบหมายคำว่า เพื่อน ให้เรา
	เพราะบางขณะของความไว้ใจนั้น ไม่การมองเห็นด้วยตาเปล่าแต่เพียงประการเดียว ยังเป็นเรื่องของการเปิดองศาใจให้กว้างออก  เผื่อว่าจักรวาลในใจของแต่คนจะได้เปิดโอกาสให้ดวงดาวแห่งความใหม่ชื่นได้กระพริบแสงบ้าง
	ถึงเวลานัดหมายกัน เราจะได้มีอะไรอื่นๆ มาบอกเล่าให้กันฟัง มากกว่าการสัมปทานมิตรภาพแบบผูกขาด
	ในบางขณะของความไว้ใจ  คือการเว้นช่องว่างไว้เพื่อสร้างความหมายต่างกัน เช่นเพลงเดียวกันแต่ต่างทำนอง....,เนื้อร้อง  แต่บรรเลงกล่อมให้เราเต้นรำบนความผูกพัน อย่างอบอุ่น เสมอ				
19 ธันวาคม 2547 16:57 น.

โครงการพับคน

pigstation

โครงการพับคนดับไฟใต้

	ใครเลยจะรู่ว่าในเมื่อเราสามารถพับกระดาษเปล่าๆแผ่นหนึ่งให้กลายเป็นนกได้ นอกจากจะรูปร่างละม้ายคล้ายนกแล้ว ยังแทนความหมายของคำว่าสันติภาพได้ แล้วไม่ใช่แค่นกกระดาษตัวสองตัว แต่นี่นับเป็นล้านๆตัว ที่ไม่ใช่นำไปใส่ขวดโหลขนาดใดๆได้ แต่ได้นำไปโปรยปรายสู่ชายแดนภาคใต้ของแหลมทอง ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีในสำนวนที่ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ กล่าวคือพับนกเป็นนก โปรยนกเป็นสันติภาพกำราบไฟใต้ เอ้าไชโย
	เมื่อกาลเป็นอย่างนี้เสีย ทำไมเราไม่เร่งเอาดัชนีการพับนกมาประยุกต์เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาที่นัวเนียอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของเรา  โดยการดัดแปลงพันธุกรรมทางความคิดของท่านผู้นำว่า หากเราพับนกได้ เราก็ควรพับคนได้เช่นกัน
	ช้าก่อนไม่ได้หมายความว่าจะนำคนเป็นๆมาพับครึ่งผ่ากลางไปมาอย่างเช่นนกกระดาษหรอก เพราะคนนะไม่ใช่กระดาษ หรือ แผ่นโรตีมะตะบะ จะพับจะง้างได้ง่ายปานนั้น
	อุปมาอุปมัยว่า เราจะจัดโครงการพับคนขึ้นมาด้วยการอาศัยความร่วมมือแกมบังคับด้วยความหวังดีเป็นที่ตั้ง ซึ่งมีที่มาจากการเลียนแบบเด็ก AFS หรือ เด็กนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่เราคุ้นหูคุ้นตากันมาช้านานว่า ทางต่างประเทศ เช่น   สหรัฐได้จัดครอบครัวอุปถัมป์ขึ้นมาเพื่อรับเอาเยาวชนที่มีพื้นฐานทางภาษา(อังกฤษ ไม่ใช่ สันสกฤต) ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต ไปเรียนรู้ ที่ประเทศเขา ประมาณ 1 ปี และเราเชื่อกันว่าบรรดาเด็ก AFS ส่วนใหญ่เมื่อกลับมาแล้ว     มีจำนวนไม่น้อยมีทัศนคติ มีความคิดบางอย่างแปรรูปเปลี่ยนไปจากเดิม คือจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นอย่างดี ถ้าจะยกตัวอย่างก็ไม่เห็นว่าจำเป็น ไม่อยากพึ่งพาอาศัยชื่อเสียงคนดังมาการันตี  
	ว่ากันต่อ เด็ก AFS เหล่านี้จะมีความผูกพันต่อผู้คนในครอบครัว เนื่องจากไปพำนักพักอาศัย ไปกินนอน ไปเป็นหวัดคัดจมูกที่ประเทศนั้นๆ ย่อมต้องมีความเข้าใจ ความผูกพัน จนเกิดอาการงอกงามทางด้านความรักใคร่เมตตาขึ้น ไม่มากก็น้อย ดังนั้นผลประโยชน์ในด้านบวกก็ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย (ถึงจะมีเด็ก AFS บางคน เมื่อเติบโตแล้ว ต่อต้านนโยบายของผู้นำสหรัฐก็ตาม แต่ก็เป็นไปโดยสันติวิธี และตามครรลองของสิทธิมนุษยชน ไม่เลยเถิดอย่าง คุณบิน ลาเดน)
	เมื่อพิจารณาข้อดีของเด็ก AFS แล้ว เราหันมาโมดิฟายใหม่ในการแก้ปัญหาไฟใต้ที่ใช้การพับนกกระดาษคงยังไม่เพียงพอต่ออุณหภูมิองศาความร้อนที่เกิดขึ้น
	เราจึงเห็นชอบให้เกิดโครงการพับคนขึ้นมา โดยเริ่มจากการคัดสรรครอบครัวอาสาอุปถัมป์พับคนดับไฟใต้จากเขตภาคกลาง,ภาคเหนือ,ภาคอีสาน  ที่มีความรักปรองดองในความเป็นชาติเชื้อไทย ที่มีความพร้อมทางคุณวุฒิ วัยวุฒิ เพื่อรับอุปการะเด็กจากภาคใต้ที่ครอบครัวถูกลอบสังหาร หรืออุ้มหาย มาเลี้ยงดู ให้การศึกษาตามแต่วัย สัก 1  ปี  เพื่อสร้างสายใยความผูกพันให้เกิดขึ้น ภายในดวงใจน้อยๆของพวกเขาเหล่านั้น ให้รู้สึกว่า ไม่มีใครเหินห่างหมางเมินกัน ไม่มีใครจะพากันเอาตัวรอดเพื่อไปเสวยสุขแต่เพียงผู้เดียว
	ลองคำนวณดูว่าหากโครงการพับคนนี้มีครอบครัวอาสาอุปถัมป์เด็กน้อยจากภาคใต้สัก 500 ครอบครัว ยินดีตอบรับ  เราสามารถสร้างเด็กคนหนึ่งที่หวาดหวั่นต่อภัยรอบตัวได้มาสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นพอจะกระตุ้นเตือนว่า หากเราสมานฉันท์ ให้ความช่วยเหลือเผื่อขาดต่อกัน ในวันที่ใครคนนั้นเกิดความสั่นคลอนในจิตใจแล้ว อ้อมกอดที่ว่าจะเป็นเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีที่จะขยายภูมิคุ้มกันนี้ออกไปสู่ผู้อื่นต่อไปเป็นแชร์ลูกโซ่ชนิดดีเยี่ยมอย่างไม่รู้สิ้น
	ด้วยว่าครอบครัวอาสา ย่อมจะการติดต่อบอกเล่าข่าวสารต่อกัน      ทั้งในยามเด็กในโครงการพับคนมาพักพิง จนกระทั่งกลับไปสู่บ้านเกิด ครอบครัวทั้งสองก็จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีความหมายมากกว่าการส่งเสียงร้องเพลงสันติภาพ/การพับนก ที่เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น
	ใครเลยจะไม่เชื่อว่า ทัศนคติที่เด็กในโครงการพับคนได้ถูกพับขึ้นมาใหม่จะมีความหมายลึกซึ้งเพียงไรว่า ทุกถิ่นขวานทอง คือพี่น้องเดียวกัน
	โครงการพับคน ที่นำเสนอครั้งนี้ แม้จะเป็นผลอันแตกหน่อมาจากความคิดจินตนาการ ทว่าความเป็นจริง เรายังคิดว่าไฟที่ไหม้นั้นอยู่นอกรั้วนอกบ้านเรา ไม่ใช่บ้านเราสักหน่อย แล้วจะไม่คิดต่อไปอีกสักนิดหรือว่า เมื่อวัตถุที่ถูกความร้อนสุมอยู่ เมื่อถึงจุดสันดาปก็จะติดไฟขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้ไฟสุม ?
	เสียดายจริงๆ ที่ตัวเองยังไม่มีครอบครัว จึงไม่อาจจะเป็นครอบครัวอาสารับเด็กมาพับได้แต่ยังมีความโสดเป็นที่ตั้ง หากสาวใต้ที่คมขำยังโสดจะมาร่วมสร้างครอบครัว เพื่อพับคนที่มีจิตใจรักในความงามของสันติภาพก็ติดต่อมาได้( ไฟใต้อาจจะมอดแต่ไฟสวาทอาจจะลุกโชนแทน)				
Lovers  0 คน เลิฟpigstation
Lovings  pigstation เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟpigstation
Lovings  pigstation เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟpigstation
Lovings  pigstation เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงpigstation